เชื่อว่าเจ้าของสุนัขหลายๆ คนน่าจะเคยพูดคุยกับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง และพบว่ามันดูเหมือนจะเข้าใจในหลายๆ สิ่งที่คุณพูดด้วย ไม่ว่าจะเป็นคำชมต่างๆ , คำสั่งอย่างการขอมือหรือการวิ่งไปคาบของเล่น หรือแม้กระทั่งในตอนที่คุณดุมันก็ดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด และน่าจะเกิดความรู้สึกสงสัยว่าสุนัขเข้าใจเนื้อหาของสิ่งที่เราพูดกับมันจริงๆ หรือพวกมันเข้าใจคำพูดต่างๆ ของเราจากโทนเสียงที่ใช้พูดคุยกับมันเท่านั้น?
จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Oxford ที่ได้ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของสมองสุนัขระบุเอาไว้ว่า ไม่เพียงแต่สุนัขของคุณจะสามารถแยกแยะน้ำเสียงที่เราใช้ได้เพียงเท่านั้น แต่มันยังสามารถเรียนรู้และจดจำเนื้อความของสิ่งที่เราพูดคุยกับมันได้อีกด้วย นอกจากนี้แล้ว สมองของสุนัขยังมีแนวโน้มว่าจะชื่นชอบและมีการตอบสนองทางบวกต่อคำชมของเจ้าของมากกว่าการได้รับอาหารเสียอีก
ภาพจาก : https://journeydogtraining.com/hand-shy-dog/
โดยภายในสมองของสุนัขนั้นมีส่วนที่เรียกว่า Reward Centre ที่จะหลั่งสารแห่งความสุขออกมาเมื่อเจ้าของให้อาหาร หรือคำชมในโทนเสียงที่แสดงออกถึงการชื่นชมพวกมันอย่างชัดเจน และหากเราใช้คำพูดแบบเดิมแต่เปลี่ยนโทนเสียงที่ใช้ในการชมเชยก็พบว่ามันไม่ได้แสดงอาการดีใจเหมือนกับการได้รับคำชมในโทนเสียงเดิมที่คุ้นเคย นี่อาจแปลได้ว่าสุนัขนั้นสามารถเรียนรู้และจดจำภาษามนุษย์ได้จริงๆ แต่ก็เฉพาะกับคำพูดและโทนเสียงที่ใช้บ่อยๆ เท่านั้น ตัวอย่างเช่น หากคุณเล่นกับสุนัขของคุณบ่อยๆ โดยการปาลูกบอลและสั่งให้มัน “คาบบอลกลับมา” ซ้ำๆ เมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ถือลูกบอลไว้ในมือแล้วปาลูกบอลไปไกลๆ ให้มันคาบกลับมา แต่คุณเพียงแค่บอกกับมันว่า “บอลอยู่ไหน คาบบอลมาให้หน่อย” สุนัขของคุณก็สามารถที่จะตามหาลูกบอลจนเจอและคาบบอลมาให้คุณได้เช่นกัน นั่นเพราะสมองของมันเกิดการเรียนรู้และจดจำคำว่า “บอล” ที่คุณพูดถึง ว่าคือลูกกลมๆ ที่มันคาบมาให้คุณบ่อยๆ นั่นเอง (ใช้หลักการเรียนรู้เดียวกับการสั่นกระดิ่งของ Pavlov)
การเรียนรู้แบบคลาสสิคของ Pavlov (Pavlov's Classical Conditioning)
หลักการเรียนรู้แบบคลาสสิคของ Pavlov คือหลักการเรียนรู้ทางจิตวิทยาแบบพฤติกรรมนิยมที่มีความเชื่อว่ามนุษย์และสัตว์สามารถเกิดการเรียนรู้ได้จากการวางเงื่อนไขในสิ่งต่างๆ โดยเริ่มแรกนั้น Pavlov สังเกตว่าในทุกๆ วันที่เขากลับมาบ้านสุนัขของเขามักจะวิ่งมารับที่หน้าประตูเมื่อได้ยินเสียงเดินหรือเสียงกุญแจของเขา เขาจึงเกิดความคิดที่จะทำการทดลองเรื่องการเรียนรู้ของสัตว์โดยการวางเงื่อนไขกับสุนัขของเขา และ Pavlov ได้ทำการทดลองโดยเริ่มจากการวางอาหารที่เป็นสิ่งเร้าที่ไม่ได้วางเงื่อนไข (UCS - Unconditioned Stimuli) ให้กับสุนัขของเขาและสังเกตว่ามันน้ำลายไหลเมื่อเห็นอาหาร (UCR - Unconditioned Response) ในขณะที่เมื่อเขาลองสั่นกระดิ่งที่เป็นสิ่งเร้าที่ใช้ในการวางเงื่อนไข (CS - Conditioned Stimuli) และพบว่ามันไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองต่อเสียงกระดิ่ง (CR - Conditioned Response) จากนั้นเขาจึงได้ทำการวางเงื่อนไขกับสุนัขของเขาโดยการสั่นกระดิ่งและนำเอาอาหารให้กับสุนัขของเขาในทันที เมื่อทำเช่นนี้ติดต่อกันซ้ำๆ สุนัขของเขาก็เกิดการเรียนรู้และจดจำว่าเสียงกระดิ่งที่มันได้ยินจะตามมาด้วยการได้รับอาหาร ดังนั้นเมื่อมันได้ยินเสียงสั่นกระดิ่งก็จะน้ำลายไหลออกมาเพราะว่าสมองของมันเกิดการวางเงื่อนไขแล้วนั่นเอง (อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปหลังจากที่มันไม่ได้รับอาหารเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งติดต่อกันหลายๆ ครั้ง มันก็เกิดการเรียนรู้และจดจำใหม่ว่าเสียงกระดิ่งไม่ได้มาคู่กับอาหารอีกต่อไป และไม่น้ำลายไหลเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งอีก)
ภาพจาก : https://courses.lumenlearning.com/suny-hccc-ss-151-1/chapter/classical-conditioning/
สุนัขเข้าใจสิ่งที่เราพูดด้วยจริงๆ หรือใช้การจดจำเฉพาะโทนเสียงที่เราใช้เท่านั้น?
นักวิจัยจากสถาบันวิจัยบูดาเปสต์ ประเทศฮังการีได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของสมองสุนัขเพิ่มเติม โดยได้ทำการฝึกสุนัขจำนวน 13 ตัวให้นอนนิ่งๆ และรับคำสั่งจากครูฝึก (หรือเจ้านาย) ก่อนที่จะให้พวกมันเข้ารับการสแกนสมองจากเครื่อง MRI ซึ่งการทดลองนี้ถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในการศึกษาและทำความเข้าใจถึงกระบวนการทำงานต่างๆ ของสมองสุนัขในการตอบสนองต่อคำพูดของมนุษย์
“หลายคนอาจคิดว่าสุนัขจะแสดงอาการตอบสนองและตีความสิ่งต่างๆ ที่เราพูดจากการใช้โทนเสียงสูง-ต่ำ ส่วนเนื้อความที่เราพูดอาจไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกมัน แต่พวกเรา (นักวิจัย) ตั้งใจว่าจะศึกษาลึกลงไปเพื่อทำความเข้าใจถึงกระบวนการทำงานของสมองสุนัข โดยพวกเราได้ทดลองทำการฝึกสุนัขให้มันนอนนิ่งๆ ในเครื่อง MRI และสแกนสมองของสุนัขขณะฟังเสียงคำพูดต่างๆ จากครูฝึก (หรือเจ้านาย) โดยคำพูดพวกมันที่ได้ยินจะมีทั้งคำชมและคำพูดที่ไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษกับสุนัขในโทนเสียงรูปแบบที่ต่างกันออกไปทั้งน้ำเสียงที่แสดงความชื่นชม, เสียงพูดคุยแบบปกติ และน้ำเสียงที่ใช้ดุ เป็นต้น” Anna Gábor หนึ่งในผู้วิจัยกล่าว
ภาพจาก : https://www.nytimes.com/2017/09/08/science/gregory-berns-dogs-brains.html
การสแกนสมองแสดงให้เห็นถึงรูปแบบกิจกรรมสมองของสุนัขในขณะที่ฟังเทปเสียงของครูฝึก (หรือเจ้านาย) พบว่าสุนัขใช้สมองซีกซ้ายในการประมวลผลคำที่มีความหมาย และใช้สมองซีกขวาในการประมวลผลถึงลักษณะของโทนเสียงที่มันได้ยิน
“ผลการทดลองนั้นน่าสนใจมาก เพราะสุนัขนั้นให้ความสนใจทั้งสิ่งที่เราพูดและน้ำเสียงที่เราใช้ โดยการทำงานของสมองสุนัขนั้นมีความคล้ายคลึงกับสมองของมนุษย์เลยทีเดียว ซึ่งการวิจัยในครั้งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าสุนัขสามารถแยกแยะทั้งน้ำเสียงและข้อความที่เราพูดด้วยได้”
ภาพจาก : https://newatlas.com/fmri-dogs-vocabulary-intonation/45159/
และทีมนักวิจัยยังพบอีกว่าการได้รับคำชมมีผลต่อ Reward Centre ของสุนัขที่จะมีการตื่นตัวเมื่อสุนัขได้รับสิ่งที่ทำให้เกิดความพึงพอใจ (เช่น การได้รับอาหาร หรือการลูบหัว) และผลการสแกนสมองแสดงให้เห็นว่าสมองในส่วนนี้จะมีการตื่นตัวเฉพาะเมื่อสุนัขได้รับคำชมด้วยโทนเสียงที่แสดงความชื่นชมเพียงเท่านั้น ในขณะที่เมื่อมันได้ยินคำชมในโทนเสียงปกติหรือคำพูดไร้ความหมายในโทนเสียงที่แสดงความชื่นชมนั้นจะไม่มีการตื่นตัวของสมองในส่วนนี้แต่อย่างใด
ภาพจาก : https://academic.oup.com/scan/article/11/12/1853/2544448
“สุนัขไม่เพียงแค่บอกความแตกต่างของโทนเสียงที่เราใช้ได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถแยกแยะเนื้อหาของสิ่งที่เราพูดคุยกับมันได้อีกด้วย และถึงแม้ว่าภาษาพูดจะเป็นสิ่งที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ในการสื่อสารกันเอง แต่งานวิจัยชิ้นนี้ก็ชี้ให้เห็นว่าไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่มีความเข้าใจภาษาพูด แต่สัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขเองก็สามารถเรียนรู้และตอบสนองต่อคำพูดในรูปแบบต่างๆ ได้เช่นเดียวกัน”
ผลการศึกษาของงานวิจัยชิ้นนี้น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมการที่คุณพยายามเปลี่ยนน้ำเสียงและพูดหลอกล่อพวกมันด้วยรอยยิ้มว่าจะพาไปหาหมอถึงไม่ได้ผลและจบด้วยการที่มันวิ่งหนีคุณทุกครั้งไป นั่นเป็นเพราะว่าสุนัขของคุณเชื่อมโยงคำว่า “หมอ” กับ “ห้องตรวจ” ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้ว่าคุณจะเปลี่ยนน้ำเสียงการพูดให้ดูน่าสนใจยังไงก็ไม่ได้ทำให้มันรู้สึกดีกับคำว่าหมอขึ้นมาเลยสักนิดเดียว
ภาพจาก : http://www.pethealthnetwork.com/dog-health/dog-diseases-conditions-a-z/new-study-looks-dog-anxiety-and-veterinary-visits
ア-ス ar su 🦈 🌊 บทความดีมากก ดีกว่าอ่านข่าวเรื่องอีหนิง
24 ต.ค. 2562 เวลา 18.23 น.
ไม่แน่ใจนะ แต่ที่แน่ใจ คือ สุนัขซื่อสัตย์ กว่า มนุษย์บางคน ชัวร์
24 ต.ค. 2562 เวลา 23.53 น.
..One Life To Live.. หมามันฉลาด..แค่มันพูดไม่ได้แค่นั้นเอง..!!
25 ต.ค. 2562 เวลา 00.58 น.
ISSAREE ฉลาดกว่า🦍
24 ต.ค. 2562 เวลา 18.39 น.
💖Nice to meet you💖 คนไม่เลี้ยง ไม่รู้หรอก ของแบบนี้ต้องลองถึงจะรู้
24 ต.ค. 2562 เวลา 23.52 น.
ดูทั้งหมด