ไลฟ์สไตล์

50 นิยามของภาวะจิตในรูปแบบต่าง ๆ | พศิน อินทรวงค์

พศิน อินทรวงค์
เผยแพร่ 13 ส.ค. 2562 เวลา 11.22 น.

1. อยากลงมือทำ = ฉันทะ

2. อยากได้ความสำเร็จ = ตัณหา

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

3. รักแท้ = เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

4. รักหนุ่มสาว = เมตตา ตัณหา ราคะ

5. รักหลอก = ตัณหา ราคะ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

6. ความสุข = ภาวะปรุงแต่งด้านบวก

7. ความทุกข์ = ภาวะปรุงแต่งด้านลบ

8. เบิกบาน = ไม่ปรุงแต่ง เป็นกลาง ไม่บวกไม่ลบ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

9. ฌานสมาธิ = จิตจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อดับความคิด

10. สมาธิการงาน = จิตจดจ่อกับการงานตรงหน้า ใช้การงานเป็นกรรมฐาน

11. วิปัสสนา = การสังเกตความจริงของร่างกาย ความรู้สึก ความคิด จนเห็นการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของรูปนาม

12. ปัจจุบันขณะ = การตระหนักรู้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อัตตาหายไปเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง

13. การพัฒนาจิต = กระบวนการที่นำไปสู่ความเข้าใจเพื่อการปล่อยวาง

14. ปัญญา = ความสามารถในการปล่อยว่างสิ่งต่างๆ

15. ความฉลาด = ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ

16. การคิดวิเคราะห์ = การประมวลข้อมูลและประสบการณ์เก่า นำไปสู่การตัดสินใจต่างๆ

17. ปัญญารู้แจ้ง = ภาวะไร้ผู้คิด เข้าใจสรรพสิ่ง

18. ชีวิต = กระบวนการทำงานของขันธ์ห้า คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

19. รู้จักตนเองทางโลก = รู้หนทางบำรุงกิเลสฝ่ายดีและฝ่ายเลวของตน

20. รู้จักตนเองทางธรรม = รู้ความจริงเรื่องเหตุปัจจัยในการสร้างอัตตาของตน รู้หนทางยุติการบำรุงกิเลสทั้งฝ่ายดีและฝ่ายเลว 

21. พุทธะ = ผู้ทำลายความหลงผิดว่า มีตัวเรา

22. เวลาทางโลก = อดีต อนาคต ปัจจุบัน

23. เวลาทางธรรม = ไร้เวลา เกิดขึ้น ดับไปขณะจิตนั้นๆ

24. การแสวงหาทางธรรม = เรียนรู้ภายใน เพื่อเข้าใจภายนอก เพื่อปล่อยวางภายในภายนอก

25. การแสวงหาทางโลก = เรียนรู้ภายนอก เพื่อเข้าใจภายใน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ไปตามทัศนคติของตน

26. ความสำเร็จทางโลก = การได้มาซึ่งลาภ ยศ สรรเสริญ สุข

27. ความสำเร็จทางธรรม = เป็นอิสระจากลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และสิ่งทั้งปวง

28. การภาวนา = อุบายการพิจารณาเพื่อเข้าใจความจริง

29. ลมหายใจ = ฐานที่ตั้งเพื่อหยั่งรากสมาธิ นำไปสู่วิปัสสนา เพื่อทำลายอัตตาตัวตน

30. ความฟุ้งซ่าน = ภาวะความปั่นป่วนอันเกิดจากการปรุงแต่ง

31. การใช้ความคิด = กำหนดสมาธิ และสติลงไปเพื่อแก้ไข ปรับปรุงการงานตรงหน้า

32. จิตสำนึก = ความรู้ สิ่งที่รู้ รู้ในความหมายของภาษา บัญญัติ คลังสัญญาความจำ

33. จิตใต้สำนึก = ความจำ ธาตุสัญญา ประสบการณ์เก่าซึ่งส่งผลต่อความรู้สึกสุขทุกข์

34. อดีต = การปรุงแต่งโดยใช้สัญญาในเวลาปัจจุบัน

35. อนาคต = การปรุงแต่งโดยปรับเปลี่ยนสัญญาตามทัศนะ ในเวลาปัจจุบัน

36. โลกความจริง = ผลอันเกิดจากความเข้าใจระดับจิตว่า โลกคือภาวะซึ่งสร้างจากการปรุงแต่ง

37. โลกสมมุติ = ผลสืบเนื่องจากการไม่เห็นความจริง เห็นว่าสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นความจริง

38. ระงับความโกรธ = ความตั้งใจที่จะจดจ่ออยู่ในความว่าง ด้วยสมาธิบ้าง วิปัสสนาบ้าง การตรึกคิดที่เป็นกุศลบ้าง

39. ความโกรธ = อาการที่จิตหลุดเข้าไปในการปรุงแต่ง มีสัญญาใหญ่ฝ่ายอกุศลครอบงำ สติดับ สมาธิดับ กิเลสพุ่ง

40. ความดี = ขณะจิตดำรงอยู่ในเมตตา กรุณา มุติตา อุเบกขา การตื่นรู้ 

41. ความชั่ว = ขณะจิตดำรงอยู่ในโมหะ โลภะ โทสะ ราคะ ความหลงในตัวตน

42. ปฏิบัติธรรม = กระบวนการทำลายกิเลสทั้งรูปและนาม 

43. ความจริงสูงสุด = เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

44. เข้าใจความจริง = ออกจากหนทางแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

45. ความตาย = ภาวะเปลี่ยนผ่านสู่รูปแบบชีวิตใหม่อันเกิดจากการปรุงแต่งของจิต

46. อัตตาตัวตนตาย = ยุติภาวะของการเปลี่ยนผ่านทางจิต เข้าสู่ภาวะไร้การเกิดดับ

47. คน = สัตว์ที่มีศักยภาพในการฝึกฝนสติในขั้นสูงสุด

48. มนุษย์ = วิวัฒนาการของสัตว์ที่ได้รับการฝึกสติมาแล้วพอสมควร 

49. อริยบุคคล = มนุษย์ผู้มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ 

50. พระพุทธเจ้า = ผู้ค้นพบหนทางและถ่ายทอดกระบวนการฝึกตน เพื่อบรรลุสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ เราเรียกมนุษย์ประเภทนี้ว่า “พระอรหันต์” 

ฝากไว้ให้คิด!!!

***เพื่อประโยชน์สูงสุด*** 

โดยเฉพาะผู้สนใจฝึกฝนพัฒนาจิต ท่านสามารถตรวจสอบนิยามเหล่านี้ โดยเทียบเคียงกับภาวะของจิตที่เกิดขึ้นแต่ละขณะ บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ปฏิบัติหันมาสำรวจจิตใจตนเอง เพื่อข้ามผ่านขอบเขตของภาษา ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมาก ตกเป็นทาสของภาษาหรือการสื่อสาร เพราะมัวแต่ทำความรู้จักตนเองผ่านการอ่าน การฟัง และการคิด แต่ไม่ได้ทำความรู้จักตนเองผ่านกระบวนการตื่นรู้ สังเกตตนเองตามความเป็นจริง ส่งผลให้ความเข้าใจภาวะจิตและอารมณ์ตามความเป็นจริงผิดพลาดไปหลายอย่าง แยกไม่ออกว่าอะไรคือรัก อะไรคือหลง อะไรคือตัณหาอะไรคือความพยายาม อะไรเป็นการลดอัตตา อะไรเป็นการเพิ่มอัตตา 

เมื่อความไม่รู้นี้ทับถมกันมากขึ้นๆ นานวันสิ่งปลอมจึงกลายเป็นความจริง และความจริงจึงกลายเป็นสิ่งที่สูญหายไม่มีใครพูดถึง สังคมของเราจึงกลายเป็นสังคมของการแข่งขันชิงดีชิงเด่น เพียงเพราะเราไม่รู้จักธรรมชาติของกิเลส ไม่เคยศึกษาความสัมพันธ์ของกิเลสซึ่งมีผลกับการใช้ชีวิตของเราในแต่ละขณะ… 

ท่านทั้งหลาย…ชีวิตของเราเป็นสิ่งมีค่า 

ทว่า ชีวิตก็มีวันหมดอายุ 

ไม่ช้าความตายย่อมเกิดกับเราไม่วันใดก็วันหนึ่ง 

คำถามสำคัญที่ท่านต้องย้ำกับตนเองให้มากๆ 

“ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ท่านกำลังใช้ความเป็นมนุษย์ของท่านเพื่อทำอะไรอยู่” 

ความเห็น 8
  • noeng
    ทุกอย่างรวมอยู่ในจิตดวงเดียว ถ้าแยกส่วนประกอบออกมาเขียนหนังสือเป็นเล่มๆคงไม่หมด ปุถุชนชนทั่วไปเอาแค่ ศีล ทาน ภาวนา ให้สมบูรณ์ ก็หาได้ยากแล้วยุคนี้
    13 ส.ค. 2562 เวลา 14.42 น.
  • biar6666
    จิตคือนาย กายคือบ่าว เงินคือทุกอย่าง... สัสสสสส
    13 ส.ค. 2562 เวลา 14.32 น.
  • ขอขอบคุณที่แปล 50 ศัพท์เทคนิคให้อ่านได้เข้าใจง่ายมากขึ้น ถ้าถามว่าใช้ความเป็นมนุษย์เพื่อทำอะไร เรียนรู้ชีวิตเพื่อส่งต่อแนวคิดหลักปรัชญาให้คนรุ่นต่อไป ได้เดินตาม เริ่มที่ลูกคนแรก
    13 ส.ค. 2562 เวลา 14.52 น.
  • สุขสงบ
    ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่ออะไร.. อยู่เพื่อทำความดี.. คิดดี+ฟังแต่สิ่งดีๆ+พูดแต่สิ่งดีๆ😁
    13 ส.ค. 2562 เวลา 14.43 น.
  • ธรรมะของ พระพุทธองค์ งามใน เบื้องต้น ในถ่ามกลาง ในที่สุด......................
    13 ส.ค. 2562 เวลา 14.34 น.
ดูทั้งหมด