ถึงยุคไอที
บุญ คือ เงินทองที่สะสมมา
บุญ คือ วิชาความรู้ ความเชี่ยวชาญ
บุญ คือ เรื่องที่เคยทำไว้เข้าตากรรมการ
อันนี้คนยุคไอทีฟังแล้วเก็ต
ฟังแล้วรับได้ และเอามาใช้กัน
เช่น “เอาแต่กินบุญเก่านะเธอ”
หมายถึงไม่หาเงินหาทอง
ไม่ขวนขวายหาความรู้เพิ่ม
ไม่ลงพื้นที่เพื่อทำคะแนนกับชาวบ้าน
อย่างนี้เดี๋ยวบุญเก่าก็หมด
บุญเก่าหมด คือไม่มีเงินใช้
ไม่มีความรู้ใหม่ๆ ทันเด็กที่ตามหลังมา
หรือไม่มีความนิยมชมชอบจากโซเชียลดังเคย
ส่วนที่ว่า
บุญ คือ คุณงามความดีที่เคยทำไว้สมัยเด็ก
บุญ คือ กุศลกรรมที่เคยสร้างไว้แต่ชาติปางก่อน
บุญ คือ การให้ทาน การรักษาศีล การเจริญสติ
อันนี้คนยุคไอทีฟังแล้วหูดับ
ฟังแล้วไม่เก็ต คิดว่าเป็นความเชื่อ ไม่ใช่ความจริง
เพราะธรรมชาติตั้งกำแพงปิดกั้นไว้
ไม่ให้มนุษย์เดินดินรู้เรื่องเวียนว่ายตายเกิด
และคนในยุคเอาง่ายเข้าว่า
ก็มองกันแต่ข้อเท็จจริง ที่คนทำดีไม่ได้ดี ไม่ได้รวย
คนทำชั่วแต่ได้ดีมีถมไป ปลูกคฤหาสน์ ซื้อเรือยอร์ช
ไม่อาจเห็นว่าถ้าทำชั่วทั้งชีวิต
ตายแล้วจะไปนรกไหน
หรือทำดีไปจนสิ้นลมมนุษย์
จะต่อด้วยลมหายใจอันเป็นทิพย์ในสรวงสวรรค์หรือเปล่า
ในอนาคตใกล้หรือไกล เมื่อเทคโนโลยีไปไกลพอ
บุญ อาจได้รับการพิสูจน์ว่า
เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง
บุญ อาจได้รับการพิสูจน์ว่า
เป็นเหรียญด้านตรงข้ามกับพลังบาป
บุญ อาจได้รับการพิสูจน์ว่าเมื่อเข้าคู่กับบาป
ก็รวมกันเป็นอำนาจลึกลับ
ที่สร้างจักรวาลได้ทั้งจักรวาล
นักวิทยาศาสตร์ยุคเรา รู้แค่คร่าวๆ ว่า
ก่อนเกิดบิ๊กแบงก์ หรือก่อนกำเนิดจักรวาล
สิ่งที่ปรากฏอยู่ก่อน ได้แก่ แรงดึงดูดให้เกิดการมีขึ้น
ถ้านักวิทยาศาสตร์ยุคหน้าสืบสาวจนพบหลักฐานว่า
เบื้องหลังการเกิดโลก ดวงดาว และจักรวาล
คือ พลังละเอียด อันเกิดจาก ‘บุญมวลรวม’
กับ ‘บาปมวลรวม’ ของสิ่งมีชีวิตในจักรวาล
ถึงเวลานั้น วิทยาศาสตร์และศาสนา
ก็อาจรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้
โดยไม่ต้องแยกกันเดิน
ไม่ต้องแยกกันมองมาจากคนละมุมอีก
แต่วันนี้ จะเชื่อว่าบุญคืออะไรก็ตาม
เราคงได้ข้อสรุปตรงกัน
คือ คำว่า ‘หมดบุญ’ นั้น
ไม่มีใครหมดแล้วหมดเลยกันหรอก
เช่น ถ้าจะยังมีชีวิตต่อ
อย่างไรก็ต้องหาเงินเพิ่ม
ซึ่งนั่นเป็นทำนองเดียวกับที่ถ้ายังไม่ตาย
อย่างไรก็ต้องทำดีอีกจนได้
ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
ตัวอย่างที่ยกได้ง่ายๆ
พระพุทธเจ้าตรัสชี้ว่า
แค่คิดดี ก็ได้บุญแล้ว
เช่น เมื่อล้างจานชาม
แล้วสลัดเศษข้าวติดจานชามลงบ่อน้ำทิ้ง
หากไม่คิดอะไรเกินกว่าการกำจัดของเสีย
ก็ไม่ได้บุญ ไม่ได้บาป
แต่ด้วยการสลัดแบบเดียวกันนั้นเอง
เพียงคิดว่า ขอให้เศษอาหารนี้
เป็นที่อิ่มหนำกับสัตว์ในน้ำ
นี่ก็จัดว่าเป็นการทำทานแล้ว ได้บุญแล้ว
ยิ่งถ้าคิดแบบเดียวกันซ้ำๆทุกครั้ง ทุกวัน
กว่าจะตายก็ได้บุญอักโขมโหฬาร
เอาแค่มองว่า ได้ทำทานจนติดเป็นนิสัย
ทำลายความตระหนี่ถี่เหนียวได้
ก็เป็นที่รับรองในทางพุทธว่า
ทำบุญเข้าจุดแล้ว
เข้าถึงทานบารมีแบบพุทธแล้ว
ได้ ‘ต่อบุญ’ โดยอาจไม่รู้ตัวแล้ว
ในการท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดไปในสังสารวัฏ
พวกเราทุกคน ต่อบุญและต่อบาปกันตลอดเวลา
เพียงแต่ว่า ต่อบุญอย่างไร
จึงให้ผลเป็นความสุขราวกับเสวยบุญไม่ขาดสาย
ต่อบาปท่าไหน
จึงให้ผลเป็นความทุกข์ราวกับหมดบุญไม่เหลือหลอ!
ในการคิดดีทำในสิ่งที่ถูกต้อง ย่อมทำให้ชีวิตมีความสุขเสมอ.
29 ส.ค. 2563 เวลา 09.10 น.
Pichai ถ้าใช้ตรรกะวิธีคิดแบบนี้ (เวลาล้างจาน สลักเศษอาหารลงบ่อบำบัด เพื่อให้ปลาได้กิน) อย่างนี้คนหายใจออกคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้ต้นไม้นำไปสังเคราะห์แสง นั่งอยู่เฉยก็ได้บุญแล้ว!!! บุญจะส่งให้ขึ้นสวรรค์. ง่ายนิดเดียว. มันไม่ง่ายไปหรือครับ
30 ส.ค. 2563 เวลา 11.55 น.
Productivity มั่ว ไม่ได้สาระ
30 ส.ค. 2563 เวลา 14.24 น.
☎เป็นของใช้ส่วนตัว😒 ดี.ชาตินี้กุตะได้สั้นๆตายไวๆ
29 ส.ค. 2563 เวลา 08.55 น.
Noin@R บุญ บาป หน้าตาแบบไหนจับต้องได้ไหมคะอันนี้สงสัยมาตลอดเลย
31 ส.ค. 2563 เวลา 11.42 น.
ดูทั้งหมด