“เจนนี่ปาหนัน” ต่อมน้ำตาแตก! เห็นฮาแบบนี้ชีวิตจริงไม่ได้มีแต่เสียงหัวเราะ
“…สิ่งหนึ่งที่เราชัดเจนกับตัวเองเสมอคือตัวตนนะ เราไม่เคยลืมตัวเองว่าเราเป็นอะไร ไม่คิดอยากจะทำอะไรกับตัวเองมากไปกว่าย้อนเวลากลับไปบอกตัวเองตอนเรียนว่า ดูแลตัวบ้างอีกเจนนี่ แล้วมึงก็หัดแต่งหน้าให้เร็วกว่านี้เถอะ (หัวเราะ)…”
นี่คือบทสนทนาก่อนอำลาที่เราได้ยินจากปากของเทพีแห่งเสียงหัวเราะ (ฉายาที่เธอเลือกตั้งให้ตัวเอง) “เจนนี่ ปาหนัน” ศิลปินอารมณ์ดีที่ให้เกียรติมานั่งพูดคุยกับเราในวันนี้ร่วมชั่วโมง ที่ทำให้เรารู้สึกเหลือเกินว่า คงไม่มีบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดไปได้ดีกว่า สิ่งที่เธอเลือกจะสรุปออกมาให้ตัวเอง เพราะทุกเรื่องราว เสียงหัวเราะและหยดน้ำตาของเธอในวันนี้ ทำให้เรารู้สึกเหลือเกินว่า “เจนนี่ ปาหนัน” คือ ศิลปินที่มีตัวตนชัดเจนที่สุดคนหนึ่งที่เราเคยได้สัมผัสมา และนี่คือ 7 เรื่องราวและตัวตนของเธอที่เราอยากจะให้คุณได้รู้จัก และบางที…เมื่ออ่านแล้วอาจจะทำให้คุณรู้สึกรักใน “ตัวตน” ของคุณแบบที่เธอรัก มากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
“ตัวตน” – “คนใต้”
เมื่อเราถามเจนนี่ว่าสิ่งแรกที่เธอจะนึกถึงตัวเองคืออะไร เธอตอบอย่างไม่ลังเลใจทันทีว่า “ความเป็นคนใต้”
“…หน้าอย่างเราไปบอกใครเค้าว่าเป็นคนสันกำแพงก็ไม่ได้เปล่าวะ (หัวเราะ) จุดเด่นที่สุดของเราไม่มีอะไรจะชัดเจนไปมากกว่าความเป็นสาวใต้ (หัวเราะ) แล้วเราก็ภูมิใจ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ Present ความเป็นคนใต้ออกมา มันไม่มีอะไรที่จะทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นนอกจากสิ่งที่เราเป็นจริงๆเพราะคนทุกคนเกิดมาก็แตกต่างกันอยู่แล้วดังนั้นแค่เราเป็นตัวของตัวเองหาตัวตนของเราให้เจอว่าสิ่งที่เป็นตัวเราแล้วใช่คืออะไรมันก็ทำให้เราโดดเด่นออกมาจากคนอื่นๆแล้ว สำหรับเรามันคือความเป็นคนใต้ ไม่ว่าจะทำอะไร เราก็อยากจะใส่ตรงนี้ลงไปเป็นส่วนหนึ่งของงานเรา ตั้งแต่ชื่อ ไปจนถึงเวลาคิดรายการ หรือทำโชว์อะไรก็ตาม แล้วมันก็ทำให้เราสนุก มีความสุขขึ้นไปอีกนะเวลาที่สื่อสารออกไปแล้วคนมีความสุขกับสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา…”
ฟังแบบนี้แล้วเราก็เข้าใจได้ทันที จากสิ่งที่เราได้ยินจากปากของเจนนี่เป็นเรื่องราวแรกในวันนี้ ว่า การแสดงตัวตนความเป็นคนใต้ในทุกงานของเธอนั้น ไม่ใช่แค่เพียง “ลูกเล่น” เพื่อ “ความตลกโปกฮา” ของผู้ชมไปวันๆ แต่เป็น “ตัวตน” และ “เหตุผล” ที่ทำให้เธอเป็นหนึ่งในบุคคลในวงการบันเทิงที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์
“เพศที่สาม” กับความเป็นตัวของตัวเอง
“…เรารู้ตัวมาตั้งแต่เด็กว่าเราไม่ใช่ผู้ชายเราชอบเล่นอะไรที่ผู้หญิงเค้าเล่นกันชอบเล่นขายของขายขนมครกใครแย่งกูตบ! (หัวเราะ)” เจนนี่กล่าวถึงตัวตน ที่ชัดเจนต่อความรู้สึกของตัวเองมาตั้งแต่เด็กว่า เธอคือใคร รักที่จะเป็นอย่างไร เพื่อใช้ตัวตนของเธอสร้างประโยชน์และความสุขให้กับคนรอบๆ ข้าง แต่มันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา ที่เธอต้องรับมือกับเรื่องแย่ๆ เพียงแค่เธอเป็นเธอ
“…มันเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วมั้ย คนที่เป็นตุ๊ด เป็นกะเทย เป็นเพศที่สาม ต้องเคยเจอการเอาความเป็นเพศที่สามมาล้อเลียน ไม่เล่นเพื่อความตลกโปกฮา ก็ใช้เป็นเหตุผล ว่าเราเป็นคนที่สมบูรณ์ไม่ได้ เป็นเหตุผลที่ทำให้เราถูกคัดออก หรือตัดสินในบางเรื่อง ทุกวันนี้ก็ยังเจอนะ (หัวเราะ) มันทำให้เรารู้สึกแต่มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เราจะเก็บมาทำร้ายตัวเองเราโชคดีมาก ที่เกิดมาในครอบครัวที่ยอมรับเราได้ พ่อเราเป็นตำรวจนะเฮ้ย ! แต่พ่อไม่เคยว่าเราเลย สิ่งเดียวที่ทางบ้านเราคาดหวังไว้กับตัวเรา ก็คือ ‘ขอให้เป็นคนรักดีนะ’ แค่นี้” เจนนี่กล่าวทิ้งท้ายถึงครอบครัว ที่เป็นเหตุผล ให้เธอยืนหยัดในสิ่งที่เธอเป็นอย่างไม่ต้องอายใคร เพียงแค่มั่นใจว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นสิ่งที่ดีก็เพียงพอแล้ว
มหาวิทยาลัยแหล่งบ่มเพาะตัวตน
“…ตอนเข้ามหาวิทยาลัย ปฏิญาณกับตัวเองไว้เลยว่า ฉันจะเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ฉันจะไปเป็นดอกหญ้าในป่าปูน เป็นสาวสะตอพลัดถิ่นในเมืองหลวง เรามีความรู้สึกว่ากรุงเทพฯ คือที่ที่มีโอกาสเยอะมากกว่าที่อื่น ถึงแม้ว่ามันจะมีการแข่งขันสูงก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเห็นว่าโอกาสดีๆ ก็คุ้มค่าที่จะแข่งขัน…” เจนนี่เล่าให้เราฟังถึงความมุ่งมั่นที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เธอต้องการไปเสียหมด บางครั้งชีวิตก็เล่นตลกให้เธอพลาดในสิ่งที่หวัง เพื่อให้ได้รับในสิ่งที่จะสร้างสรรค์ตัวตนของเธอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“…ตอนแรก เราอยากจะเข้านิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ แต่คะแนนเราก็ ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากกกก (หัวเราะ) เราก็เลยหันเหไปเลือกคณะที่เกี่ยวกับภาษาฝรั่งเศสไปก่อน ตั้งใจไว้ว่าจะเรียนทางภาษาฝรั่งเศสไปก่อนในปริญญาตรี และค่อยไปต่อโทนิเทศ วารสารเอา ก็เลยเข้าภาควิชาภาษาตะวันตก เอกภาษาฝรั่งเศส คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งกลายเป็นว่าทุกโอกาสที่ทำให้เรามีวันนี้มาจากที่นี่หมดเลยนะโดยเฉพาะการที่เราได้มารู้จักกลุ่มTrasher, Bangkok ซึ่งเป็นพี่ๆ ในคณะที่เป็นเด็กกิจกรรมตัวเด็ดๆ ทั้งนั้นเลย แล้วก็เป็นกลุ่มที่มีความเป็นครีเอทีฟสูงมาก เริ่มต้นจากการทำ Parody เล็กๆ ไปจนถึงการจัดปาร์ตี้แบบในปัจจุบัน การได้เรียนที่นั่นมันเป็นโอกาสที่เราได้บ่มเพาะความสามารถและตัวตนของเราให้คมขึ้น ได้รู้จักชีวิต รู้จักสิ่งที่ดี และไม่ดี (หัวเราะ) และได้รู้ว่าเราจะทำประโยชน์อะไรจากความเป็นตัวเราได้ยิ่งขึ้นไปอีก…” เจนนี่กล่าวถึงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า
“…ถ้าให้กลับไปเลือกใหม่ได้ก็ยังจะเลือกที่นี่เหมือนเดิม…”
ตัวตนที่ใช่ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
“…ตั้งแต่เด็กเราไม่เคยรู้ว่าตำแหน่งหน้าที่นี้เค้าเรียกว่า“ครีเอทีฟ” เรารู้แค่ว่าเราอยากทำรายการโทรทัศน์หรือสายสื่อรู้ตัวตั้งแต่เด็กเลยนะเพราะเราชอบพูดชอบทำกิจกรรมของโรงเรียนเราชอบมีส่วนร่วมกับทุกอย่าง โตขึ้นก็เลยอยากทำงานอะไรที่ทำให้เราได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นในงาน จนโตขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันคือครีเอทีฟ เพราะเราตกภาษาอังกฤษ (หัวเราะ) ไม่ใช่ ! เราเป็นคนติด TV ติดละครมาตั้งแต่เด็ก ดูหมดเลยนะ วุ้ยยย (ลากเสียงยาว) ดูมาตั้งแต่ดาวพระศุกร์ ญาติกา แม่อายสะอื้น ถ้าเป็นการ์ตูนก็ดูเซเลอร์มูน อะไรที่ส่งเสริมความเป็นหญิงให้เรา (หัวเราะ) หนังก็ชอบดู เพลงก็ชอบฟังมันเลยทำให้เรารู้ตัวว่าเราอยากทำงานตรงนี้…”
เจนนี่เล่าให้เราฟังถึงตัวตนของเธอที่จุดประกายให้เลือกเดินมาทำงานสายบันเทิง โดยเริ่มต้นจากการเป็นครีเอทีฟที่ Channel [V] Thailand และ BANG CHANNEL ก่อนที่จะรับตำแหน่งครีเอทีฟในสังกัด GMMTV ทำรายการแตกฟอง LIVE และรายการเทยเที่ยวไทย ที่ทำให้เธอได้มีโอกาสเดินทางมาสู่เบื้องหน้าอย่างในปัจจุบัน
“…ตอนแรกๆที่มาทำงานสายนี้ คือ งงมากเลยนะ อุปกรณ์อะไรก็ใช้กับเขาไม่เป็น เพราะเราไม่ได้เรียนมาไง แต่ก็ต้องเรียนรู้กันไป เวลาคุยวิทยุเค้าคุยกันแบบนี้นะ รายการมันถ่ายกันยังไง แล้วก็ต้องเรียนรู้ให้ได้ไวที่สุด เพื่อให้ทันคนอื่น ไม่เป็นภาระของทีม ซึ่งเราโชคดีมากที่มีต้นทุนในการเป็นคนที่ติด TV มาตั้งแต่เด็ก (หัวเราะ) มันก็ค่อนข้างจะเข้าใจได้ไวว่า เขาทำแบบนี้กัน แล้วข้างหน้างานก็ได้ผลออกมาเป็นแบบนี้ไง แล้วเราเป็นคนเปิดรับสื่อหมด เพลงอะไรมาหมดก็ฟัง เลยไม่มีปัญหามากเวลาคิดงาน ต้องขอบคุณตัวเองไว้ ณ ที่นี้จริงๆ…”
ตัวตนในฐานะ “คนเบื้องหน้า”
“….ตอนนั้นเราไม่ได้เป็นครีเอทีฟอยู่ทีมเดียวกับพี่ป๋อมแป๋ม แต่นางอยากได้คนบ้ามาร่วมทีมเพิ่มมากขึ้น ก็เลยใช้อำนาจดึงรายการของเราไปอยู่ในอาณัติของนาง ทำไปซักพักนางก็พลิกเกมให้เรามาทำรายการเทยเที่ยวไทย เป็นครีเอทีฟคนหนึ่งในรายการด้วยความบ้าอำนาจของยาย…” เจนนี่เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นการเข้ามาทำรายการเทยเที่ยวไทยของเธอก่อนจะเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการมาทำงานเบื้องหน้าอย่างเต็มตัวในฐานะพิธีกรของรายการ
“…งงมากเหมือนกัน มันน่าจะเหนื่อยหรือน่าจะขี้เกียจมากกว่า (หัวเราะ) ไม่ใช่ ! ล้อเล่น ! คือ พี่แป๋มเค้าก็คงคิดไว้แล้วว่า เค้าจะทำตรงนี้สักพักเพื่อจะขยับขยายไปทำสิ่งใหม่ๆ นั่นก็คือรายการ ทอล์ก-กะ-เทย Tonight ส่วนสาเหตุที่เค้าเลือกให้เรามาเป็นพิธีกรก็ไม่เคยบอกเราตรงๆ อีกอ่ะ แต่นางก็เคยพูดกับคนอื่นว่า เจนนี่มันเป็นคนที่มีลูกบ้าดีต่างจากคนอื่นเช่นการเล่าเรื่องอะไรที่ธรรมดาให้ตลกได้ชอบพูดภาษาท้องถิ่นแล้วตลกเค้าก็เลยมองว่ามันจะเป็นสีสันใหม่ในรายการได้ ก็เลยดึงเรามาทำตรงนี้ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เห็น ยายก็ได้คนบ้ามาเป็นพิธีกร Rap ใต้กันไป (หัวเราะ)…”
แล้วก็ไม่ใช่สิ่งอื่นใดอีก นอกจากตัวตนของเธอ ที่ทำให้เธอได้มายืนอยู่เบื้องหน้าเราตรงนี้ เป็นเจนนี่ ปาหนัน ที่ก้าวไปสู่ความท้าทายใหม่ๆ สู่การสื่อสารความเป็นตัวตนของเธอเพื่อสร้างความสุขให้เราทุกคน
“…เมื่อก่อนเราทำเบื้องหลังเราเป็นคนคิด แต่พอเรามาเป็นเบื้องหน้า เรากลายเป็นคนที่ส่งสารจากความคิดของคนเบื้องหลัง ซึ่งมันยากกว่ามากเลยนะ แต่วิธีที่ดีที่สุดก็คือการ เล่าเรื่องที่เค้าอยากให้เราเล่าผ่านตัวตนของเราเอง จะเห็นว่าพิธีกรเทยเที่ยวไทยแต่ละคนก็จะมีจุดเด่นของตัวเอง มีอะไรที่ถ้าพูดถึงเรื่องนี้ปุ๊ป ต้องยกให้พิธีกรคนนี้ เราก็เล่ามันออกมาในแบบของเรา แล้วมันจะทำให้งานราบรื่นทั้งคนคิดและคนสื่อสาร งานเบื้องหน้านี่ เป็นอะไรใหม่ๆ ที่เราก็ไม่เคยทำอย่างนี้เต็มตัวมาก่อน ก็เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่สร้างเจนนี่ ปาหนันในมิติใหม่ๆ…”
ตัวตนของคนที่ไม่เคยถูกรัก
“…ตั้งแต่เกิดมาสามสิบปีจนตอนนี้ไม่เคยมีแฟนเลยนะ…” ใครจะไปเชื่อว่าเราจะได้ยินประโยคนี้จากเจนนี่ ปาหนัน ถึงอีกหนึ่งความเป็นตัวตนของเธอ ที่ไม่เคยได้เล่าให้ใครฟังมาก่อน
“…เราเป็นคนใยไหมไร้เดียงสามากเลยนะ (สำนักพิมพ์ใยไหม ผู้ผลิตนวนิยายวัยรุ่น) เราเป็นคนไม่มั่นใจในความรักเลย ทุกคนมองเข้ามาจะรู้สึกหมดว่าอีนี่ต้องโชกโชนมาก แต่เปล่าเลย ชีวิตวัยเด็กคือเรามุ่งไปกับการเรียนการทำกิจกรรม แล้วก็มีแต่เพื่อนกะเทย มามีความรัก จริงๆ ต้องเรียกว่าความรู้สึกรัก ก็เอาตอนมหาวิทยาลัย ซึ่งความรักของเราเป็นความรักที่ผิดหวังเสมอคือจบกันตั้งแต่ยังไม่เริ่มเราเป็นคนที่ชอบผู้ชายที่เป็นผู้ชายจริงๆไงแล้วเค้าก็ไม่ได้คู่กับเราอยู่แล้ว ผู้ชายมันไม่ได้คู่กับกะเทย มันเลยเป็นความรู้สึกรักแบบแอบชอบมาตลอด…” นี่คงเป็นครั้งแรกของเราเลยก็ว่าได้ ที่ได้สัมผัสอีกมุมของเจนนี่ ปาหนันที่เปื้อนรอยน้ำตา เธอหยุดคิดสักพักหนึ่ง ก่อนจะเล่าถึงตัวตนของคนที่ไม่เคยได้รับความรัก ที่เธอนับว่าเป็นอีกเรื่องที่สร้างให้เธอเป็นเธอในทุกวันนี้
“…เราไม่เคยรู้ว่าการมีแฟนมันเป็นอย่างไร การได้ไปดูหนังกันสองคนมันเป็นอย่างไร ไปเที่ยวทะเลกันเป็นอย่างไร เคยมีความรักครั้งหนึ่งที่หนักสุดสำหรับเรา เป็นความรักครั้งแรกด้วยมั้ง คือเราชอบรุ่นน้อง เพราะเราชอบคนน่ารักมากกว่าคนหล่อ รู้สึกว่าอยู่กับคนน่ารักแล้วมันทำให้เรายิ้มได้ แล้วก็สนิทกัน เล่นกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่พอเค้ารู้เค้าก็หายไปเลย รู้โดยที่เราไม่ได้บอกด้วยนะ เราก็ Shock มาก แต่ก็ไม่ได้ขนาดร้องไห้ฟูมฟายนะ เพราะเราก็เจียมตัวในความรัก เรารู้ว่าเราเป็นคนหน้าตาประมาณไหน ความจริงกับสิ่งที่อยากให้เป็นมันเป็นไปไม่ได้ เราก็รู้ตัวว่าต้องเจอความผิดหวังอยู่แล้ว แต่มันก็เสียใจไง ไม่คิดว่าจะต้องเจอเร็วขนาดนี้ หลังจากนั้นเราก็เลยไม่เคยคิดที่จะบอกใครเลย…”
แม้เจนนี่จะกล่าวออกมาพร้อมมวลน้ำที่หล่อเลี้ยงแววตามากกว่าปกติ แต่เชื่อเหลือเกินว่า เธอไม่ได้จมอยู่กับความรู้สึกผิดหวัง หรือท้อแท้ใจอย่างใดในชีวิต แต่เธอกลับโอบกอดและยอมรับมันเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวตนของเธอ ซึ่งสะท้อนผ่านสิ่งที่เธอเล่าปิดท้ายเรื่องราวนี้
“…จริงๆ แล้วชีวิตเราที่ไม่ประสบความสำเร็จในความรัก อาจจะเป็นเพราะชีวิตเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับความรักเป็นเรื่องแรก เราอยู่กับงาน กับเพื่อน ตอนเรียนเราก็ให้การเรียนเป็นหลัก เพื่อนเป็นรอง ตอนทำงานเราก็ให้งานเป็นหลัก เงินเป็นรอง ความสำคัญในเรื่องความรักมันก็เลยหล่นลงไป แต่ไม่ใช่ว่าเราจะปิดกั้นชีวิตเราจากเรื่องความรักนะถึงแม้มันจะผิดหวังแต่มันก็คือสิ่งที่สร้างความเป็นเราขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ความรักแม้มันจะผิดหวังแต่มันก็ยังสำคัญสำหรับเราเสมอ ยังอยากจะมีคู่ อยากจะมีความรักแบบที่เราไม่ได้เจอกับมันเลยก่อนตายนะ…” เจนนี่กล่าวกับเราก่อนจะทิ้งท้ายถึงตัวตนของเธอไว้ว่า
“…เราเป็นคนๆ หนึ่งที่หัวเราะได้ ก็ร้องไห้เป็น แค่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง ได้หัวเราะให้เต็มที่ ได้ร้องไห้ให้สุด ไม่ต้องรักตัวเราเองไปทุกเรื่อง แต่ยอมรับทุกอย่างที่เป็นเราให้ได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว…”
สถานที่ Iwane 1975
ยอมรับในฝีมือที่ครีเอทออกมาจากตัวตน รักเธอนะเจนนี่
15 มิ.ย. 2561 เวลา 13.42 น.
Nan ไอเลิฟยูค่ะ.ปาหนัน.
15 มิ.ย. 2561 เวลา 13.24 น.
Aomjai ชอบมากค่ะ ติดตามผลงานในยูทูป ฮากระจาย
15 มิ.ย. 2561 เวลา 13.20 น.
Som ♥️
15 มิ.ย. 2561 เวลา 13.12 น.
KCR6539 ที่สุดของพิธีกรสายฮาในตอนนี้แล้วครับ
15 มิ.ย. 2561 เวลา 13.55 น.
ดูทั้งหมด