ไลฟ์สไตล์

อิสตันบูล เมืองคูล ๆ ที่น่าหลงใหล

TheHippoThai.com
เผยแพร่ 25 พ.ค. 2561 เวลา 12.00 น.

อิสตันบูลเมืองคูลๆที่น่าหลงใหล
เรื่อง/ภาพ : POGGHI

นครอิสตันบูล (Istanbul) เมืองหลวงเก่าของประเทศตุรกี มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือมานับตั้งแต่โบราณกาล ความโดดเด่นด้านภูมิศาสตร์นั้นยากที่จะหาเมืองใดมาเลียนแบบด้วยตำแหน่งเมืองตระหง่านงามอยู่ระหว่างสองทวีป ดินแดนฝั่งซ้ายอยู่ในทวีปยุโรป ส่วนฝั่งขวาอยู่ในทวีปเอเชีย คั่นกลางสองแผ่นดินด้วยช่องแคบบอสฟอรัส ผืนน้ำกว้างใหญ่ที่เชื่อมต่อทะเลดำกับทะเลมาร์มาร่า

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ดินแดนแห่งนี้ยังเป็นที่โปรดปรานของนักประวัติศาสตร์ เพราะมีเรื่องให้ศึกษาหลากหลาย ทั้งดราม่า โรแมนติก แอ็คชั่น มีให้ครบรส เริ่มต้นด้วยอาณาจักรไบแซนเทียม (Byzantium) ของกรีกยุคโบราณ กว่า 600 ปีก่อนคริสตกาล มาปักหลักก่อนใคร จากนั้นกองทัพโรมันอันเกรียงไกรก็มาสานต่อความยิ่งใหญ่ สร้างอาณาจักรไบแซนไทน์ (Byzantine) โด่งดังขจรขจายจนเป็นที่กล่าวขานกันในนาม กรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงสุดวิจิตรที่มั่งคั่งมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป และประกาศความรุ่งเรืองอยู่นานนับพันปี

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่แล้วในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี ค.ศ.1453 กองทัพของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 กษัตริย์นักรบผู้ปรีชาสามารถ ได้นำกำลังทหารนับแสนรายเข้าปิดล้อมอยู่ราวสองเดือน สมรภูมิอันดุเดือดจบลงด้วยการที่ดินแดนแห่งนี้ตกเป็นของอาณาจักรออตโตมาน (Ottoman) นับเป็นจักวรรดิลำดับที่ 3 ที่เข้ามาครอบครอง

คิดดูแล้วกันว่า ดินแดนที่มีอารยธรรม 3 รูปแบบผสมผสานกัน จะเป็นสถานที่ที่มีความงดงามเพียงใด ยิ่งเมื่อเพิ่มเติมความร่วมสมัยแบบยุคปัจจุบันเข้าไปด้วย เชื่อเถอะว่า อิสตันบูล เป็นเมืองคูลๆ ที่คุณต้องหลงรักแน่ๆ

และนี่คือความประทับใจ 10 เรื่องที่คุณจะได้รับจากเมือง 2 ทวีป 3 อาณาจักร แห่งนี้ 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ความวิจิตรแห่งอารยธรรมโบราณ

ถ้ากางแผนที่โลก (เปิดกูเกิลแมพก็ได้) ดินแดนฝั่งซ้ายหรือฝั่งยุโรปของอิสตันบูลนั้น เป็นที่ตั้งย่านเมืองเก่า อารยธรรมล้ำค่า วิทยาการล้ำสมัยในอดีต โบราณสถาน และมรดกประวัติศาสตร์ของโลก กระจุกรวมตัวกันในอาณาเขตนี้ ชนิดที่ว่า ถ้าใครขี้เกียจวางแผนเที่ยว แค่เดินไปเดินมาในย่านเมืองเก่าก็มีอะไรให้ดูได้ทั้งวัน

ขอยกตัวอย่างเด็ดๆสัก 2 แห่ง 

สถานที่ห้ามพลาด แม้แต่จะมองข้ามก็หนีไม่พ้น (เนื่องจากใหญ่โตอลังการมากกก..) คือ มัสยิดสุลต่านอาห์เม็ต หรือ Blue Mosque ที่งดงามอลังการ มีสถาปัตยกรรมทรงโดมซ้อนเป็นชั้นๆ หออะซานสูงลิบ และติดอันดับมัสยิดที่มีความสวยงามของโลก

ที่มาของการสร้างก็สนุกน่าติดตาม เพราะเป็นการแข่งขันกันสร้างสรรค์สถาปัตยกรรมทางศาสนา เนื่องจากแต่เดิมในสมัยโรมัน อิสตันบูลมีวิหารเซนต์ โซเฟียของชาวคริสต์ที่งดงามระดับโลกมาก่อน สุลต่านหลายพระองค์จึงอยากสร้างมัสยิดให้งามเทียบเท่าบ้างแต่ก็ไม่สำเร็จเสียที ผ่านมาเกือบสองศตวรรษ มาถึงยุคของสุลต่านอาห์เม็ต ที่ 1 ซึ่งพระองค์ทำสำเร็จ และมัสยิดแห่งนี้ก็ตระหง่านงามอยู่ตรงข้ามวิหารเซนต์ โซเฟีย นั่นเอง

จากเรื่องบนดิน ลองมุดลงไปใต้ดินบ้าง อ่างเก็บน้ำเยเรบาทัน (Yerebatan) หรือ Basilica Cistern มรดกด้านการชลประทานที่แสนอัจฉริยะเป็นสถาปัตยกรรมกรีกผสมไบแซนไทน์ ดังแค่ไหน ก็เอาเป็นว่าตัวละครจากภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ บอนด์ หรือ ศาสตรจารย์โรเบิร์ต แลงดอน ต่างก็เคยแวะมาปฏิบัติภารกิจที่นี่

สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง

มหาวิหารเซนต์ โซเฟีย หรือ ฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sofphia) หรือ ถ้าเป็นคนเตอร์กิซ ก็เรียกว่า อยา โซเฟีย วิหารแห่งนี้ คือ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ซึ่งนี่ล่ะคือจุดขายเพียงพอที่เราจะยินยอมต่อคิวยาวเหยียดเข้าชมให้เห็นเป็นบุญตา

ถ้าวิจารณ์กันตามตรง ภายนอกของวิหารไม่งามเตะตาเท่าไหร่ มัสยิดสุลต่านอาห์เม็ตฝั่งตรงข้ามนั้นดึงดูดสายตากว่าเยอะเลย แต่อย่ามองแค่ภายนอกไม่งั้นเสียดายแย่ เพราะความเลิศหรูวิจิตรซ่อนอยู่ด้านในต่างหาก

วิหารสร้างขึ้นในยุคไบแซนไทน์ เป็นโบสถ์ชาวคริสต์นิกายออธอดอกซ์ เมื่อชาวออตโตมานมายึดเมือง รูปการณ์ก็น่าจะเป็นแบบสงครามศาสนาทั่วไป คงต้องโดนทุบทำลายทิ้งไปซะ แต่สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 ทรงประทับใจในความงามมาก พระองค์ทรงดัดแปลงให้เป็นสุเหร่าของชาวอิสลามแทน 

ชาวคริสต์กับชาวอิสลาม จึงมักฮึ่มๆใส่กันว่า วิหารควรเป็นศาสนสถานของศาสนาใดกันแน่ จนกระทั่งช่วงที่ประเทศตุรกีเป็นสาธารณรัฐ ในปี ค.ศ.1935 นายพล “อตาเติร์ก” ประธานาธิบดีคนแรกของตุรกี จึงตัดสินใจเปลี่ยนวิหารเป็นพิพิธภัณฑ์ประจำชาติ ไม่ว่าเชื้อชาติอะไร ศาสนาไหน ก็มีมีสิทธิเข้ามาชื่นชมมรดกอารยธรรมได้อย่างเท่าเทียมกัน .. จบนะ แยกย้าย!

ยลโฉมเมืองสองทวีป 

อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า อิสตันบูล คือ เมืองเดียวมีสองทวีป ดังนั้นถ้ามองจากแผนที่อย่างเดียวจะไปตื่นเต้นอะไร วิธีที่เราจะมองเห็นภูมิศาสตร์เมืองได้ด้วยสายตาตัวเอง ลองข้ามฟากไปฝั่งเมืองใหม่ (เดินข้ามสะพานกาลาตา หรือ นั่งรถรางไปก็ได้) เป้าหมายสู่กาลาตา ทาวเวอร์ (Galata Tower) หอคอยทรงกระบอกสูงเกือบ 70 เมตร หน้าตาราวกับหอคอยในเทพนิยายพี่น้องตระกูลกริมม์ ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดแล้วออกไปชื่นชมทัศนียภาพของอิสตันบูลแบบ 360 องศา เห็นกันแบบชัดๆเต็มตาว่าแผ่นดินถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยช่องแคบบอสฟอรัส

ถ้าจะให้ครบอรรถรสกว่านั้น ลองเช็คสภาพอากาศวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส แล้วหาทริปสั้นๆ ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง ที่ท่าเรือเอมินูนึ (Eminonu) ล่องเรือจากช่องแคบบอสฟอรัสชมวิถีชีวิตริมทะเลมาร์มาร่า ซึ่งถือเป็นการล่องเรือข้ามระหว่างทวีปเชียวนะ

แหล่งช้อปปิงเตอร์กิซสไตล์

ว่ากันว่า Grand Bazaar หรือ ตลาดในร่มที่ใหญ่ที่สุดของอิสตันบูลนั้น มีร้านค้ากว่า 4,000 ร้าน ครอบคลุมอาณาเขตถนนหนทางถึง 61 สาย และมีปริมาณนักช้อปหลักแสนคนต่อวัน 

ภายในตลาดระดับโลกแห่งนี้ มีทุกสรรพสิ่งสไตล์เตอร์กิซท่ีคุณต้องการในราคาที่ต่อรองได้ (ต่อให้หนักๆเข้าไว้) ไม่ว่าจะเป็นพรม เสื้อผ้า เครื่องประดับ ถ้วยโถโอชาม เครื่องเทศ อาหารคาวหวาน งานจิตรกรรม ของเก่าสะสม ของใหม่หรูหรา สินค้าพื้นเมือง ฯลฯ หรือแม้แต่ใครไม่ได้เป็นนักช้อป อย่าลืมว่าที่นี่เป็นแหล่งค้าขายมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 แค่แวะมาชมความโกลาหลวุ่นวายของตลาดโบราณก็น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว

การคมนาคมแสนสะดวก

สิ่งหนึ่งที่นักเดินทางใช้พิจารณาในการเลือกจุดหมายสักเมือง การคมนาคมก็มักเป็นเหตุผลข้อสำคัญ เพราะการไปต่างที่ต่างถิ่นนั้น หากหลงทางก็นับว่าเสียเวลาตารางเที่ยว หรือถ้าใครไม่ใช่นักเดินทางมือโปร ก็จะพลอยทำให้คิดกังวลจนเที่ยวไม่สนุก

ปัญหานั้น ไม่น่าจะเกิดกับอิสตันบูล เพราะระบบคมนาคมสาธารณะ ถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับผู้มาเยือนอย่างมาก มีรถไฟวิ่งตรงจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง มีรถรางที่วิ่งเชื่อมสองทวีปจากย่านเมืองเก่าไปเมืองใหม่ รถใต้ดินในย่านเมืองใหม่ก็สะดวกสบาย รถไฟท้องถิ่นทางฝั่งเมืองเก่าก็เข้าใจง่าย โดยมีภาษาอังกฤษกำกับไว้ทุกสถานี

โรงแรมที่พักมีให้เลือกทุกระดับประทับใจ

ย่านสุลต่านอาห์เม็ต ที่อยู่รอบๆรัศมี Blue Mosque นั้น มีโรงแรมที่เป็นลักษณะตึกแถวเรียงติดกัน แต่อย่าไปคิดว่าเป็นตึกแถวโทรมๆอะไรแนวนั้น ให้นึกถึงตึกทรงอพาร์ทเมนต์ในอเมริกาหรือยุโรปที่มีสถาปัตยกรรมร่วมสมัยผสมอยู่

โรงแรมละแวกนั้นมีราคาประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป ซึ่งนับว่าคุ้มค่า เพราะอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในย่านเมืองเก่า แบบที่เดินไปได้ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านแลกเงิน มากมายไม่ต้องกลัวอด โรงแรมบางแห่งจัดห้องอาหารเช้าไว้บนดาดฟ้า กินมื้อเช้าไปชมวิวเมืองเก่าไป หรือถ้าเลือกอยู่ฝั่งที่ใกล้ทะเลมามาร์ร่าหน่อย ก็จะเห็นเหล่านกนางแอ่นโผบินโต้ลมทะเลสีครามอยู่ลิบๆ

ส่วนใครมีเงินถุงเงินถัง ย่านเมืองเก่าก็พอมีโรงแรมระดับ 5 ดาวให้เลือก เดินผ่านไปแล้วรู้สึกราวกับวังสุลต่าน หรือถ้าเบื่อความคลาสสิควินเทจแล้ว ก็ข้ามไปฝั่งเอเชีย แถวย่านเมืองใหม่ ที่มีโรงแรมโมเดิร์นให้เลือกกันไม่หวาดไม่ไหว

เรื่องกินไม่ใช่เรื่องใหญ่

น้ำพริก น้ำปลา ซีอิ๊ว น้ำจิ้มแจ่ว … ออพชั่นเครื่องปรุงรสทั้งหลายของไทย อาจไม่ทันได้หยิบใช้ เมื่อมาอิสตันบูล เพราะ อาหารตุรกี ไม่ใช่สไตล์แขกอาหรับ และไม่ใช่ยุโรปจ๋า โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวดังแบบนี้ ย่อมมีการผสมกลมกล่อมระหว่างสองทวีปเหมือนกับสถานที่ตั้งของเมือง

อาหารอิสตันบูลมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งของคาวของหวาน มีเนื้อ มีผัก มีปลา (ขาดแค่หมูนั่นแหละ) คล้ายอาหารตะวันตก และได้รสแบบเอเชีย พวกซอส เครื่องเทศต่างๆถือเป็นทีเด็ด เพราะให้รสจัดขึ้นมานิด ถูกใจคนไทยนัก แถมการเป็นเมืองริมทะเลก็มีอาหารทะเลสดใหม่พร้อมเสิร์ฟอยู่เสมอ แค่แวะไปกินแซนวิซปลาแถวสะพานกาลาตายังอร่อยเลย

ผู้คนเป็นมิตร

เมืองใหญ่ที่ขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วนั้น ผู้มาเยือนอาจมีสิทธิโดนโก่งราคา อาจจะมีผู้คนรีบเร่งไม่สนใจใครๆ แล้วถ้าเจอแจ็คพ๊อต ก็อาจเจอก่อการร้าย (แต่ข้อนี้ อย่าคิดมากเกินไป เพราะปารีส ลอนดอน เบอร์ลิน กรุงเทพฯ ก็โดนกันครบทุกเมืองแล้ว)

เรื่องความยิ้มแย้มแจ่มใสในภาพรวมของอิสตันบูล ถือว่าดีกว่าเมืองใหญ่หลายๆแห่ง เพราะผู้คนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี และคนตุรกีรู้จักเมืองไทยดีพอสมควร หากลองทักทายชาวอิสตันบูล 10 คน อาจพบว่า 1-2 คน เคยมาเที่ยวไทย

เริ่มแรกชาวท้องถิ่นมักทักทายเราด้วยคำว่า หนีห่าว หรือ คนนิจิวะ แต่ถ้าบอกว่า from Thailand เท่านั้นล่ะคู้ณณณ อารมณ์คนทักจะเปลี่ยนมากระดี๊กระด๊าทันที โดยเฉพาะถ้าเป็นหนุ่มเตอร์กิซทักสาวไทย

บรรยากาศของคนรักฟุตบอล

แม้ว่าฟุตบอลลีกในตุรกี ไม่ใช่ลีกชั้นนำแบบอังกฤษ สเปน อิตาลี เยอรมนี … แต่ก็เป็นลีกระดับรองๆที่ได้รับการยอมรับมาตรฐาน ความนิยมชมชอบกีฬาฟุตบอลของคนประเทศนี้ จึงไม่ด้อยกว่าประเทศยุโรปอื่นๆแน่ๆ

มองย้อนกลับไป 16 ปีก่อน ในฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เป็นเจ้าภาพร่วม ทีมชาติตุรกีผงาดเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย และจบทัวนาเมนต์ด้วยการคว้าอันดับที่ 3 

ในอิสตันบูล มีสโมสรฟุตบอลดังระดับประเทศจนได้ฉายาว่า Big Three จำนวน 3 ทีม ได้แก่ เบซิคตัส (Besiktas), เฟเนร์บาห์เช (Fenerbahce) และ (กาลาตาซาลาย) Galatasaray แถมตอนนี้เพิ่มมาอีกทีม ชื่อ อิสตันบูล บาซาคเซฮีร์ (Istanbul Basaksehir) เรียกได้ว่า เป็นเมืองแห่งฟุตบอลตุรกีขนานแท้ 

นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเกมลูกหนัง จึงมีโอกาสได้สัมผัสการเฉลิมฉลองชัยชนะ หรือ เข้าไปร่วมชมบรรยากาศการแข่งขันในสนามได้ไม่ยาก

พาสปอร์ตเล่มเดียวก็พอ

ใช่แล้ว ! นักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวตุรกี ไม่ต้องใช้วีซ่าาาาา … แถมตะลอนๆได้นานตั้ง 30 วันแน่ะ

เชื่อว่านี่คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่ง สำหรับการเลือกไปเที่ยวต่างแดนของคนไทยหลายคน เพราะรู้สึกเบื่อ ขี้เกียจ กังวล กับการต้องขอวีซ่าประเทศต่างๆ ดังนั้นใครยังไม่เคยไปยุโรปเลย การมาเยือนอิสตันบูล ก็เหมือนได้ซ้อมเที่ยวเมืองลูกครึ่งยุโรป-เอเชียไปพลางๆ แปะตราประทับในพาสปอร์ตให้มีสีสันไว้หน่อย แล้วค่อยต่อยอดไปเที่ยวประเทศวีซ่าอื่นๆในอนาคต

ความเห็น 3
  • ไปมาแล้วขอบอกสวยงามมาก
    25 พ.ค. 2561 เวลา 12.52 น.
  • พิมพ์พรรณ วงศ์ปัดสา
    น่าเที่ยวที่สุด อยากไปจัง
    26 พ.ค. 2561 เวลา 02.25 น.
  • Tuck SoCool👑
    เขียนบรรยายสนุกดี น่าอ่านไปจนจบ
    25 พ.ค. 2561 เวลา 15.55 น.
ดูทั้งหมด