ไลฟ์สไตล์

เรามีสิทธิ์เป็นคนธรรมดา - บองเต่า

THINK TODAY
เผยแพร่ 30 ก.ค. 2562 เวลา 10.25 น.

ช่วงวัยสามสิบเศษๆของผมในตอนนี้ คือการใช้ชีวิตในออฟฟิศในฐานะของ “พี่” ที่ต้องคอยดูแลทุกข์สุขของน้องๆในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว ซึ่งหน้าที่การดูแลทุกข์สุขอย่างนึง คือการสวมบทบาทเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดให้คำปรึกษาในการใช้ชีวิต ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ หน้าที่การงาน การบริหารเงิน ไปจนถึงเรื่องจิปาถะกุบกิบ 

ปัญหายากบ้างง่ายบ้าง ซึ่งในฐานะที่ปรึกษานั้นก็นับว่าเป็นเรื่องที่สนุกดีเหมือนกัน เพราะได้บริหารความคิด และหลายครั้งที่การให้คำปรึกษาก็กลายเป็นกระจกที่สะท้อนความคิดเราอยู่ไปด้วย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จนกระทั่งวันหนึ่ง น้องในทีมของผมก็มาปรึกษาผมด้วยคำถามที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน และผมคิดว่านี่คือการปรึกษาที่ยากที่สุดครั้งนึง เทียบเท่ากับคำถามในซองรอบตอบคำถามของเวทีนางงาม น้องคนนั้นถามผมว่า

“ทำไมผมเริ่มรู้สึกผิดกับการเป็นคนธรรมดา คือผมรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความพิเศษด้านไหนเลย แล้วก็ไม่ได้มีความฝันอยากทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เลย”

ผมพบว่าวันนี้เราอยู่ในโลกแห่งความสำเร็จ เพราะโลกได้สร้างเวทีให้เราได้แสดงความสำเร็จออกมาได้ง่ายขึ้นไม่ว่าในรูปแบบของสเตตัสในเฟซบุ๊ก หรือการอวดพัฒนาการล่าสุดของลูกในกรุ๊ปไลน์ของคุณแม่มือใหม่ หรือแม้แต่จำนวนไลค์ของรูปอินสตาแกรม ล้วนทำให้ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องพิเศษอีกต่อไป 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่การดำเนินชีวิตของเรากลายเป็นเรื่องที่สามารถหยิบยกขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง ลูกสาวคนโตสอบได้ที่หนึ่ง หรือการได้กระเป๋าชาแนลคอลเลกชั่นล่าสุดมาครอบครอง

แค่การมีความสำเร็จก็เป็นการตีกรอบด้านหนึ่งของชีวิตแล้ว ตอนนี้เรากำลังอยู่ในยุคที่เริ่มเห็นกรอบด้านที่สองคือ กรอบของเวลาที่เริ่มเร่งเร้าว่านอกจากจะประสบความสำเร็จแล้ว เราต้องเร็วด้วย ช้าไม่ได้นะ เดี๋ยวไม่ทันเพื่อน เดี๋ยวไม่ทันลูกป้าข้างบ้าน เดี๋ยวไม่ทันอีจอยแผนกบัญชี 

เราเริ่มเห็นการชื่นชมคนที่เก็บเงินได้หลักสิบล้านก่อนอายุสามสิบในกระทู้พันทิป คนที่เปิดบล๊อกท่องเที่ยวและไปเที่ยวมาห้าสิบประเทศตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ หรือเพื่อนที่ตัดสินใจลงทุนในสตาร์ทอัพของตัวเองแทนที่จะเป็นพนักงานกินเงินเดือน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ที่ทำให้ “ความธรรมดา” ถูกเปรียบเทียบและตีความใหม่จนความธรรมดากลายเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ อันเป็นที่มาของการนั่งปรับทุกข์ของน้องในวันนี้

ผมไม่รู้ว่าคำตอบแบบไหนที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่ผมเลือกที่จะนั่งคุยและถามกลับไปว่า “เออ พี่ยังไม่แน่ใจนะว่าจะให้คำตอบได้หรือเปล่า แต่…ไหน… ลองเล่าให้ฟังหน่อยว่าตอนนี้ความสุขในชีวิตมีอะไรบ้าง”

ฟังดูเหมือนผมจะไม่ได้ให้คำตอบที่น้องอยากได้ แถมยังกวนกลับด้วยคำถามอีก แต่น้องก็สามารถตอบคำถามผมได้แบบไม่ต้องใช้เวลาคิดนาน

 … ความสุขคือการได้กลับบ้านไปกินข้าวที่แม่ทำรอไว้อ่ะพี่ บางวันเจอลูกค้าด่ามาทั้งวัน รถก็โคตรติด บางวันติดอยู่บนถนนตั้งสองชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน แต่พอได้กินข้าวแม่เท่านั้นแหละ โอ้โหพี่ โมเมนต์ออฟเดอะเดย์ ที่เหนื่อยมาทั้งวันคือหายบนโต๊ะกินข้าวนี่แหละ

 … ความสุขคือการขายงานผ่านอ่ะพี่ ผมชอบมากเลยตอนที่ลูกค้าซื้องานเรา อาจจะไม่ได้ชมจนตัวลอย แต่บางทีเรารู้สึกได้ว่าเขาเห็นถึงความตั้งใจเรา เห็นถึงเบื้องหลังวิธีการคิดกว่ามันจะกลายมาเป็นพาวเวอร์พอยท์ไม่กี่หน้า แล้วเขาชอบมันด้วย

 … ความสุขคือการนั่งคุยกับเพื่อนหลังเลิกงาน โดยไม่คุยกันเรื่องงานอะพี่ คุยกันเรื่อยเปื่อยไปเรื่อยๆ บางทีก็คุยเรื่องเกม เรื่องซีรี่ส์ เรื่องร้านกาแฟ บางทีเพื่อนที่นั่งคุยด้วย ตอนทำงานอาจจะเถียงกันจะเป็นจะตาย แต่พอวางงานลง แล้วนั่งคุยเรื่องไร้สาระด้วยกันได้แล้วมันก็รู้สึกดีเหมือนกัน

 … ความสุขคือการไปทะเล แต่ตัวไม่เปียกอ่ะพี่ เป็นทะเลที่เนทเร็วๆ แอร์เย็นๆ แล้วพอแดดร่มค่อยเดินไปเอาเท้าแตะๆน้ำทะเลพอเป็นพิธี ตอนดึกไปกินอาหารทะเล

ผมจำได้ว่าน้องเล่าความสุขในชีวิตออกมาเป็นเรื่องหรือรูปได้อย่างลื่นไหล จนสุดท้ายผมก็บอกไปว่า “ถ้าคำถามคือ การเป็นคนธรรมดานี่ผิดมั้ย พี่ตอบได้เลยว่าไม่ผิดนะ เพราะการรู้สึกเป็นคนธรรมดามันก็เกิดจากการเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนอื่นทั้งนั้น ซึ่งบางทีคนอื่นเขาไม่ได้จะเปรียบเทียบตัวเราเลย

และพี่เชื่อว่ายังมีคนอีกมากมายที่เป็นคนธรรมดาที่มีความสุขได้ เป็นคนที่ร้องเพลงเพราะและสนุกไปกับมันได้โดยไม่ต้องไปออกรายการประกวด หรือเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยแต่ไม่ได้อยากเปิดร้านหรือเป็นเชฟมืออาชีพ 

ถ้าเราพอใจกับความธรรมดาของเรา มันก็จะทำให้เรามีความสุขในแบบของเรา เหมือนกับที่เราแค่อยากทำงานดีๆให้ลูกค้าชอบ และกลับบ้านไปกินกับข้าวฝีมือแม่นั่นแหละ”

เราเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพอใจกับความธรรมดาของเรา ตราบใดที่ความธรรมดานั้นเป็นความสุขของเรา และไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใค

ความเห็น 4
  • Peeradech Phone
    ขอบคุณ​ความ​ธรรมดา​ของเราให้เต็มที่​เถิดครับ​ วันหนึ่งถ้ามีเรื่องมีราว​ไม่ธรรมดาอย่าง​มีคน​ในครอบครัว​เจ็บต้อง​ใช้เงิน​เยอะ​ โดนให้ออกจากงาน​ นั่นก็จะทำให้ชีวิต​เราไม่ธรรมดาขึ้นมาเหมือนกัน
    30 ก.ค. 2562 เวลา 11.37 น.
  • Maew
    อยากให้บริษัทมีที่ปรึกษาแบบนี้บ้าง แบะขอบคุณน้องที่เอาปัญหานี้มาปรึกษา ขอบคุณที่นำมาส่งต่อให้ได้อ่าน ทำให้นึกถึงตัวเองที่มีความสุขแบบธรรดามากๆคล้ายๆน้องเลย
    31 ก.ค. 2562 เวลา 06.22 น.
  • บางครั้งในการมีเป้าหมายเพื่อที่จะได้เอาไว้เป็นแรงบันดาลใจให้กับตนเองก็สามารถทึ่จะทำให้ประสบกับความสำเร็จในชีวิตได้เหมือนกัน.
    30 ก.ค. 2562 เวลา 13.37 น.
  • อยากมีพี่น้อง ที่ที่ทำงานอย่างนี้จัง ที่เห็นนะต่อหน้าดีลับหลังด่ากันกั๊กความรู้กันเอาเปรียบกันทั้งพี ทั้งน้องเลย ที่ทำงานคือที่วางอำนาจใส่กัน
    30 ก.ค. 2562 เวลา 12.57 น.
ดูทั้งหมด