“ครูวา” กะเทยแสบ หลอกลูกทหารใช้เสน่ห์ฮุบทอง – เหยื่ออื้อแฉพฤติกรรมตุ๋นเงิน (คลิป)

จากกรณีสาวประเภทสอง หรือ “ครูวา” ได้เป็นขวัญใจหนุ่มๆ ชาวบิ๊กไบค์จนได้รับฉายาในวงการว่า “นางฟ้าบิ๊กไบค์” อีกทั้งยังอ้างตัวเป็นครู โดยมีพฤติกรรมเป็นนักต้มตุ๋นหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากบรรดาชายหนุ่มที่เข้ามาพัวพันหลายราย ซึ่ง”ครูวา” เเต่เดิมมีชื่อว่า นายภานุพงศ์ อัมพวัน จากนั้นมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ปพิชญา เเละล่าสุดมีการเปลี่ยนชื่อเเละนามสกุลเป็น ธัญญ์ฐิชา ศศิโชติกุลวงศ์

วันที่ 17 พ.ย. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้สอบถาม นายเต๋อ (นามสมมติ) หนึ่งในเหยื่อของครูวา บอกว่า เคยคบกับครูวาประมาณ 5 เดือน โดยรู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊ก ช่วงเดือนก.พ. เเละได้มีการพูดคุยกันมาเรื่อย ๆ จนตกลงปลงใจคบกันช่วงเดือนเม.ย. ซึ่งครูวาดูเป็นคนดีมาก ด้วยกริยาเเละคำพูด เป็นผู้หญิงในอุดมคติของตนทุกอย่าง ต่อมาครูวาก็เริ่มออกกลอุบาย รับอาสานำเงินไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เเละจ่ายค่างวดรถให้ เเละด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็ให้ครูวาเป็นผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม เเละคอยจัดการเรื่องเงินทั้งหมด จนกระทั่งวันหนึ่ง บ้านถูกตัดไฟเนื่องจากไม่จ่ายค่าไฟ เเละได้รับบิลว่าค้างค่างวดรถ 5 งวด ซึ่งตนก็ทราบทันทีว่า ที่ผ่านมาครูวาไม่เคยนำเงินไปจ่าย เเละยิ่งไปกว่านั้น เงินเดือนในเเต่ละเดือน ก็ถูกครูวากดไปจนเกลี้ยง รวมทั้งสิ้นกว่า 1 เเสนบาท นอกจากนี้ครูวายังขโมยสร้อยทองกับพระเครื่องของตนไปอีกด้วย ซึ่งยังไม่ได้ประเมินราคาในส่วนนี้

ด้าน นายเฉลิม (นามสมมติ) เจ้าของบ้านที่ครูวาเคยเช่าอาศัยอยู่ บอกว่า ครูวามาเช่าบ้านของตนที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.61 ค่าเช่าเดือนละ 6,000 บาท แต่เมื่อเข้ามาอยู่ปรากฏว่าไม่ได้จ่ายค่าเช่ากว่า 3 เดือน ซึ่งตนก็ได้ทวง ครูวาก็จ่ายมา 6,000 บาท หลังจากนั้นก็ค้างเเบบนี้มาเรื่อยๆ คือค้าง 3 เดือน จ่าย 1 เดือน เมื่อทวงก็จะอ้างปัญหาชีวิต กระทั่งตนมาทราบทีหลังว่า ครูวานำบ้านของตนไปใช้วัตถุประสงค์อื่น คือนำไปเปิดเนิร์สเซอร์รี่ (โรงเรียนสอนเด็ก) เเต่สุดท้ายกิจการก็ไปไม่รอด ซึ่งตนก็จับโกหกครูวาได้หลายอย่าง ก็พยามไล่ให้ออกดี ๆ เเต่ครูวาไม่ยอมออก จนมาถึงจุดเเตกหัก คือครูวานำบ้านตนไปขายต่อให้คนอื่น โดยไปอ้างว่าบ้านเป็นของตนเอง ตนรับไม่ได้จึงให้ออกจากบ้านไป เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 62 ที่ผ่านมา

ขณะที่ น.ส.ซันนี่ (นามสมมติ) ผู้เสียหายรายล่าสุดที่ถูกครูวาหลอก บอกว่า ตนเองรู้จักกับครูวามาประมาณ 1 ปี เนื่องจากตอนนั้นครูวาเปิดเนอร์สเซอร์รีย่านสายไหม เเล้วตนนำลูกไปเข้าเนอร์สเซอร์รี่ของครูวา ซึ่งตนกับครูวาเป็นคนใต้เหมือนกัน รู้สึกพูดคุยถูกคอจึงสนิทสนมกันเร็วขึ้น เเต่ช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ครูวามักจะเริ่มเเกล้งไอบ่อย ๆ เเล้วบอกว่าป่วยเป็นโรคปอดติดเชื้อ ซึ่งตนเคยทำงานเป็นผู้ช่วยพยาบาลมาก่อน ก็เกรงว่าหากไปไอในเนอร์สเซอร์รี่ ก็อาจจะติดเด็กได้ ตนเลยบอกให้ครูวาพักผ่อน หลังจากนั้นครูวาก็เริ่มหว่านล้อมบอกว่าเนอร์สเซอร์รี่ที่ทำอยู่ ได้กำไรเดือนละ 40,000 บาท เเต่ตอนนี้ทำไม่ไหวเเล้วเพราะป่วย พร้อมเสนอขายให้ในราคา 150,000 บาท จึงตัดสินใจซื้อ เพราะเห็นว่าผลกำไรสูง เเละทำสัญญาในวันถัดไปทันที โดยจ่ายค่ามัดจำก่อน 50,000 บาท เนื่องจากตนยังไม่มีเงินก้อนหลักเเสน เเต่หลังจากนั้นครูวาก็เริ่มขอยืมเงิน โดยอ้างสารพัด ตนเห็นว่าสนิทเเละเชื่อใจกัน ก็โอนให้เรื่อย ๆ รวมเเล้วครูวาได้เงินจากตนไปประมาณ 80,000 บาท ส่วนเนอร์สเซอร์รี่ที่เซ้งต่อ เมื่อตนเข้ามาทำ ปรากฎว่าไม่ได้กำไรเหมือนอย่างที่ครูว่ากล่าวอ้าง เเต่กลับขาดทุนถึงเดือนละ 20,000 บาท เเต่สุดท้ายก็ไม่ไหวเเละต้องปิดตัวลง

ส่วน นายเบียร์ (นามสมมติ) ไบค์เกอร์หนุ่มใน จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เสียหายอีกราย บอกว่า ถูกครูวาหลอกเอารถจยย. คาวาซากิ Z900 มูลค่ากว่า 400,000 บาท ที่ครูวามาขอซื้อต่อตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยจะจ่ายเงินก้อนให้ 18,000 บาท และจะนำไปผ่อนต่อเอง แต่จนถึงขณะนี้รถก็หายไปกับครูวาและเงินยังไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ซึ่งตนต้องถูกไฟแนนซ์ติดตามทวงหนี้ได้รับความเดือดร้อน ก่อนที่เมื่อวานนี้ ครูวาจะติดต่อกลับมาหาตนอีกครั้ง ตนจึงยื่นข้อเสนอไปว่า ตนจะให้เงิน 18,000 บาท แต่ต้องนำรถมาคืนให้ตน โดยนัดเอารถมาคืนให้ช่วงเที่ยงวันนี้ ซึ่งท้ายที่สุด ครูวาก็ไม่ได้มา แต่ให้นายแป้ง (นามสมมติ) ซึ่งเป็นอดีตแฟนคนล่าสุด เป็นคนขี่รถมาให้แทน

นอกจากนี้ นายแป้ง (นามสมมติ) ผู้เสียหาย บอกว่า ตนคบหาอยู่กินกับครูวาได้ประมาณ 1 เดือน ก่อนจะโดนขโมยทองรูปพรรณน้ำหนัก 3 บาทหนีหายไป และครูว่าได้โทรศัพท์มาแจ้งกับตนว่า ขอให้ขี่จักรยานยนต์ ที่ครูวาได้นำไปจอดไว้ที่บ้านตน ไปส่งให้นายเบียร์ ตามจุดนัดพบ หากทำเสร็จจะโอนเงินค่าทองให้คืน ตนจึงยอมทำตามเพราะอยากได้เงินคืน

ล่าสุด ร.ต.วีระศักดิ์ ศิลปเสวต อายุ 59 ปี อดีตข้าราชการทหาร ซึ่งลูกชายเคยตกเป็นเหยื่อครูวาอีกเช่นกัน บอกว่า ย้อนหลังไปเมื่อประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ลูกชายตนเป็นทหารอยู่ชายแดนภาคใต้ยศสิบเอก ได้คบหากับครูวา โดยที่ลูกชายตนและครอบครัวไม่รู้เลยว่าครูวา เป็นสาวประเภทสองเพราะเหมือนผู้หญิงทุกอย่าง และเกือบทุกครั้งที่ครูวา มาหาลูกชายและมานอนที่บ้านจะแต่ตัวในชุดข้าราชการครู โดยบอกว่าเป็นครูสอนอยู่ที่โรงเรียนดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองชุมพร ช่วงที่คบหากับลูกชายตนกว่า 6 เดือน ได้เอาบัตรเอทีเอ็มลูกชายตนไปกดเงินเดือนเข้าบัญชีตัวเองเดือนละ 10,000 บาท อ้างว่าเก็บสะสมไว้ใช้เป็นเงินทุนสร้างครอบครัว

กระทั่งวันหนึ่งครูวา นำสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท มาฝากไว้กับภรรยาตนแล้วบอกว่าจะไปธุระที่ต่างจังหวัดไม่อยากใส่ไปเพราะกลัวอันตราย ภรรยาตนก็ใจดีเอาสร้อยทองไปเก็บรวมไว้กับของภรรยาที่เก็บสะสมไว้เกือบ 5 บาท โดยพาไปเก็บไว้ในตู้ภายในบ้านซึ่งครูวาก็ตามไปดูด้วย ต่อมาตนและภรรยาเดินทางไปทำธุระที่กรุงเทพฯ แต่หลังกลับจากกรุงเทพฯ ปรากฏว่าทองคำทั้งหมดที่เก็บไว้หายไป เมื่อสอบถามครูวา ก็ปฏิเสธไม่รู้เห็น จนมาทราบจากเพื่อนบ้านที่รู้จักกับครอบครัวของครูวาว่าเป็นกะเทย เมื่อรวมทรัพย์สินที่เป็นทองคำรูปพรรณ และเงินเดือนของลูกชาย และของครอบครัวที่สูญหายไปในช่วงที่คบหากันกว่า 6 เดือน หมดไปทั้งสิ้นเกือบ 200,000 บาท

https://youtu.be/_xsv7MBCFJI