เมื่อนานมาแล้ว ขณะกำลังท่องเน็ต ผมก็เผอิญเจอบทความหนึ่งของคุณฟองเบียร์ นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ชื่อดัง ที่เขียนเกี่ยวกับประวัติเพลงเพลงหนึ่งที่เขาแต่งเอาไว้
อ่านแล้วรู้สึกว่า เออ มันดีมาก ๆ
“นี่แหละความเสียใจ” คือชื่อเพลงนั้น
สรุปคร่าว ๆ ได้ว่า เพลงนี้คุณฟองเบียร์ได้แต่งขึ้นจากประสบการณ์ของเพื่อนของเขา ที่ครั้งหนึ่งเคยอกหัก เสียใจหนัก จนไม่เป็นอันทำงาน แต่พอได้โทรกลับไปคุยกับแม่ที่บ้าน กลับได้รู้ความจริงว่า คุณพ่อกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งในระยะสุดท้าย แต่ที่ผ่านมาคุณพ่อเธอไม่อยากบอก เพราะเกรงว่าจะทำให้ลูกสาวไม่มีสมาธิทำงาน ซึ่งพอเธอทราบเรื่อง ก็เก็บของกลับบ้านทันที พอวินาทีที่เจอหน้าพ่อและได้คุยกัน ตอนนั้นแหละที่เธอรู้สึกได้จริง ๆ ว่าที่เคยคิดว่าเสียใจมากกับเรื่องรัก แต่มันเทียบไม่ได้กับเรื่องคุณพ่อของเธอเลยจริง ๆ
จึงเป็นที่มาของชื่อเพลงนี้…นี่แหละความเสียใจ
ก่อนนี้ผมเคยคิดว่า เพลงอกหักเราฟังไปเพื่ออะไร ฟังแล้วก็ร้องไห้นี่หว่า ไม่ได้หายเศร้า ฟังแล้วก็รู้สึกยังหนักในใจนี่หว่า แต่ผมก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจได้ว่าที่คนอกหักยังฟังเพลงอกหักอยู่ เพราะว่ามันเป็นเพื่อนเรา มันพูดจาแบบเข้าใจเรา บางทีมันก็ไม่ได้สอนเราหรอก เพราะบางช่วง เราไม่ได้ต้องการคนสอนนี่
แต่เพลงอกหักบางเพลง เช่นเพลงนี้ มันก็บอกเราได้เกินกว่าแค่เป็นเพื่อนที่เข้าใจเรา แต่เราต้องคิดได้เองนะ เพราะมันไม่สอนเราหรอก มันไม่ใช่หนังสือจิตวิทยา ฟื้นฟูสภาพจิตใจ
และวันหนึ่ง ผมก็ได้มีโอกาสมีประสบการณ์คล้าย ๆ กับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แม้จะไม่ได้หนักเท่าก็ตาม
มีช่วงหนึ่งที่ผมมีเรื่องวุ่นวายใจกับตัวเอง ก็ความรักนี่แหละ..อึดอัด..เสียใจ..ซึมเศร้า..จนไม่ค่อยอยากทำงาน เอ๊ะ หรือจริงๆ ขี้เกียจ
เย็นวันหนึ่ง อยู่ ๆ แม่ผมก็ไลน์มาว่า แม่เจอก้อนเนื้อ และกลัวว่าจะเป็นมะเร็ง ผมอ่านข้อความเสร็จก็รีบโทรกลับไป ถามว่ามันเป็นยังไง แม่พูดไปก็ร้องไห้ไป คือแม่กลัวว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งและจะไม่ได้อยู่กับลูกต่อไปนาน ๆ
ผมฟังแม่พูด แม้จะคิดว่าแม่ไม่น่าเป็นมะเร็ง อาจจะเป็นอย่างอื่น แต่อีกใจหนึ่งผมก็แอบคิดหวั่นว่า แล้วถ้าเป็นมะเร็งล่ะจะทำยังไงดี
สุดท้ายหลังจากไปหาหมอ หมอก็ตรวจและบอกว่าไม่มีอะไรมาก เป็นอย่างอื่นที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร
แต่ ณ วินาทีนั้น ตอนที่ได้ยินแม่บอกว่าอาจจะเป็นมะเร็ง ความเสียใจจากความผิดหวังที่ผมกำลังรู้สึกอยู่นั้น มันเหมือนถูกเป่าทิ้งด้วยลมที่รุนแรงกว่า ตอนนั้นผมเลิกคิดถึงเรื่องตัวเอง ความผิดหวัง ความเสียใจ ความไม่เข้าใจ ความอึดอัดใจ ความคิดที่ว่าจะทำยังไงกับเรื่องที่เจออยู่ต่อไป ทุกอย่างที่เคยคิดรู้สึกมาเป็นเดือน ไม่มีความหมายเลย
ตอนน้ันผมคิดแค่ว่า ถ้าแม่เป็นมะเร็ง ผมจะกลับบ้านจะใช้เวลาทุ่มเทกับแม่
เรื่องอื่นไม่แคร์ ช่างมัน ไม่สำคัญ ใครจะไม่รักเรา ความรู้สึกเราจะเป็นยังไง
ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย เรื่องที่ผมกำลังเจออยู่ มันอยู่คนละระดับกับเรื่องนี้เลย เวลาที่เหลือของแม่สำคัญกว่า
นาทีนั้น ผมเลยรู้สึกได้ด้วยตัวเองว่า ระดับความเสียใจของคนเรานั้นมันมีต่างกัน เรื่องบ้างเรื่องที่เราคิดว่ามันแย่ มันหนักสำหรับเรา บางทีเมื่อมาเทียบกับบางเรื่องที่อาจจะผ่านเข้ามาใหม่ในชีวิตเรา มันคนละระดับกัน
ไอ้ที่เราเคยจะเป็นจะตาย เคยหมดหวัง เคยไม่อยากทำอะไรต่อไป มันอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ที่เราสามารถผ่านมันไปได้เลย และในขณะเดียวกัน บางเรื่องที่เราคิดว่าแย่แล้ว เมื่อไปเทียบกับบางคน บางชีวิตที่ต้องดิ้นรน บางชีวิตที่ถูกทำร้าย บางชีวิตที่แทบตาย แล้วเขาก็ผ่านมาได้ เขาสู้ เขาเผชิญหน้า เขาไม่ยอมแพ้ให้กับความเสียใจ สุดท้ายเขาก็ชนะ
เขาอาจจะไม่ชนะในเรื่องที่เขาทำ ณ เวลานั้น แต่เขาชนะความรู้สึกของตัวเองได้
ใช่ครับ ผิดหวังได้ เสียใจได้ แต่อย่าไปคิดว่า เราคงอยู่ไม่ได้ อย่าไปคิดว่าความเสียใจนี้ที่สุดแล้วในชีวิต บางทีเรื่องที่เราทุกข์อยู่นั้น ยังมีคนที่ทุกข์กว่าเราอีกเยอะ บางทีเรื่องที่เราเสียใจอยู่นั้น ยังมีคนที่เขาเสียใจกว่าเราอีกเยอะ และบางทีเรื่องที่เราคิดว่าเสียใจจนเกินจะรับไหวแล้วนั้น บางครั้งเราอาจจะพบว่ามันไม่ได้หนักเกินไปนักหรอก
เราอยู่ได้ และไม่แน่วันหนึ่งเราก็อาจจะเจอเรื่องที่หนักกว่านี้ แต่เราก็จะอยู่ได้ มันไม่ใช่ที่สุดในชีวิตหรอก อยู่ต่อให้ได้ แล้วมันจะผ่านไป เป็นแค่เรื่องหนึ่งในชีวิต
เราจะค่อย ๆ เติบโตขึ้นตามระดับของความเสียใจ
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากบอร์นเก้าสาม (เพจเท่าที่รู้) ได้ทุกวันศุกร์ที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน บน LINE TODAY
Nanana **เราจะค่อยๆเติบโตขึ้นตามระดับของความเสียใจ**...ชอบ..ประโยคนี้ค่ะ..เห็นด้วยอย่างมาก.👌
06 ธ.ค. 2562 เวลา 09.56 น.
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาในชีวิตก็ตาม ในการมีสติและคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงในปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างดีแล้ว เชื่อว่ายังไงก็ย่อมสามารถที่จะช่วยในการตัดสินใจเพื่อให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้องได้เสมอ.
06 ธ.ค. 2562 เวลา 10.07 น.
ดูทั้งหมด