วันที่ 24 เม.ย. หลังจากโลกโซเชียลแชร์ภาพญาติตามหา น้องเอิร์ท อายุ 17 ปี หลังเข้ามาฝึกงาน และพักอาศัยย่านดินแดง กทม. และหายตัวไปตั้งเเต่วันที่ 12 เม.ย. ต่อมามีคนเก็บโทรศัพท์น้องเอิร์ทได้แถวสุขุมวิท 71 ก่อนพากันเร่งติดตามตัว จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 17 เม.ย. ก็มีคนไปพบตัวน้องเอิร์ท ในสภาพผอมโซ ที่คอมีรอยแผลคล้ายถูกเชือกรัด กลับมาห้องพักเอง
หลังจากทราบข่าวผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 166 หมู่ 3 บ้านเชียงยืน ต.เชียงยืน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้านแม่ของน้องเอิร์ท และพบแม่และน้องเอิร์ท อยู่ในสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ โดยอาจารย์ให้พักผ่อนและหยุดฝึกงานชั่วคราว ก่อนจะย้ายที่ฝึกงานมาฝึกงานที่บ้านเกิด ซึ่งมีญาติพี่น้องเดินทางมาถามสารทุกสุกดิบ พร้อมกับผูกข้อมือรับขวัญตามประเพณีชาวอีสาน
น้องเอิร์ท เล่าว่า เมื่อวันที่ 12 เม.ย. เวลา 05.00 น. ตนได้ออกจากห้องพักย่านดินแดง เพื่อไปฝึกงานที่ร้านสะดวกซื้อ แถวถนนพหลโยธินซอย 8 โดยใช้บริการรถเมล์ ระหว่างนั่งรถอยู่นั้น จู่ๆ ตนก็เผลอหลับไป พอมารู้สึกตัวอีกครั้งน่าจะเป็นช่วงบ่ายของวันที่ 13 เม.ย. มองไปรอบทิศมีแต่ภูเขาและต้นไม้ ตอนนั้นตนรู้สึกมึนงง ไม่รู้ว่ามาโผล่ตรงนี้ได้อย่างไร เมื่อรู้สึกตัวตนก็หาทางเอาตัวรอดเพื่อออกจากภูเขา โดยเดินไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้ทิศทางค่ำไหนนอนที่นั่น จนกระทั่งเจอบ้านร้าง ตนเข้าไปหวังจะพักผ่อน แต่ก็มีคนพักอยู่ในนั้น ตนจึงขอความช่วยเหลือ
“แต่ชาวบ้านก็ไม่กล้าช่วยเหลือเนื่องจากสภาพตอนนั้นเหมือนคนขอทาน เสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ย ไม่ได้สวมรองเท้า เนื่องจากรองเท้ากัดเท้าเลยถอดทิ้งไว้ รู้เพียงว่าที่นี่คือ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากนั้นผมก็เดินทางไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมายปลายทาง หิวก็ปีนต้นมะพร้าวกินประทังชีวิต จนกระทั่งมาพบร้านซ่อมรถจยย. ผมจึงแวะเข้าไปถามทาง เจ้าของร้านใจดี ถามว่ามาจากไหนและจะไปไหน ผมก็บอกว่าตอนนี้หลงทาง และเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เจ้าของร้านจึงช่วยเหลือด้วยการให้เงิน เพื่อไปขึ้นรถไฟเพื่อกลับบ้าน และนำเสื้อผ้าให้ใส่ เมื่อกลับมาถึงเพื่อนๆ ก็พากันตกใจ เนื่องจากผมหายไปหลายวันจึงถามสารทุกข์สุขดิบ” น้องเอิร์ท กล่าว
ด้าน น.ส.ชรินรัตน์ หีบแก้ว แม่น้องเอิร์ทกล่าวว่า ลูกชายของตนเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีสมเด็จพานิชยการ จ.กาฬสิน ในช่วงเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายได้ไปฝึกงานที่ร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งที่ กทม. โดยอาศัยอยู่กับเพื่อนในห้องพัก 3 คน แต่ฝึกงานคนละที่ พอได้ยินข่าวรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเกิดกับลูกของตน ตอนแรกคิดว่าคงไปเที่ยวกับเพื่อน หรือมีปัญหาเรื่องงาน พอโทรไปหาเพื่อนของลูกชาย เพื่อนก็บอกว่าลูกชายไม่รู้อยู่ที่ไหน ไม่เจอกัน
น.ส.ชรินรัตน์ กล่าวต่อว่า ตนเลยโทรไปหาลูกชาย แต่คนรับสาย เป็น รปภ. บอกกับตนว่า เก็บโทรศัพท์ได้ ก็เลยตกใจ คิดว่าน่าจะมีอันตรายกับลูกชายแน่นอน เลยโทรไปปรึกษาครูและอาจารย์ เพื่อช่วยกันออกตามหา พร้อมกับแจ้งความกับตำรวจเพื่อช่วยติดตามหาอีกแรงหนึ่ง จนกระทั่งลูกกลับมา ตนรู้สึกดีใจมาก ที่ลูกชายไม่เป็นอะไรมาก มีเพียงรอยช้ำเหมือนโดนเชือกรัดที่คอ และรอยแผลถลอกที่ด้านหลัง ซึ่งหลังจากนี้จะให้ลูกชายกลับมาฝึกงานที่บ้าน ไม่อยากให้เดินทางไปไหนอีก เกรงว่าจะเกิดอันตรายอีก
ขนาดคุณยาย เดินเล่นที่เชียงราย อีก 8 เดือนไปโผล่ที่ประเทศ จีน ยังไม่มีคำตอบเลย
ไอ้น้องหลับบนรถเมล์สาย13. วันที่ 12 ไปโผล่ที่หัวหิน วันที่ 13. ตอนบ่าย หลับมาราธอน
25 เม.ย. 2562 เวลา 04.59 น.
MY WAY..MY SKY ไม่น่าเปนไปได้...งง......ไม่น่าปลอกเปลือกมะพร้าวได้นะ
25 เม.ย. 2562 เวลา 04.38 น.
BANK โกหกหรือป่าว
25 เม.ย. 2562 เวลา 04.02 น.
กูงงช่วยอธิบายหน่อยใครจับมันไปรึมันไปไงกูงงงง
25 เม.ย. 2562 เวลา 03.35 น.
Kai-Patra เด็กมันโกหกน่ะสิ
25 เม.ย. 2562 เวลา 03.00 น.
ดูทั้งหมด