เรื่องราวของคนธรรมดาๆ มักไม่ได้มีการจดบันทึกในเอกสารโบราณของไทย เรื่องราวของคนชายขอบอย่าง “แม่ชี” สตรีที่ปฏิบัติตนเยี่ยงนักบวชแต่ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักบวชในศาสนาพุทธนิกายเถรวาทก็เช่นกัน แต่ในสมัยอยุธยายังมีชาวต่างชาติช่างสังเกตได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ชีเอาไว้ โดยให้รายละเอียดที่น่าสนใจหลายประการ
ปีเตอร์ สกิลลิง (Peter Skilling) ซึ่งทำการศึกษาเรื่องราวของแม่ชีบอกว่า ชาวโปรตุเกสเป็นชาวตะวันตกกลุ่มแรกๆ ที่เดินทางมาถึงอยุธยา แต่น่าเสียดายที่ถึงทุกวันนี้ยังไม่มี (หรืออาจจะยังไม่เจอ) หลักฐานของพวกเขาที่เขียนถึงแม่ชีเอาไว้เลย
หลักฐานที่เก่าที่สุดเป็นของพวกดัตช์ คนแรกก็คือโยส เซาเต็น (Joost Schouten) ผู้จัดการบริษัทการค้าอินเดียตะวันออกของฮอลันดา ซึ่งเดินทางมายังแผ่นดินสยามครั้งแรกในรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม เมื่อปี ค.ศ. 1624-1629 (พ.ศ. 2167-2172) และอีกครั้งในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1633-1636 (พ.ศ. 2176-2179)
เซาเต็น ได้กล่าวถึงแม่ชีเอาไว้ว่า “พวกชีเหล่านี้จะอยู่ในวัดตลอดเวลา และร่วมในพิธีต่างๆ ในการบูชาพระเจ้า ทั้งนี้เพื่อจะมีส่วนร่วมในการกุศลนั้นการที่พวกชีปฏิบัติตนเช่นนี้ ก็กระทำด้วยใจสมัครหามีกฎเกณฑ์ข้อใดมาบังคับให้กระทำไม่” (สำนวนแปลของ ขจร สุขพานิช)
ส่วนเยเรเมียส ฟาน ฟลีต (Jeremias van Vliet) หรือที่คนไทยเรียกว่า“วันวลิต” พ่อค้าดัตช์ที่เข้ามาดูแลกิจการในอยุธยาต่อจากเซาเต็น ก็เล่าถึงแม่ชีไว้ไม่ต่างกัน เพียงแต่มีรายละเอียดขยายความเพิ่มขึ้นมาอีกนิดว่า “ไม่พบหญิงสาวบริสุทธิ์ หรือหญิงมีครรภ์” มาเป็นแม่ชี
ในยุคถัดมาชาวต่างชาติที่เข้ามามีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอยุธยามากก็คือพวกฝรั่งเศส โดย นิโกลาส์ แชร์แวส ซึ่งเดินทางมายังแผ่นดินสยามในรัชสมัยของพระนารายณ์ เป็นอีกคนที่ให้ความสนใจการใช้ชีวิตของแม่ชีไทย โดยนำไปเปรียบเทียบกับแม่ชีคาทอลิกได้อย่างน่าสนใจว่า
“สตรีสยามต่างหลงใหลในเสรีภาพแห่งตนมากเกินกว่าที่ยอมขังตัวเองเพื่อใช้ชีวิตอยู่กับวัดกับวาเหมือนอย่างแม่ชีของเราที่จะต้องสละเวลาให้ตลอดชั่วชีวิต พวกนาง (แม่ชีไทย) จะหันหน้าเข้าสู่พระศาสนาก็ต่อเมื่อเข้าถึงช่วงอายุที่ไม่เหมาะกับโลกภายนอกอีกแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากพวกนางต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับพระภิกษุอยู่บ่อยครั้ง พวกนางจึงไม่ได้รับอนุญาตให้บวชเป็นชีจนกว่าจะอายุได้ห้าสิบปี เพื่อเลี่ยงปัญหาฉาวโฉ่ทั้งปวง”
ส่วนบทบาทของแม่ชีโดยหลักนอกเหนือไปจากการสวดมนต์ถือศีลแล้วก็คือการปรนนิบัติพระภิกษุ ตามแต่ภิกษุจะใช้สอยตั้งแต่การหุงหาอาหารไปจนถึงการจัดหาปัจจัยที่จำเป็นประการอื่นมาให้แก่พระสงฆ์ด้วยการออกตระเวณรับบริจาคจากญาติโยมทั้งหลาย
จากหลักฐานที่ปรากฏ แม่ชีจึงมีมานานอย่างน้อยๆ ก็เกือบสี่ร้อยปี และสถานะของแม่ชีในอดีตจากคำบอกเล่าของฝรั่งเมื่อเทียบกับปัจจุบันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ที่น่าสงสัยก็คือคำบอกเล่าของแชร์แวส เรื่องข้อห้ามไม่ให้ “หญิงสาว” บวช แถมระบุอายุชัดเจนว่าจะบวชได้ก็ต่อเมื่ออายุถึง 50 ปี เพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่เหมาะไม่ควรระหว่างกันขึ้น
ซึ่งต่างไปจากปัจจุบันที่แม้แม่ชีส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสูงอายุ แต่หญิงอายุน้อยก็มิได้ถูกห้ามบวชแต่ประการใด จึงน่าคิดว่าเรื่องที่แชร์แวสอ้างนั้นจริงหรือไม่ มีหลักฐานอื่นพอที่จะยืนยันข้อเท็จจริงเดียวกันได้หรือเปล่า?
อ้างอิง :
Skilling, Peter. “Female Renunciants (nang chi) in Siam. According to Early Travellers’ Accounts”. The Journal of The Siam Society 83 Parts 1&2 (1995):55-61. Print.
เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์ เมื่อ 18 พฤศจิกายน 2561
ตาริน ทำไม ไปเขียนขึ้นหัวแบบนั้น! ทั้งๆที่ฝรั่งบอกว่าแม่ชีอยุธยามีแต่คนอายุ 50 ขึ้นไป...
...ไปพูดบริส่ง บริสุทธิ์ น่าเกลียดมากๆ.
.. บาปกรรมนรก ความชิบหาย ที่ท่านก่อกรรมในการไปพูดจา ดูถูกเพศแม่ และแม่ชีที่ทรงศีล จงบังเกิดกับคนที่เขียนหัวเรื่อง!
06 ก.ค. 2563 เวลา 02.31 น.
Duang Thep🌺🍀 สรุปไม่มีหลักฐานอะไรสักอย่าง
หน้าที่ของแม่ชี แบบนั้น ใช่หรือ?
ตั้งแต่ต้นจนจบ มั่วมาก
และนี่คือ ข่าว หรือ?
05 ก.ค. 2563 เวลา 17.32 น.
สวยที่สุด แล้วงัย สื่อจะบอกอะไร?
จะบอกว่าแม่ชีไทยไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว ประเด็นคือ ผิดหรือไม่ผิดแล้ว"ฝรั่งว่า"มันเป็นใคร มันว่าทุกคนหรือบางคน
สื่อเอาจริงๆ ขอรายละเอียดนิดนึง อ่านแล้ว งงๆ ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร ตรงไหน กับใครเลย
06 ก.ค. 2563 เวลา 03.45 น.
นักข่าวคงไม่ทันนึกถึง ผลกระทบกับความรู้สึกอ่อนไหวของผู้อ่าน ที่เอาบทความฝรั่งมาอ้างอิงสรุปเอง
29 เม.ย. 2564 เวลา 03.59 น.
KOM แค่ความคิดเห็นส่วนตัวฝรั่ง แม่ชีไทยส่วนมากก็มาบวชถือศีลแค่ระยะเวลาสั้นๆ คนที่มาบวชก็เป็นคนแก่ที่อยู่บ้านไม่ได้ทำงาน ก็เหมือนช่วงถือศีลกินเจ แต่ฝรั่งมาเจอเลยเอาไปเทียบกับชีฝรั้งที่บวชถือศีลแต่เด็ก
01 พ.ค. 2564 เวลา 04.28 น.
ดูทั้งหมด