วันนี้(14 ต.ค.2562) ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงความคืบหน้าในการเก็บกู้ซากช้างป่าตาย 11 ตัวที่น้ำตกเหวนรก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ว่า เมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถเก็บกู้ซากช้างได้แล้ว 3 ซากจากจำนวน 5 ซากที่ลอยมาท้ายน้ำตกเหวนรก ก่อนถึงปากคลองต้นไทร โดยมีลูกช้าง 1 ตัวลอยหลุดตาข่ายเข้าในพื้นที่อ่างเก็บน้ำขุนด่านปราการชล เจ้าหน้าที่ต้องผูกลากช้างกลับไปที่บริเวณคลองต้นไทร บริเวณตาข่ายชั้นนอก และวันนี้ จะมีการฝังกลบ 2 ซากที่ย่อยเป็นชิ้นแล้วที่บริเวณคลองต้นไทร
นายจงคล้าย กล่าวว่า ส่วนตัวตัวที่ 4 และ 5 ค่อนข้างอันตราย โดยจะรอจนกว่าจะปลอดภัย เนื่องจากการปฏิบัติการกู้ซากช้างตายในพื้นที่ท้ายน้ำตกเหวนรกค่อนข้างลำบาก อุปสรรคฝนตกต่อเนื่องทำให้น้ำไหลเชี่ยว แต่ยืนยันประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ หากมีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายก็จะสั่งให้หยุดปฏิบัติภารกิจ
ส่วนช้างที่ตายในตำแหน่งของน้ำตกตัวอื่นๆ ได้มีการตรวจสอบที่ชั้นที่ 2 และชั้นที่ 3 หลุดออกมาชั้นละ 1 ตัว แต่ยังไม่ลอยมาถึงชั้นล่าง ซึ่งต้องมีการสำรวจเพิ่มเติมอีกครั้ง เพราะการเข้าพื้นที่ต้องเดินเท้าเข้าไปและน้ำก็ยังแรงอยู่ต้องจะประเมินสถานการณ์เรื่อยๆ
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช
ทำบุญให้ช้างฝังกลบ 2 ตัวแรกวันนี้
ขณะที่ นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผอ.ส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช กล่าวว่า ได้มีการปรับแผนใหม่ด้วยการฝังซากช้างทั้งหมดไว้บริเวณพื้นที่ที่เหมาะสมแถวปากคลองต้นไทร เนื่องจากประเมินแล้วว่า การขนซากช้างที่ย่อยออกมาปริมาณมากอาจจะเป็นภาพที่สะเทือนใจ และมีเรืองการนำไปเผาด้วย จึงใช้การฝังกลบในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้แยกซากช้างได้แล้ว 2 ตัว และวันนี้ได้นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูปเข้าไปทำพิธีในพื้นที่ก่อน
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช
นายวิชัย กล่าวอีกว่า ขณะที่การทำงานของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และทีมกู้ภัยที่ต้องใช้กำลังคนมากกว่า 50 คนต่อวัน ทำงานในพื้นที่ลำบากจากสภาพพื้นที่ และความเสี่ยงของการเข้าถึง ทำให้ต้องประเมินความปลอดภัยเป็นหลัก หลังจากมีเจ้าหน้าที่เจ็บป่วย 5 คนที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลนครนายก จากอาการแน่นหน้าอก อาการแสบหายใจไม่สะดวก อ่อนแรง สาเหตุจากมาจากกลิ่นเหม็นของซากช้างที่ค่อนข้างรุนแรง ส่วนอีก 1 คนบาดเจ็บจากการถูกอุปกรณ์ทำงานบาดมือเป็นแผลลึก
เบื้องต้นใช้การสับเปลี่ยนกำลังเจ้าหน้าที่ 3-4 วันในการเข้าปฏิบัติภารกิจกู้ซากช้าง ซึ่งมีของกรมอุทยาน 30 คนและกู้ภัย 20-30 คน โดยประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยและความเจ็บป่วยวันต่อวัน ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย มีฝนหนักและเส้นทางเข้าถึงยากลำบาก
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช
ภาพ:กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธ์ุพืช
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เริ่มกู้ซากช้างตัวที่ 2 ขนย้ายออกจากเขื่อนขุนด่านฯ 15 ต.ค.นี้
ชำแหละซากช้าง 1 ตัว ลอยมาสมทบอีก 3
นิจ Nij ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ภัย ขอให้ปลอดภัยสุขภาพแข็งแรงสู้ภัยจนสำเร็จค่ะ
สาธุ อนุโมทนาค่ะ
14 ต.ค. 2562 เวลา 02.22 น.
PADA ขอบคุณทุกท่านที่เสียสละอย่างมากมาย ขอให้งานสำเร็จลุล่วง จนท.ปลอดภัยทุกท่านค่ะ
และขอให้ชีวิตช้างที่ดับไปสู่ภพภูมิใหม่ที่ดีนะ
14 ต.ค. 2562 เวลา 02.21 น.
วิรัตน์ สุ่มมาตย์ ขอให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครทุกคนปลอดภัย ครับ.
14 ต.ค. 2562 เวลา 02.14 น.
ผกามาศ สู้ๆนับถือน้ำใจเลย คงจะเหม็นแทบตายเลย แต่ก็เข้าไปทำในจุดนั้น
14 ต.ค. 2562 เวลา 02.59 น.
จันทร์ สู้ๆ
14 ต.ค. 2562 เวลา 02.30 น.
ดูทั้งหมด