เมืองไทย 360 องศา
หากจะบอกว่ารายการ"กู๊ดมันเดย์"ของ "แม้ว"นายทักษิณ ชินวัตร ที่โหมโรงมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่าจะพบกันในทุกวันจันทร์ในรายการดังกล่าวผ่านทางสื่อโชเชียลที่ตัวเองกำหนดเอาไว้ และก็มาตามนัด เพราะมีการจัดรายการตามที่ว่าจริงๆ โดยครั้งแรกเนื้อหาเป็นการพูดถึงเรื่องปัญหาฝุ่นละอองในประเทศไทย ก็ตามสไตล์ก็คือมักจะโชว์วิชั่นออกมา มีการเปรียบเทียบให้เห็นถึงการแก้ปัญหาในเมืองอื่น เช่น ปักกิ่ง ของจีน หรือแม้แต่ดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรต ที่ตัวเองไปปักหลักหลบหนีคดีไปอยู่ที่นั่น ด้วยการยกตัวอย่างให้เห็นในเรื่องการใช้พลังงานสะอาด สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการปลูกต้นไม้ในเมือง
แต่เท่าที่สังเกตดูปรากฏว่ามันก็ธรรมดา ไม่ได้ผิดแผกแหวกแนวตื่นตาตื่นใจไปจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้แต่การแก้ปัญหาจากฝ่ายรัฐบาลที่ดำเนินการแก้ปัญหาอยู่ แม้ว่าจะเป็นเรื่องเฉพาะหน้า แต่ก็ถือว่าทำอยู่ ขณะที่ความเห็นของ นายทักษิณ ชินวัตร ก็ถือว่า"ธรรมดามาก" เอาเป็นว่า"ไม่ปัง"อย่างที่คิด
อาจเป็นเพราะรูปแบบรายการที่โหมโรงก่อนหน้านี้มันยังไม่ได้จังหวะ เหมือนกับไฟท์บังคับที่ต้องกล่าวถึงเรื่องปัญหาฝุ่นละออง มันก็เลยทำได้แค่นำเสนอแนวทางการแก้ปัญหาแบบกว้างๆได้เท่านั้น เพราะเมื่อวัดจาก"ดีกรี"การนำไปเสนอผ่านสื่อระดับน้ำหนักข่าวจึงค่อนข้างเงียบเชียบ
ขณะที่"น้องปู" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับฮือฮากว่าที่มีการนำเสนอข้อมูลว่าถูกปลดออกจากตำแหน่ง"ทั่นประธาน"บริษัทซัวเถา อินเตอร์เนชั่นแนล คอนเทนเนอร์ เทอมินัล ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับท่าเรือในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยคนที่นั่งเก้าอี้แทนเป็นคนจีน ทั้งที่เธอนั่งเก้าอี้ตัวนี้ยังไม่ถึงหนึ่งเดือน
ซึ่งเรื่องนี้ก็น่าจะจริง เพราะทางฝ่ายเพจ คนใกล้ชิดหรือคนที่เคย"อวย"กันก่อนหน้านี้ต่างเงียบกริบ เงียบจนผิดสังเกต
อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณาจากข้อมูลอีกด้านหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงในบริษัทบริหารท่าเรือดังกล่าวเหมือนกับทำให้มองกันว่างานนี้"มีใบสั่ง"ลงมาจาก"เบื้องบน"ในแผ่นดินจีนกันเลยทีเดียว ทำให้หลายคนเข้าใจว่าทางรัฐบาลไม่อยากขัดใจกับทางฝ่ายรัฐบาลไทย และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพราะที่ผ่านมาถือว่าความร่วมมือทุกอย่างทั้งในด้านการลงทุน รวมไปถึงยุทธศาสตร์ภูมิภาคในทะเลจีนใต้ที่ไทยวางตัวได้ดีมาตลอด
จะว่าไปแล้วมีความแนบแน่นมากไปกว่าในยุครัฐบาลของเครือข่ายทักษิณ บริหารเสียอีก เพราะในยุคนั้นเน้นผลประโยชน์ของสหรัฐฯและตะวันตกเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังกระเพื่อมมาถึงรัฐบาลกัมพูชาที่ถึงขั้นที่นายกรัฐมนตรี "ฮุนเซ็น"ต้องประกาศยกเลิกหนังสือเดินทางที่เคยให้กับชาวต่างชาติทั้งหมด ซึ่งก็ต้องหมายรวมถึง หนังสือเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย เพราะตามรายงานว่าเธอใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาสำหรับใช้ทำธุรกิจซื้อหุ้นของบริษัทท่าเรือที่ว่านั้น จนเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชือที่คนอย่างฮุนเซ็นจะออกมาแสดงท่าทีแบบนี้ หากไม่ได้รับการร้องขอ"ในแบบที่ปฏิเสธไม่ได้" หรือต้องมีการต่อรองที่สมน้ำสมเนื้ออย่างแน่นอน
แต่เอาเป็นว่า"เปิดหัว"มาช่วงปีใหม่ถือว่าทั้ง"สองพี่น้อง"คือ ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สดใสเอาเสียเลย
ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บรรดาสื่อในเมืองไทยต่างก็พร้อมใจกันรายงานข่าวความขัดแย้งในพรรคเพื่อไทยที่เชื่อมโยงกันหลายส่วน นั่นคือการช่วงชิง"เบอร์หนึ่ง"ในพรรคเพื่อไทย ระหว่าง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าใครจะได้รับการเสนอในบัญชีนายกฯของพรรคลำดับที่หนึ่ง จากเดิมที่เข้าใจว่าต้องเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ แต่กลายเป็นว่าในช่วงสองสามวันมานี้มีระดับ"ขาใหญ่"สายตรง เช่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สนับสนุน นายชัชชาติ
แม้ว่าในเวลาต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะใช้สื่อโชเชียลโพสข้อความปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงก็ตาม และต่อมาก็มีคนในพรรคออกมายืนยันแบบเดียวกันพร้อมกับระบุว่านี่คือแผนเสี้ยมทำให้แตกแยกทำลายพรรค
แน่นอนว่าจริงไม่จริงไม่รู้ รู้แต่ว่ารายงานข่าวแบบนี้ออกมา มันย่อมมองเห็น"รอยปริ"ในพรรคเพื่อไทยที่ยังไม่มีความเป็นเอกภาพ ยังไม่ลงตัว เคยเห็นภาพตั้งแต่เมื่อครั้งที่มีการแยกออกมาตั้งพรรคไทยรักษาชาติ ในตอนนั้นมีระดับ"บิ๊กเนม"เดินออกมามากมาย แต่ก็พยายามอธิบายให้เห็นว่านั่นยุทธศาสตร์"แตกแบงก็พัน"ในการเลือกตั้ง เรื่องก็เลยค่อยๆซาไป แต่มาวันนี้กลับได้เห็นรอยแยกที่ผิดปกติเหล่านั้นกลับมาให้เห็นอีก และนับวันยิ่งจะเห็นถึงความผิดปกติแบบนั้นชัดเจนขึ้น
ขณะเดียวกันเมื่อหันมาอีกฟากหนึ่งที่เป็นอีกขั้วอำนาจ ที่นำโดย "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นับวันยิ่งแข็งแกร่ง แม้ว่าเขายังไม่ประกาศท่าทีทางการเมืองว่าจะเอาแบบไหน แต่เมื่อพิจารณาจากผลสำรวจทุกโพลต่างออกมาตรงกันนั่นคือมีเสียงเรียกร้องให้เป็นนายกด้วยเปอร์เซ็นต์ทิ้งห่างคนอื่น โดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เป็นแบบนี้ และที่สำคัญจากผลสำรวจปรากฎว่าในรอบหลายครั้งก็"มีความนิ่ง"
แน่นอนว่าในอนาคตยังไม่แน่ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะตัดสินใจอนาคตทางการเมืองแบบไหน แต่นาทีนี้เขายังเป็น"เต็งหนึ่ง"ขณะที่อีกด้านหนึ่งอิทธิพลของ ทักษิณ ชินวัตร หรือรวมถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับลดถอยลงไปเรื่อยๆ และยังส่งผลมาถึงพรรคเพื่อไทยที่เวลานี้แทบไม่เหลือสภาพ"ยานแม่"ที่คอยขับเคลื่อนได้อีกต่อไปแล้ว !!
N.K. ไม่ต้องอ่านเนื้อหา เห็นพาดหัวรู้เลยว่าข่าวจาก เมืองไทย 360 องศา ของผู้จัดการ แน่ 555
21 ม.ค. 2562 เวลา 22.18 น.
Dawud Yuttachai 5555 ไอ้สำนักกระบวย
21 ม.ค. 2562 เวลา 22.23 น.
Winyu ไอ้คนเขียนไม่สมควรเป็นนักข่าว ไม่เคยเป็นกลางเลย
22 ม.ค. 2562 เวลา 00.00 น.
-Nut- อวยเกินเหตุ ทำได้หรอตู่
21 ม.ค. 2562 เวลา 22.37 น.
ภาพ บิ๊กตู่ขี้ตู่ฝันไปเถอะ
21 ม.ค. 2562 เวลา 22.40 น.
ดูทั้งหมด