In focus
- จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอแนวคิด ‘Prosper Africa - ‘แอฟริการุ่งเรือง’ หวังพานักลงทุนเข้าไปแทรกซึมแอฟริกา เพื่อกันท่าจีนและรัสเซีย
- แหลมแอฟริกาเป็นที่ตั้งของเอริเทรีย จิบูติ เอธิโอเปีย และโซมาเลีย ตั้งอยู่ในเส้นทางเดินเรือระหว่างทะเลอาหรับ ทะเลแดง ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดังนั้น การมีฐานทัพบนคาบสมุทรแห่งนี้สามารถคุมเส้นทางเข้าออกคลองสุเอซได้ จึงกลายเป็นพื้นที่ช่วงชิงอิทธิพลระหว่างมหาอำนาจ
- โบลตันพยายามบอกว่า สหรัฐฯ คบหากับแอฟริกาด้วยหลักผลประโยชน์ร่วมกัน ส่งเสริมให้เอกชนอเมริกันค้าขายกับประเทศเหล่านั้นอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่เข้าไป ‘ล่าเหยื่อ’ อย่างจีนกับรัสเซีย
- เขาประณามจีนว่า จ่ายสินบนใต้โต๊ะ ทำข้อตกลงที่คลุมเครือ ก่อภาระหนี้สิน กดบรรดาประเทศแอฟริกาให้ยอมตามความต้องการของปักกิ่ง ส่วนรัสเซีย ก็ขายอาวุธและพลังงานให้แอฟริกาเพื่อแลกกับเสียงโหวตสนับสนุนในสหประชาชาติ
สหรัฐฯ เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์ใหม่ ‘Prosper Africa’ ด้วยคำโฆษณาว่า อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนา และทำการค้าอย่างรับผิดชอบ แตกต่างจากจีนและรัสเซียซึ่งเข้าไปในกาฬทวีปอย่าง ‘นักล่า’
แอฟริกานับเป็นพื้นที่ล่าสุดที่รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์ มั่นหมายขยายอิทธิพลแข่งกับจีนและรัสเซีย หลังจากเพิ่งเสนอแผน ‘Indo-Pacific Initiative’ สำหรับเอเชียเมื่อเดือนสิงหาคม
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นำเสนอแนวคิด ‘Prosper Africa’ ในงานสัมมนาที่จัดโดยมูลนินิเฮอริเทจ หน่วยงานคลังสมองสายอนุรักษนิยม
ถึงแม้ยังไม่ได้ขยายความอย่างเป็นรูปธรรม ที่ปรึกษาสายเหยี่ยวของทรัมป์รายนี้นำเสนอไอเดียหลักว่า สหรัฐฯ จะสกัดกั้นการแผ่อิทธิพลของปักกิ่งกับมอสโกในทวีปแอฟริกา ด้วยการส่งเสริมให้เอกชนอเมริกันค้าขายกับประเทศเหล่านั้นอย่างมีความรับผิดชอบ ไม่ใช่เข้าไป ‘ล่าเหยื่อ’ อย่างจีนกับรัสเซีย
จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ
‘จักรวรรดินิยมน้อยกว่าใครในโลก’
คนสนิทของผู้นำทำเนียบขาวผู้นี้เน้นว่า อเมริกาจะคบหากับแอฟริกาด้วยหลักผลประโยชน์ร่วมกัน ภาคเอกชนของสหรัฐฯ จะเข้าไปลงทุนทั่วทั้งทวีป ค้าขายกันอย่างโปร่งใส ไม่ปิดกั้น และเสนอสินค้าคุณภาพสูง โดยบอกว่า แนวทางนี้สะท้อนว่า “สหรัฐฯ มีความเป็นจักรวรรดินิยมน้อยกว่าใครในประวัติศาสตร์โลก”
แม้ไม่ได้โจมตีจีนกับรัสเซียด้วยคำใหญ่อย่างจักรววรดินิยม แต่เขาก็วิจารณ์ประเทศทั้งสองอย่างหนัก หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของปักกิ่งกับมอสโกวิ่งรอกเข้าออกแอฟริกาเป็นว่าเล่นตลอดปี 2018
โบลตันจวกจีนว่า เข้าไปตักตวงกอบโกยทรัพยากรธรรมชาติ และขยายบทบาททางทหารและทางทะเลในย่านแหลมแอฟริกา (Horn of Africa) ทางตะวันออกสุดของทวีป
แหลมแอฟริกาเป็นที่ตั้งของเอริเทรีย จิบูติ เอธิโอเปีย และโซมาเลีย มีความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ เพราะตั้งอยู่ในเส้นทางเดินเรือระหว่างทะเลอาหรับ ทะเลแดง ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การมีฐานทัพบนคาบสมุทรแห่งนี้สามารถคุมเส้นทางเข้าออกคลองสุเอซได้ จึงกลายเป็นพื้นที่ช่วงชิงอิทธิพลระหว่างมหาอำนาจ
โบลตันวิจารณ์อย่างดุเดือดว่า “พฤติกรรมล่าเหยื่อของจีนกับรัสเซียขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจของแอฟริกา คุกคามความเป็นอิสระทางการเงินของชาติแอฟริกัน สกัดกั้นโอกาสการลงทุนของสหรัฐฯ แทรกแซงปฏิบัติการของทหารอเมริกัน และคุกคามผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของอเมริกา”
เขาประณามจีนว่า จ่ายสินบนใต้โต๊ะ ทำข้อตกลงที่คลุมเครือ ก่อภาระหนี้สิน กดบรรดาประเทศแอฟริกาให้ยอมตามความต้องการของปักกิ่ง พร้อมกับโฆษณาสรรพคุณของทุนอเมริกัน “ในข้อตกลงทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ เราขอเพียงผลประโยชน์ต่างตอบแทน ไม่เคยเรียกร้องการหมอบราบคาบแก้ว”
สำหรับรัสเซีย โบลตันกล่าวหาว่ามอสโกขายอาวุธและพลังงานให้แอฟริกาเพื่อแลกกับเสียงโหวตสนับสนุนในสหประชาชาติ และบอกว่า ความช่วยเหลือของรัสเซีย ซึ่งแทบไม่มีเงื่อนไขเช่นเดียวกับจีน เป็นตัวค้ำจุนบัลลังก์ของเผด็จการ สวนทางกับผลประโยชน์ของประชาชนชาวแอฟริกัน
แผน ‘แอฟริการุ่งเรือง’ ของโบลตันสอดคล้องกับทิศทางนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ เมื่อเดือนตุลาคม ทรัมป์ลงนามกฎหมายจัดตั้งหน่วยงานด้านการปล่อยเงินกู้ในชื่อ U.S. International Development Finance Corp ด้วยเงินทุน 60,000 ล้านดอลลาร์ฯ จุดประสงค์หลักคือ แข่งกับจีนในสนามของการพัฒนาระหว่างประเทศ
จีน-รัสเซียหยิบชิ้นปลามัน
จีนเริ่มสยายปีกเข้าไปในแอฟริกาอย่างจริงจังนับแต่ปี 2000 ผ่านกลไกความร่วมมือที่เรียกว่า Forum on China-Africa Cooperation (Focac) ซึ่งมีการประชุมกันทุก 3 ปีระหว่างจีนกับชาติแอฟริกากว่า 50 ประเทศ
ในการประชุมเมื่อเดือนกันยายน 2018 ที่แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 7 ของเวทีนี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง กล่าวในสุนทรพจน์ว่า ซัมมิตครั้งนี้ ซึ่งมีผู้นำสูงสุดของจีนเข้าร่วมเป็นครั้งที่สาม ถือเป็น “จุดเริ่มต้นของความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับแอฟริกา”
จีนเริ่มสยายปีกเข้าไปในแอฟริกาอย่างจริงจังนับแต่ปี 2000 ผ่านกลไกความร่วมมือที่เรียกว่า Forum on China-Africa Cooperation (Focac) ซึ่งมีการประชุมกันทุก 3 ปีระหว่างจีนกับชาติแอฟริกากว่า 50 ประเทศ
ที่ประชุมให้ความเห็นชอบแผนงานความร่วมมือ 8 ด้าน เช่น การส่งเสริมอุตสาหกรรม การเชื่อมโยงสาธารณูปโภค การอำนวยความสะดวกด้านการค้า
ประเด็นที่ชาติแอฟริกันเรียกร้องคือ ขอให้จีนถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยี เพราะที่ผ่านมา แอฟริกาได้แต่ขายวัตถุดิบ แล้วซื้อสินค้าสำเร็จรูปจากจีน จึงอยากให้จีนช่วยพัฒนาอุตสาหกรรม แอฟริกาจะได้ผลิตสินค้าส่งไปขายจีนบ้าง เพื่อลดการขาดดุลการค้ากับจีน
ความเคลื่อนไหวของจีนในแอฟริกาที่ถูกจับตามากที่สุด คือ กรณีจีนจัดตั้งฐานทัพนอกประเทศแห่งแรกที่จิบูติ ซึ่งประเทศพี่เบิ้มอย่างสหรัฐฯ ฝรั่งเศส ก็เข้าไปตั้งฐานทัพเช่นเดียวกัน รวมทั้งอิตาลีกับญี่ปุ่นด้วย โดยทั้งหมดจ่ายค่าเช่าให้ประเทศเจ้าบ้าน
ส่วนรัสเซียก็มีแผนจะจัดตั้งฐานลอจิสติกในเอริเทรีย ไม่นับเรื่องการค้าอาวุธและความร่วมมือทางทหาร รวมทั้งข้อตกลงซื้อขายทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ในหลายประเทศแถบนั้น
กรณีที่ถูกวิจารณ์มากสำหรับรัสเซีย คือ การที่มอสโกยื่นมือเข้าช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลของสาธารณรัฐแอฟริกากลางกับฝ่ายกบฏ ซึ่งกำลังเจรจากันที่ซูดาน ว่ากันว่างานนี้รัสเซียหมายมั่นปั้นมือที่จะได้สัมปทานเข้าไปทำเหมืองเพชร ทองคำ และยูเรเนียม ในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏ
มอสโกยื่นมือเข้าช่วยไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลของสาธารณรัฐแอฟริกากลางกับฝ่ายกบฏ ซึ่งกำลังเจรจากันที่ซูดาน ว่ากันว่างานนี้รัสเซียหมายมั่นปั้นมือที่จะได้สัมปทานเข้าไปทำเหมืองเพชร ทองคำ และยูเรเนียม ในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏ
ในปีนี้ มอสโกบุกหนักในแอฟริกา เมื่อเดือนมีนาคม รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ตระเวนเยือนอังโกลา นามิเบีย โมซัมบิก เอธิโอเปีย และซิมบับเว ลงนามข้อตกลงหลายฉบับว่าด้วยเขตเศรษฐกิจ การสำรวจแร่ธาตุ และความร่วมมือทางทหาร
ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า เหตุที่รัสเซียเร่งกระชับสัมพันธ์กับแอฟริกาก็เพราะต้องการเสียงสนับสนุนจากประเทศเหล่านั้นในเวทีสหประชาชาติเมื่อมีข้อมติเกี่ยวกับซีเรียและยูเครนซึ่งสหรัฐฯ กับยุโรปผลักดันให้รัสเซียถอนตัวจากการแทรกแซงต่อซีเรียและยูเครน
ในเรื่องแผนการ Prosper Africa นี้ นักสังเกตการณ์เตือนว่า สหรัฐฯ ไม่ควรปฏิบัติต่อแอฟริกาเหมือนเป็นตัวเบี้ย เพราะนั่นจะยิ่งผลักให้ชาวแอฟริกันหันหน้าเข้าหาจีนมากขึ้น
เอบ เดนมาร์ก อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ปัจจุบันเป็นนักวิชาการที่ Woodrow Wilson International Center for Scholars ให้ความเห็นว่า อเมริกาควรมีไมตรีกับแอฟริกาเพราะเหตุว่าเป็นแอฟริกา ไม่ใช่ถือเอาแอฟริกาเป็นหมากตัวหนึ่งบนกระดานหมากรุกระหว่างสหรัฐฯกับจีน
อีกไม่นาน แนวคิด แอฟริการุ่งเรือง คงมีรายละเอียดตามมา
อ้างอิง:
- The Straits Times, 5 September 2018
- The Guardian, 11 September 2018
- AFP via News24, 14 December 2018
- Reuters, 14 December 2018
ที่มาภาพ: Kevin Lamarque / Reuters
ทัศน์ เข้าไปก็ยัดการเมืองแล้วก็ยุแบ่งฝ่ายแบ่งประเทศ.. แล้วก็ยุให้ซื้ออาวุทธเก็บไว้ยิงกันเอง.. ทำมาแล้วทั่วโลก
16 ธ.ค. 2561 เวลา 17.37 น.
❤️ต้วน อี้❤️ เด็กเลี้ยงแกะอย่างเมกาใครเค้าจะไปเชื่อ เค้ารู้ไส้รู้พุงคุณกันหมดแล้ว ดูอย่างอีรัก ซีเรีย สิ ช่วยซะประเทศพังหมด
16 ธ.ค. 2561 เวลา 16.40 น.
Unknow กะไปสูบเลือดเหมือนกันหมด แต่จีนเข้าไปเนียนกว่า
16 ธ.ค. 2561 เวลา 18.41 น.
Chanwit มีที่ปรึกษาล้าหลัง อเมริกาถึงจมปลัก โลกไปไกลแล้ว ยุคทรัมป์ ชัดเจนที่สุดว่าอเมริกาไม่ใช่ผู้นำอีกแล้ว
16 ธ.ค. 2561 เวลา 23.54 น.
Phat ชื่อว่าจักรวรรดิ์นิยมไม่ว่ามากหรือน้อยก็เหมือนกัน ตามเขาไม่ทันก็โวยวายหมดศักดิ์ศรีไปนานแล้ว
16 ธ.ค. 2561 เวลา 23.11 น.
ดูทั้งหมด