ไลฟ์สไตล์

5 ผลไม้มีประโยชน์ แต่กินเยอะไป กลับมีโทษจนน่าตกใจ

LINE TODAY
เผยแพร่ 29 ส.ค. 2562 เวลา 11.55 น.

อย่างที่รู้กันว่าผลไม้ทุกประเภทมีประโยชน์ แต่ละอย่างล้วนมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารบางชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นการกินผลไม้แบบสด ๆ โดยไม่ผ่านการปรุงแต่งแปรรูป อย่างการคั้นน้ำ การหมักดอง ฯลฯ ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์ตามไปด้วย

ทำให้บางคนคิดว่ากินผลไม้แล้วดี ก็เลยกินแบบไม่บันยะบันยัง ซื้อมาทั้งกิโลกรัมก็กินหมดในคราวเดียว เพราะคิดว่าผลไม้มีแต่ข้อดี ไม่มีข้อเสีย แต่รู้ไหม..การกินผลไม้มากเกินไป ก็เกิดโทษได้เหมือนกัน โดยเฉพาะผลไม้หาง่ายในบ้านเราทั้ง 5 อย่างนี้ ยิ่งกินมาก ยิ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายมากจนน่าตกใจเลยทีเดียว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

1. ส้ม

ส้มคือผลไม้ยอดนิยมที่คนไทยชื่นชอบกันอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีประโยชน์มากมายแล้ว ยังเป็นผลไม้หาง่าย ราคาไม่แพง โดยปกติส้ม 1 ลูกประกอบด้วยสิ่งที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เส้นใยอาหาร แร่ธาตุและวิตามิน

วิธีกินส้มที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือกินทั้งลูกโดยแกะแค่เปลือกออกเท่านั้น ส่วนเส้นใยสีขาวที่ติดอยู่กับผลด้านในนั้นก็กินได้ แถมมีวิตามินมากกว่าผลส้มเสียอีก แต่แม้ส้มจะมีประโยชน์มากก็ใช่ว่าจะกินเท่าไหร่ก็ได้ เพราะมีประโยชน์ก็มีโทษได้เหมือนกัน โดยเฉพาะปริมาณสารพิษตกค้าง ซึ่งส้มถือว่าเป็นผลไม้ที่มีสารพิษตกค้างมาเป็นอันดับหนึ่ง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ที่สำคัญวิตามินซี ถ้าได้รับในปริมาณที่มากกว่า 500 มิลลิกรัมต่อวันต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน สามารถทำให้เกิดนิ่วในไตได้ รวมถึงหากรับประทานวิตามินซีมากเกิน 1,000 มิลลิกรัม ยังอาจทำให้ท้องเสียได้ด้วย นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ยิ่งไม่ควรระมัดระวังเรื่องปริมาณการกินมากเป็นพิเศษ เพราะส้มเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ดังนั้นควรกินแต่พอดีเพื่อประโยชน์สูงสุด

2. ฝรั่ง

ฝรั่งเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งแร่ธาตุ วิตามินซีสูง แต่ให้พลังงานน้อย กินแล้วช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ลดรอยเหี่ยวย่น แก้ท้องร่วง ต้านหวัด ลดไขมันเลว ฯลฯ เรียกว่าคุณประโยชน์มาเต็มจนไม่กินไม่ได้แล้ว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

หลายคนกินฝรั่งแทบทุกวัน ซึ่งถ้ากินบ่อย กินทุกวัน แต่กินในปริมาณที่พอเหมาะก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่ต้องดูที่มาให้ดี เพราะฝรั่งจัดเป็นผลไม้ที่มีสารพิษตกค้างสูงเป็นจำนวนมาก ถ้าเลือกดี แบบไร้สารพิษ และกินให้พอเหมาะก็จะได้รับประโยชน์เต็ม ๆ

แต่เมื่อไรก็ตามที่เผลอตามใจปากกินฝรั่งเข้าไปมากเกินไป (ไม่เกินวันละ 1 ลูก) จากข้อดีก็จะกลายเป็นข้อเสียทันที เพราะฝรั่งมีคาร์โบไฮเดรตสูง ทำให้ย่อยยาก ถ้ากินเยอะเกินไปอาจท้องอืดได้ 

3. มะละกอ

ผลไม้ใกล้ตัวที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะกินสุกหรือดิบก็มีสารอาหารและวิตามินอัดแน่นด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะมะละกอสุกถูกจัดเป็น 1 ใน 9 สุดยอดผลไม้ที่มีกากใยสูง มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ และยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของวิตามินเอ วิตามินซี โพแทสเซียม โฟเลต และเส้นใยอาหารด้วย

แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่มะละกอก็เป็นผลไม้ที่ถูกจัดอันดับว่ามีสารพิษตกค้างมากที่สุดด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงต้องเลือกที่สดและปลอดสารพิษจึงจะดีที่สุด ส่วนปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการกินในแต่ละวัน แม้จะยังไม่มีข้อมูลทางโภชนาการที่ชัดเจนในการกินมะละกอ แต่ก็ควรบริโภคให้อยู่ในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป และไม่ควรกินทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะแม้จะมีประโยชน์มาก แต่ถ้ากินทุกวันติดต่อกันก็มีโทษไม่น้อยเช่นกัน

สำหรับคนปกติ ร่างกายแข็งแรง แม้มะละกอจะมีประโยชน์มาก แต่การกินมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไหร่ เพราะมะละกอมีวิตามินเอสูง ถ้ากินมากไป มีความเสี่ยงต่อกระดูกและข้อต่อ อาจมีอาการเบื่ออาหาร เซื่องซึม นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ผมร่วง ปวดศีรษะ ท้องผูกด้วยก็ได้ และถ้ากินมะละสุกมากไปก็อาจทำให้สารมีสีพวกแคโรทีนอยด์ไปสะสมในร่างกาย ทำให้ผิวมีสีเหลือง ฝ่ามือเหลืองได้

4. แก้วมังกร

แก้วมังกรผลไม้ยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เนื่องจากมีน้ำตาลน้อย แคลอรี่ต่ำ มีสารต้านอนุมูลอิสระ เรียกว่าเป็นผลไม้มากคุณประโยชน์ที่แม้แต่คนที่ไม่ได้ต้องการลดน้ำหนักก็นิยมกินกันอย่างแพร่หลาย เพราะแก้วมังกรช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้แข็งแรง ต้านโรคภัยต่าง ๆ แต่สรรพคุณเหล่านี้จะส่งผลก็ต่อเมื่อไม่กินมากเกินไปเท่านั้น

ข้อแนะนำสำหรับการกินแก้วมังกรคือ ควรกินแค่วันละ 1 ผลเท่านั้นและควรเลือกซื้อจากแหล่งขายที่ไว้ใจได้ เนื่องจากแก้วมังกรจัดอยู่ในผลไม้ที่มีสารพิษมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ แม้จะปลูกง่าย กินง่าย ได้ประโยชน์ แต่หากกินแก้วมังกรที่ประกอบด้วยสารพิษตกค้างเป็นจำนวนมาก ก็ไม่อาจได้รับประโยชน์ได้

นอกจากนี้ หากกินมากเกินไปจะทำให้ท้องเสียง่าย มือเท้าเย็น เพราะแก้วมังกรเป็นผลไม้เย็น ดังนั้นจึงไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือน เนื่องจากความเย็นของแก้วมังกรทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อนได้

5. ทุเรียน

ราชาแห่งผลไม้ที่ใครได้ลองชิมเป็นต้องติดใจ ด้วยกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัวทำให้หลายคนปลื้มปริ่มกับการกินทุเรียนเป็นอย่างมาก ก็เลยอาจเผลอไผลกินเยอะเกินเหตุไปบ้าง แม้ทุเรียนจะช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย และยังมีเส้นใยที่ช่วยลดไขมันได้ดี มีวิตามินซี ช่วยในการดีท็อกซ์ลำไส้ แต่ประโยชน์ทั้งหมดทั้งมวลนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานของการไม่กินมากจนเกินไป

ปริมาณที่เหมาะสมของการกินทุเรียนคือ 1 พูต่อวัน ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่กินมากเกินไป โทษอย่างน้อยที่สุดก็คือทำให้แน่นและจุกเสียด โดยเฉพาะเมื่อกินทุเรียนคู่กับแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดอาการชา วิงเวียนศีรษะ หน้าแดง อาเจียน อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ไม่สบายตัว และอาจเป็นอันตรายได้ถ้ามีอาการขาดน้ำหรือหมดสติ

คนที่ต้องระวังที่สุดก็คือ คนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคไต หลอดเลือดหัวใจตีบ เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง โพแทสเซียมสูง กินแล้วร้อน ซึ่งส่งผลกระทบกับผู้ป่วยโดยตรง

นอกจากผลไม้ทั้ง 5 อย่างนี้ ผลไม้อื่น ๆ ถ้ากินมากไปก็เกิดโทษได้เหมือนกัน ดังนั้นการกินที่ถูกต้องที่สุดคือการกินแต่พอดี ในปริมาณที่พอเหมาะ ที่สำคัญต้องดูสภาพร่างกายของเราเป็นหลักด้วย ถ้ามีโรคประจำตัวก็ต้องให้ความสนใจกับการกินมากกว่าเดิม

ความเห็น 62
  • .~★☆ PikaPiPi ☆★~.
    ที่อ่านมา ผลไม้เกือบทุกชนิด จะมีสารตกค้าง เราต้องหาวิธีแก้อย่างไรดี?
    29 ส.ค. 2562 เวลา 12.23 น.
  • Mika&Massaya🐈‍⬛🪻
    เด่วนี้กินผักพลไม้ก็ไม่ดี สารพิษตกค้างเยอะ แล้วรบ.ไม่มีวิธีควบคุมตรงนี้บ้างหรา ...คนเป็นโรคมะเร็งกันเยอะและเป้นช่วงอายุน้อยกันแล้ว
    29 ส.ค. 2562 เวลา 12.52 น.
  • พนาดร
    ข้อมูลไม่มีแหล่งอ้างอิงอีกแหละ ว่าตามเขามา​ คิดเอง​ สรูปเอง
    29 ส.ค. 2562 เวลา 13.24 น.
  • หน่อง ณ หนองคู
    อะไรกินเยอะเกินก็ไม่ดีทั้งนั้นแหล่ะอย่างน้อยก็ทำให้ขี้แตกขี้แตน
    29 ส.ค. 2562 เวลา 12.20 น.
  • อธิบายแบบแพทย์ได้ป่ะ แบบนี้มันง่ายไป
    29 ส.ค. 2562 เวลา 12.49 น.
ดูทั้งหมด