จากกรณี เฟซบุ๊กทนาย อนันต์ชัย ไชยเดชได้ลงเรื่องราวระบุว่า เมื่อปี พ.ศ.2557 ขณะที่ อาม่าฮวย ศรีวิรัตน์ อายุ 76 ปี นอนป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ต้องเจาะคอ มือเท้าอ่อนแรง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเอง ถูกลูกสาวในไส้ ร่วมกับพนักงานแบงค์ชื่อดัง ที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศไทย จำนวน 4 คน เปลี่ยนเงื่อนไขการเบิกถอนเงินเดิมในบัญชีออมทรัพย์ จากลงลายมือชื่อเป็นพิมพ์ลายนิ้วมือ และปลอมหนังสือมอบอำนาจ เบิกถอนเงิน และสั่งจ่ายเช็คแทนในบัญชีกระแสรายวัน ถอนเงินออกจากบัญชี อีกทั้งลักเอาเงินออกจากกองทุนเปิด ฯ ของอาม่าฮวยกว่า 250 ล้านบาท ไปจนหมดเกลี้ยง
ล่าสุด ทางด้านของ ธนาคารกสิกรได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีดังกล่าวระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อปี 2557 และพนักงานดำเนินการไปตามความประสงค์ลูกค้าผ่านทางญาติสนิท โดยไม่มีเจตนาทุจริต ทั้งนี้ในชั้นนี้มีการฟ้องร้องเป็นคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งจะต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง ทั้งรายการที่เกิดในฝั่งธนาคาร ข้อมูลความสัมพันธ์ในทางครอบครัว และข้อมูลแวดล้อมอื่น ๆ โดยธนาคารพร้อมให้ข้อเท็จจริงและนำเสนอพยานหลักฐานต่อศาล และยินดีปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรม
Captain(M.Tew) เป็นที่ลูกสาวเงินตั้งเยอะแยะเอาไปทำอะไรหมดโอสุดยอด
20 พ.ย. 2562 เวลา 04.42 น.
piponata เหมือนในหนังเลยลูกสาวก็โลภมากแล้วลูกอีกสองคนของอาม่าล่ะหายไปไหนมีเงินเยอะก็ไม่มีความสุขแย่งกันอยู่ได้
20 พ.ย. 2562 เวลา 01.53 น.
Songsri T. ก็รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าของบ/ชเขาไม่สามารถทำอะไรได้ขณะนอนป่วยอยู่ เจ้าหน้าที่ธนาคารก็มีการกระทำที่พยายามให้การกระทำนั้นถูกต้องเพื่อให้ได้มาเงินที่มีอยู่ในธนาคารจนหมด ถึงกับไปที่รพ.ปั้มลายมือถึงที่เตียง ว่ามันแปลกมั้ย ต้องทำขนาดนั้นเลยหรือถ้าไม่ใช่ร่วมการกระทำเพื่อผลประโยชน์มิชอบ ธนาคารออกมาปกป้องตัวเองมากกว่า ถ้าเารปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงหลักสามัญสำนึกชั่วดี ธนาคาานี้ก็น่ากลัวอาจจะทำแบบนี้กับลูกค้าคนอื่นๆอีกก็ได้ คิดดูคนป่วยไม่รู้อะไรขณะนั้น แต่มาถึงที่มาเอาพิมพ์ลายนิ่วมือ
19 พ.ย. 2562 เวลา 20.46 น.
มันต้อง “ชัดเจน” ต้องรีบย้ายเงินออกจากธนาคารนี้แล้ว เป็นข่าวบ่อยนะ
19 พ.ย. 2562 เวลา 17.08 น.
สมบูรณ์ ระวังทนายด้วยครับดูเจ้าของเงินแล้วหมดสภาพ
19 พ.ย. 2562 เวลา 15.52 น.
ดูทั้งหมด