หลังจากที่ บีจี เอฟซี เปิดบ้านแพ้ ราชนาวี 0 - 1 เมื่อวานที่ผ่านมา ทำให้ "บีจี" แพ้มาแล้ว 2 เกมติดต่อกันในเลกที่ 2 นอกจากจะทำให้อันดับของพวกเขาไม่ขยับไปไหนแล้ว ทำให้พวกเขาโดนทีมด้านบนที่อยู่เหนือเร้ดโซนฉักคะแนนหนีไปเป็น 4 แต้มแล้วด้วย
และจากการแพ้แบบรัวๆ ของพลพรรคกระต่ายแแก้วทีมงาน "ขอบสนามบอลไทย" ได้เห็นถึง "วิกฤติ" บางอย่างที่ได้เกิดขึ้นในเกมล่าสุด เลยขอแยกเป็นข้อๆ เพื่อให้สาวก "บีจี" หลายคนที่เคยวาดฝันหลังเสริมทีมขนาดหนักว่าทีมต้องจบกลางตารางได้แน่ หรือลุ้นบอลถ้วยรายการใดรายการหนึ่ง ได้เห็นว่า ณ ตอนนี้ควรโฟกัสที่อย่างเดียวคือ "การหนีตกชั้นในไทยลีก 2018" นี้ให้ได้
1. น้ำตาหลังเกมของโค้ชจุ่น
การชนะ การแพ้ มันเกิดขึ้นได้เสมอในเกมฟุตบอล และการแสดงออกหลังเกมของคนเป็น "กุนซือ" มันสามารถตีความเป็นความกดดันได้เช่นกัน เหมือนอย่างเช่นในกรณีนี้ที่ "โค้ชจุ่น" ร้องไห้หลังเกมที่ บีจี เอฟซี เปิดบ้านแพ้ นาวี 0-1 มันเหมือนกับ "ความกดดัน" ที่แบกอยู่นั้นมันหนักขึ้นมาเป็น 2 เท่า เพราะการแพ้ในเกมนี้คือการแพ้ 2 นัดในบ้านติดต่อกัน , แพ้ทีมอันดับล่างกว่า และ โดนทีมบนฉีกหนีคะแนนไปเป็น 4 แต้ม ซึ่งทั้งหมดมันกำลังเกิดขึ้นกับ บีจี หลังเกมที่แพ้ในนัดนี้
2. การแพ้ในบ้าน 2 เกมติด
ถึงใครจะบอกว่าการแพ้นัดที่แล้วของ บีจี ต่อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือการแพ้ที่ยอมรับได้ แต่ถ้าได้ดูรูปเกมถือว่าน่าเสียดาย เพราะเป็นเกมที่ บีจี สู้ได้เพียงแต่ยิงไม่ได้แค่นั้นเอง และในเกมต่อมายังได้เล่นในบ้านอีกนัด และเจอกับ นาวี ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ต่ำกว่า ดังนั้นเกมนี้จึงคาดหวังในการเก็บ 3 แต้มให้ได้ แต่สุดท้ายจาก 3 กลายเป็น 0 และกลายเป็นความกดดันคูณสองที่จะโดนทีมจากข้างล่างไล่จี้มาอีกด้วย และทำให้พวกเขาแพ้ในบ้าน 2 เกมติดต่อกัน
3. รูปเกมที่ยังไม่ดีขึ้น
ต้องยอมรับว่า บีจี คือหนึ่งในทีมที่มีการเปลี่ยนแปลงเร็วและเยอะที่สุดทีมหนึ่งสำหรับการแข่งขันในเลกที่ 2 นี้เลยก็ว่าได้ ทั้งการเอา ธนบูรณ์, อานนท์, ศราวุฒิ เข้ามา หรือแม้แต่แข้งต่างชาติอย่าง อาเรียล ที่กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง แต่ทำไปทำมา 2 เกมล่าสุดที่เล่น "รูปเกม" ของพวกเขาก็ยังไม่ได้ดีขึ้นจากเดิมมากนัก แม้จะเปลี่ยนแปลงทีมไปแล้วก็ตาม ซึ่งด้วยเหตุผลหลายๆ ปัจจัยทั้ง นักเตะใหม่ต้องใช้เวลาปรับจูนทีม, ธนบูรณ์ก็ยังไม่พร้อมลงในเร็วๆ นี้ หรือแม้แต่ อาเรียล ที่ดูแล้วไม่ปราดเปรียวเท่าเดิม และก็ยังไม่รู้ว่าจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้หรือไม่อีกด้วย
4. เสริมหน้าแต่ยังไร้สกอร์
เรื่องของการยิงประตูคือสิ่งที่ "บีจี" และ "โค้ชจุ่น" กำลังแก้กันมาอยู่ตลอด ทั้งการเปลี่ยนแปลงกองหน้าหรือแม้กระทั่งปรับแผงมิดฟิลด์ แต่ใน 2 เกมล่าสุดในเลกที่ 2 นี้ จุดที่พวกเขาแก้กลับตีหน้าพวกเขาอย้างจัง เพราะ 2 เกมที่ผ่านมาไร้สกอร์ทั้ง 2 เกม และการไร้สกอร์ไม่ใช่ไม่มีโอกาส แต่พวกเขามีโอกาสแต่ทำให้มันเป็นประตูไม่ได้ ซึ่งนี่คือจุดใหญ่ที่บีจีเร่งแก้ไข และก็ยังแก้ไม้ได้ในตอนนี้ทั้ง อาเรียล , อานนท์ และ ศราวุฒิ ยังช่วยทีมได้ไม่เยอะเท่าที่ควร
5. โดนทีมเหนือเร้ดโซนทิ้ง 4 แต้ม
นี่คือความจริงที่ บีจี เอฟซี กำลังกดดันอย่างหนักในการหนีตกชั้นขณะนี้ เพราะจากคะแนนห่างจากทีมเหนือ "เร้ดโซน" 7 แต้มพวกเขาสามารถจบเลกแรกด้วยทำคะแนนให้เท่ากันได้แล้วแต่ล่าสุดหลังการแพ้ 2 นัดนี้ ทำให้พวกเขาโดนฉีกแต้มทิ้งห่างไปเป็น 4 แต้มอีกครั้ง ซึ่งเชื่อได้เลยว่ามันส่งผลต่อจิตใจในการไล่ล่าคะแนนของพวกเขาไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน
บทความโดย : บอลกูรู (เจษดาพร ศรีสรง)
ภาพจาก : บางกอกกล๊าส เอฟซี
wichat ใครจะเชื่อ จากทีมTop5ปีที่แล้ว มาปีนี้กำลังจะตกชั้น ทั้งๆที่ต้นทุนมีครบทุกอย่าง น่าแปลกนะ ทีมวอลเลย์หญิงก็ถอดใจยกเลิกทีมไปอย่างหนึ่งแล้วจะมายกเลิกฟุตบอลอีกซะละกระมัง
18 มิ.ย. 2561 เวลา 11.47 น.
อ๊อดอุตรดิตถ์ ตงต้องยุบเหมือนทีมวอลเล่ย์. หรือต้องเปลี่ยนหัวหน้าเทคนิค. อย่าง. ง้วน. ออกซ่ะ. จบ.
19 มิ.ย. 2561 เวลา 01.31 น.
Khun Pitchaya ถ้าตกชั้น บีจี อาจยุบทีม
18 มิ.ย. 2561 เวลา 11.45 น.
SONGKRAN วาปี ทำเหมือนทีมวอลเลย์บอลไม่ไหวนะเจ้าของทีมใจไม่สู้เลย
18 มิ.ย. 2561 เวลา 13.05 น.
Wit 🍄🌧🌻 กลับมาใส่เสื้อเจ้าบ้านสีเดิมก็จบ
18 มิ.ย. 2561 เวลา 22.37 น.
ดูทั้งหมด