ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

มาขยี้อีกที เอาให้รู้ทะลุปรุโปร่งกันไปเลย Branded Content แบบไหนทำได้ทำไม่ได้

Marketing Oops
อัพเดต 18 มี.ค. 2561 เวลา 05.01 น. • เผยแพร่ 18 มี.ค. 2561 เวลา 00.54 น. • pigabyte

หลังจากที่ Facebook ออกกฎเกณฑ์เรื่องการทำคอนเทนต์ให้กับแบรนด์ หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็นการรับจ้างจากแบรนด์ในการทำคอนเทนต์ ซึ่งสร้างความสับสนให้กับนักการตลาด นักโฆษณา และผู้ดูแลเพจพอสมควร

ดังนั้น เพื่อเป็นการให้ความรู้แก่ นักการตลาด นักโฆษณา และผู้ดูแลเพจ Spore มีเดียเอเจนซี่ โดย CJ WORX ก็ได้เปิดให้ความรู้และสร้างความเข้าใจร่วมกันเพื่อการทำงานที่ราบรื่นของคนทำงานดิจิทัล สำหรับผู้ที่มาให้ความรู้และคำแนะนำได้แก่ ปองพล วิโรจน์วัฒนกุล *Media Buying Director Spore Bangkok *

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

brand1

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

Facebook Branded Content คืออะไร

เริ่มต้นเลยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Facebook Branded Content คืออะไร และทำเพื่ออะไร

ถ้าตามความหมายของเฟซบุ๊กก็คือ Define branded content as a creator or publisher’s content that features or is influenced by a business partner for an exchange of value หรือถ้าพูดกันตรงๆ เลยก็คือ “การทำโฆษณาแฝง” นั่นเอง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ส่วนเหตุผลที่ พี่มาร์คของเรา (Mark Zuckerberg) ทำนโยบายหรือกฎเหล็ก 7 ข้อนี้ขึ้นมา (คลิกอ่านเพิ่มเติม) พี่มาร์คให้เหตุผลว่า เป็นเพราะต้องการปกป้องผู้บริโภค สร้างความโปร่งใสในคอมมูนิตี้ของเฟซบุ๊กอย่างชัดเจนไปเลยว่า อันไหนคือโฆษณา อันไหนคือคอนเทนต์ปกติ

We define branded content as a creator or publisher’s content that features or is influenced by a business partner for an exchange of value ซัคเคอร์เบิร์ก เคยกล่าวไว้เมื่อต้นปี 2018

*ส่งผลอย่างไร? *

การทำ Branded Content จะส่งผลอย่างไรบ้าง แตกต่างหรือไม่แตกต่างกับโพสต์ปกติอย่างไร

ทั้งนี้ ในมุมของ Facebook User การทำ Branded Content นั้น ไม่ได้มีความแตกต่างจากการโพสต์ปกติมากเท่าไหร่ เพียงแต่ตัวโพสต์จะขึ้นชื่อของ ลูกค้า เพื่อให้ผู้ใช้ Facebook ทราบว่า Content ที่คุณกำลังดูหรือกำลังอ่านอยู่นั้นมีการพูดถึงลูกค้าด้วย

ในขณะที่ มุมของ Facebook Page Owner การทำ Branded Content นั้น จะทำให้โพสต์นั้นๆ สามารถซื้อ Boost Post ได้ อีกทั้งตัวลูกค้า (หรือแบรนด์) เองก็จะสามารถเข้ามาดู Stat ของโพสต์นั้นๆ ได้ รวมไปถึงเงินที่ใช้ในการ Boost Post ด้วย

Picture1

                                                                      (สังเกตคำว่า ‘with Intel’)

ซึ่งวิธีการสมัครก็ไม่ยาก แค่เข้าไปสมัครลงทะเบียน (Register) ตามลิงก์นี้ https://www.facebook.com/help/contact/1865970047013799?helpref=faq_content

Picture2

ซึ่งการลงทะเบียนนั้นทำได้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และหลังจากการทำการลงทะเบียนแล้ว ทาง Facebook จะทำการแอพพรูพกลับมาภายใน 1-2 ชั่วโมง ซึ่งมีการแจ้งเตือนเพจอีกที ซึ่งหลังจากมีการแอพพรูพแล้ว ก็จะกลับมานหน้าแรกละมีเมนูเพิ่มึ้นมาในช่องโพสต์ ซึ่งทางเพจจะสามารถโพสต์งานได้แบบปกติ เพียงแค่ต้องเลือกเมนู “จับมือ” เพื่อทำ Branded Content

อนุญาตให้ลูกค้าซื้อ Boost Post*เองได้ *

จุดที่น่าสนใจอีกอย่างของการทำ Branded Content ก็คือ

  • จะมีช่อง With ให้เราแท็กเฟซบุ๊กของแบรนด์ที่เรารับจ้างมาได้ (เหมือนกับที่ Lady Gaga with Intel นั่นเอง)
  • จะมีช่อง Allow business partner to boost post.ซึ่งจะเป็นการให้เราอนุญาตว่าต้องการให้ลูกค้าบูสต์โพสต์เองหรือไม่ (ด้วย account ของลูกค้าเอง)

ข้อพึงระวังอีกอย่างคือ ตรงช่อง With นั้นจะมีไว้สำหรับแท็กลูกค้าที่มีเฟซบุ๊กเพจเท่านั้น กรณีที่ลูกค้าไม่มีเฟซบุ๊กเพจก็จะไม่สามารถทำ Branded Content ได้

ทั้งนี้ การไม่อนุญาตให้ลูกค้า Boost Post เองได้นั้น จะทำให้ลูกค้าไม่สามารถ Boost Post ได้เองเท่านั้น แต่ในส่วนของการเข้าไปดู Stat ของโพสต์นั้นๆ รวมถึงดูจำนวนเงินที่ใช้ในการ Boost Post ยังสามารถทำได้อยู่เช่นเดิม

Picture4

*อย่าลืมแอพพรูฟด้วยนะ *

และการทำ Branded Content ได้นั้น จะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อ ลูกค้ากดแอพพรูฟแล้ว ถ้าลูกค้าไม่แอพพรูฟที่โพสต์นั้นๆ ก็จะไม่สามารถBoost Post ได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Branded Content

  • ถ้าไม่ทำ Branded Content จะมีผลยังไง?

ถ้าไม่ทำ โพสต์นั้นๆ ก็จะไม่สามารถทำการ Boost Post ได้ แต่นั่นก็ต่อเมื่อ Facebook มีการจับได้ว่าเป็นการBoost Post ที่เกินกว่าปกติ เช่น จับได้จากการที่มีอักษรมากเกินไป หรือจับได้จากจำนวนเม็ดเงินที่อัดในการบูสท์นั่นเอง ซึ่งข้อบ่งชี้เหล่านี้มันจะแจ้งเตือนว่าโพสต์อันนี้มีความผิดปกติ มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการที่มีการรับจ้างซื้อ ดังนั้น หากไม่ทำ Branded Content ก็มีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธได้

  • การโพสต์ Branded Content ต่างอย่างไรกับการโพสต์ปกติอย่างไร?

วิธีการไม่แตกต่างกัน เพิ่มเติมเพียงแค่ต้องมีการ Tag ลูกค้า เท่านั้น

และการ Tag ลูกค้า จะทำให้หน้าตาของโพสต์เปลี่ยนไป คือ โพสต์นั้นจะขึ้นเป็น “ชื่อเพจ with ชื่อเพจลูกค้า” และที่สำคัญ ทางลูกค้าจะสามารถเข้ามาดู Stat รวมไปถึงเห็นเงินที่ใช้ในการ Boost Post เฉพาะโพสต์นั้นๆ ได้

  • Facebook จะรู้ได้ยังไงว่าโพสต์นั้นๆ เป็นการโฆษณาแฝง?

ทาง Facebook จะใช้ระบบตรวจจับ Keywords (ไม่ว่าจะชื่อแบรนด์ โลโก้ และ ภาพสินค้า) คล้ายๆ กับระบบตรวจจับตัวอักษรในชิ้นงานที่ห้ามเกิน 20% รวมไปถึงการใช้เจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบและตัดสินว่าโพสต์นั้นๆเข้าข่ายการโฆษณาแฝงหรือไม่

  • ถ้าหากว่าเพจทำบทความ หรือชิ้นงานขึ้นมา โดยที่ไม่ได้ถูกว่าจ้าง แต่มีการนำเอาสินค้ามาอยู่ในชิ้นงาน แบบนี้จะถือว่าเป็นโฆษณาแฝงหรือไม่?

ทาง Facebook จะใช้ระบบตรวจจับต่างๆ ตามที่กล่าวไป ซึ่งไม่ว่าจะรับเงินหรือไม่ ถ้าหากเข้าข่ายการตรวจจับ ทาง Facebook จะตีค่าว่าเป็นโฆษณาแฝงทันที ซึ่งกรณีที่ไม่ได้ถูกว่าจ้าง ทางออกตรงนี้คือต้องส่งเมล์แจ้งไปยัง Facebook เพื่อชี้แจงยืนยันว่าไม่ใช่โฆษณาแฝงจริงๆ

  • กรณีของเพจที่ต้องมีการไปรีวิวต่างๆ จะต้องทำอย่างไร ทั้งที่การรีวิวเป็นการทำเองไม่ได้ถูกว่าจ้าง?

ถ้าหากว่าโพสต์นั้นๆไม่มีการ Boost Post ก็ไม่มีปัญหาอะไร สามารถทำได้ตามปกติ แต่ถ้าหากว่าจะต้องทำการ Boost Post ก็จะต้องทำ Branded Content หรือถ้าหากไม่อยาก Tag แบรนด์จริงๆ ก็สามารถที่จะติดต่อทาง Facebook เพื่อยืนยันว่าโพสต์นั้นๆไม่มีการโฆษณาแฝง หรือไม่มีการรับเงินจริงๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทาง Facebook จะทำการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าผลการตัดสินออกมาคือจัดเป็นการทำโฆษณาแฝง ทางเพจจะถูกระงับ Account ชั่วคราว

  • กรณีของเพจที่ต้องมีการไปรีวิวต่างๆ จะต้องทำอย่างไร ทั้งที่การรีวิวเป็นการทำเองไม่ได้ถูกว่าจ้าง?

ถ้าหากว่าโพสต์นั้นๆ ไม่มีการ Boost Post ก็ไม่มีปัญหาอะไร สามารถทำได้ตามปกติ

แต่ถ้าหากว่าจะต้องทำการ Boost Post ก็จะต้องทำ Branded Content หรือถ้าหากไม่อยาก Tag แบรนด์จริงๆ ก็สามารถที่จะติดต่อทาง Facebook เพื่อยืนยันว่าโพสต์นั้นๆ ไม่มีการโฆษณาแฝง หรือไม่มีการรับเงินจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ทาง Facebook จะทำการตรวจสอบหลักฐานทั้งหมดอีกครั้ง ซึ่งถ้าหากว่าผลการตัดสินออกมาคือจัดเป็นการทำโฆษณาแฝง ทางเพจจะถูกระงับ Account ชั่วคราว

  • กรณีที่ถูกระงับ Account ชั่วคราวจะสามารถลงโพสต์ได้อยู่หรือไม่?

ยังสามารถโพสต์งานได้ แต่จะไม่สามารถซื้อ Boost Post หรือซื้อ Page Like ได้ชั่วคราว แต่หากมีการระงับหลายครั้ง อาจจะมีบทลงโทษอื่นที่หนักกว่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศออกมา

  • ลูกค้าสามารถเข้ามาดู Stat และเงินที่ใช้ในการ Boost Post ทุกๆ โพสต์ในเพจเลยหรือไม่?

ไม่สามารถดูได้ ลูกค้าจะสามารถเข้ามาดูได้เพียงแค่โพสต์ที่ถูก Tag เอาไว้เท่านั้น

  • กรณีตัวอย่าง เพจ A ทำการลงโพสต์ Branded Content ให้กับลูกค้า แล้วมีเพจ B มาแชร์ไป ทางเพจ B จะต้องทำ Branded Content ด้วยหรือไม่?

ไม่จำเป็น เพราะการแชร์จะไม่สามารถ Boost Post ได้ และการทำ Branded Content โดยการแชร์จะไม่มีผลใดๆ เนื่องจากเพจ B นำชิ้นงานของเพจ A มาใช้ แต่เนื้อหามีการพูดถึงลูกค้า ซึ่งทาง Facebook ไม่สามารถตรวจสอบได้

  • หากแบรนด์ที่เรากล่าวถึงในเนื้อหาไม่มี Facebook Page  จะต้องทำอย่างไร?

ในกรณีที่ไม่มีเพจ ทาง Facebook จะถือว่าไม่ได้เป็นแบรนด์ และไม่เข้าข่ายที่จะต้องทำ Branded Content

  • ถ้าหากว่าคอนเทนต์เป็นการรีวิวสินค้าหลายๆ ตัว จะต้องทำการ tag แบรนด์ไหน?

หลักง่ายๆ เลยก็คือ เรารับเงินจากเพจไหนก็ tag เพจนั้น แต่ถ้าหากเราไม่ได้รับเงินแต่ต้องการจะทำจริงๆ ก็สามารถยืนยันไปกับทาง Facebook ว่าเราทำ Review รวมๆ ไม่ได้รับเงินเจ้าใด และต้องรอผลการตัดสินอีกทีหนึ่ง

เชื่อว่าเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคนทำคอนเทนต์ทุกฝ่ายได้บ้าง.

อ่านบทความทั้งหมด ที่ MarketingOops.com

ดูข่าวต้นฉบับ