นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีเด็กหญิง อายุ 9 ปีที่มาในครอบครัวทูตป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ว่า ในเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วย มีผู้โดยสารทั้งหมด 245 คน พบว่ามีผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์การเฝ้าระวังและสอบสวนโรค จำนวน 47 ราย หลังจากการตรวจพบผู้ติดเชื้อรวม 12 ราย รวมผู้ป่วยรายนี้ และมีการส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของ กทม. สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา
ทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ได้ดำเนินการสอบสวนโรคในกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมที่พำนักที่ครอบครัวผู้ป่วยเข้าพักก่อนทราบผลตรวจ โดยค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดและกลุ่มเสี่ยงโดยการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ขณะนี้ยังไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม และได้ให้ทำความสะอาดบริเวณโดยรอบตามมาตรฐานทางสาธารณสุขแล้ว
ส่วนกรณีลูกเรือของเที่ยวบินทางทหารอียิปต์ที่ตรวจพบการติดเชื้อโรคโควิด 19 ขณะมาปฏิบัติภารกิจการบินนั้น กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้กองระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 6 จังหวัดชลบุรี ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งดำเนินการสอบสวนโรคและรายละเอียดเพิ่มเติมในกรณีดังกล่าว
จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าเที่ยวบินทางทหารดังกล่าว มีกัปตันและลูกเรือ รวม 31 คน เป็นทหารจากประเทศอียิปต์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะ ตามมาตรการของคำสั่ง ศบค. เรื่องแนวปฏิบัติตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 6 ในข้อ (5) ซึ่งอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศไทยได้ แต่จะต้องอยู่ในพื้นที่ที่กำหนด และไม่ออกไปนอกพื้นที่สาธารณะจนกว่าจะเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งกลุ่มผู้ควบคุมยานพาหนะกลุ่มนี้เดินทางเข้ามาเมื่อวันที่ 8 ก.ค.63 เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดระยอง และกลับออกไปในวันที่ 11 ก.ค. 63
ทั้งนี้ เมื่อสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ได้รับแจ้ง จึงเข้าดำเนินการติดตามทีมลูกเรือที่เข้าพักในโรงแรมในวันที่ 10 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 11.00 น. แต่ทีมลูกเรือดังกล่าวไม่ได้อยู่ในโรงแรมตามมาตรการที่กำหนดไว้ และตรวจสอบพบว่าลูกเรือได้เดินทางไปห้างสรรพสินค้าใกล้โรงแรม จึงมีการออกติดตามตัวให้กลับมา และทำการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อโรคโควิด 19 เนื่องจากมีการออกไปนอกโรงแรม จึงต้องมีการตรวจให้มั่นใจว่าจะไม่มีการติดเชื้อและแพร่ไปในชุมชน ต่อมาหลังจากลูกเรือเดินทางกลับผลการตรวจพบว่าติดเชื้อ 1 ราย ซึ่งทหารกลุ่มดังกล่าวเดินทางกลับไปในช่วงเที่ยงของวันที่ 11 ก.ค.63
ทางทีมงานจึงได้ลงสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อค้นหาผู้สัมผัส ทั้งที่สนามบิน โรงแรม รถที่ใช้เดินทาง รวมทั้งที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อทำการตรวจหาเชื้อต่อไป โดยเบื้องต้นได้ดำเนินการตรวจทางห้องปฏิบัติการในผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (พนักงานโรงแรมที่ให้บริการคณะลูกเรือจากต่างประเทศ) ทำความสะอาด และปิดให้บริการในชั้นที่รับลูกเรือเข้าพัก
นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนชาวไทยทุกคนดำเนินมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง การ์ดอย่าตก ทั้งการสวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล เพื่อรักษาสภาพการแพร่ระบาดให้อยู่ในระดับต่ำต่อไปให้ได้นานที่สุด ทั้งนี้ ประเทศไทยยังมีความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 63)
S7 จากนี้ไป ถ้าใครติดเชื้อจากเหตุการณ์หลังจากนี้
ขอให้ทุกคนที่ติด ออกมาฟ้องร้องเอาผิดรัฐบาล ศบค และกองทัพบก!!!
อย่ายอมความเด็ดขาด!!
14 ก.ค. 2563 เวลา 05.20 น.
หนุ่ย#nuii งมเข็มไป
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.56 น.
สุพจน์ ยุบศูนย์ไปเลย รู้ว่าเชื้อมาจากต่างประเทศยังให้เข้ามา หาคนรับผิดชอบไม่มี พอได้หน้าออกมากันสลอน พอเสียหน้าหายหมด
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.53 น.
arcom ประชาชนการ์ดไม่ตกแต่พวกคุณการ์ดตกกันเอง
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.52 น.
Surachat ยกเลิกไปเถอะ. สิทธิ์พิเศษกับพวก11กลุ่ม. หรือใครก็ตามที่มาจากต่างประเทศ. ทำให้คนไทยหวาดผวากันไปหมด. ทั้งที่คนในประเทศส่วนใหญ่ปฏิบัติตนทำตามข้อกำหนดรัฐบาลอย่างเคร่งครัด. จนภายในประเทศไม่มีเชื้อแล้ว. แล้วประเทศจะมาพังกับคนพวกนี้. กับนโยบายรัฐบาลที่หวังฟื้นฟูเศรษฐกิจ. ขอเถอะครับอยู่กันเองภายในประเทศ. ทำมาหากินกันไปภายในเทศแบบพอเพียงกันไปก่อนกับสถานการณ์แบบนี้. ติดกันทั่วโลก. ได้ไม่คุ้มเสีย. อย่าหวังแต่ได้. หรือแค่ผลประโยชน์ของบางกลุ่ม. ไม่นึกถึงส่วนรวม. เหนื่อยใจหนักใจนะกับข่าวที่เกิดขึ้น.
14 ก.ค. 2563 เวลา 04.51 น.
ดูทั้งหมด