ไลฟ์สไตล์

แม่ยอมตาบอด ถ้าลูกจะรอด - ดีเจพี่อ้อย

TOP PICK TODAY
เผยแพร่ 02 ก.ค. 2563 เวลา 17.00 น. • ดีเจพี่อ้อย

 

Luke Braswell | unsplash.com">
Photo by Luke Braswell | unsplash.com

                       ช่วงนี้คงได้ยินคำว่า  “ไลฟ์โค้ช”   กันบ่อยขึ้นนะคะ     เคยเข้าไปดูคลิปของโค้ชคนนั้นคนนี้อยู่เหมือนกัน    เพราะอยากรู้ว่าแต่ละคน  มีวิธีสอน  และวิธีคิดในชีวิตกันยังไง รวมถึงการสร้างพลังใจ   เผื่อได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน  คนทุกคนคือ “ครู”ของเราเสมอ   ในที่สุดยังคงยืนยันเหมือนเดิมค่ะ  ไม่มีสูตรไหนใช้ได้กับทุกชีวิต  สุดแท้แต่เรามีวิธีคิดและวิธีรับมือกับวิกฤติในช่วงเวลานั้นๆยังไง    ความรักก็เช่นกัน    เราต่างทำหน้าที่เป็น “ผู้ฟัง”  ในวันที่มีคนหัวใจพัง  ให้กำลังใจกัน ไม่ต้องให้ใครต้องรีบเข้มแข็งไวเกินจริง  เพราะทุกสิ่งต้องใช้เวลา   และเชื่อเสมอว่า  ไม่มีใครเก่งกว่าใคร   อยู่ที่ใครตั้งสติได้ก่อนกันเท่านั้นเอง  ตรงนี้ไม่มีใครเป็นไลฟ์โค้ชค่ะ  ฟังฟรี  อ่านฟรี  ถ้าได้วิธีคิดใดๆ  ก็เพราะใจแต่ละคนมีคำตอบให้กับเรื่องของตัวเองอยู่แล้ว  และหลายๆครั้ง   คำตอบเหล่านั้นเป็นคำตอบที่เสียงดังฟังชัดขึ้นเมื่อได้เรียนรู้จากชีวิตของคนอื่นๆด้วย  

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

                   เมื่อศุกร์ที่ผ่านมาตอนจัด Club Friday มีคำถามหนึ่งส่งเข้ามาถาม   สารภาพตามตรงเลยค่ะว่า   “อึ้ง”ไปนานมากจนวันนี้   บางทีโลกก็เสนอทางเลือกที่โหดร้ายเกินไปจริงๆ

                  “  พี่อ้อยคะ ตอนนี้น้องอายุเกือบ 30 ปีเป็นครูค่ะเพิ่งแต่งงานกับสามี  เราสองคนอยากมีลูกมากๆๆๆๆ    และความฝันของเราก็สำเร็จ  ตอนนี้ท้องได้3เดือน   เรามีความสุขมากๆครอบครัวเราดีใจ  เพราะทั้งคู่ต่างเป็นลูกคนเดียว    แต่มันก็มีเรื่องที่ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปค่ะ   อยู่ดีๆก็มีอาการปวดหัวอย่างแรง  ไปหาหมอ2-3ที่   ก็มีแต่ยาพาราฯ   เพราะหมอบอกว่าเราเครียด   ผ่านไปหลายอาทิตย์อาการไม่ดีขึ้นเลย  ตาเริ่มมัว  เห็นภาพซ้อน หมอส่งทำMRI สแกนสมองแบบคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า    น้องแอบนอนร้องไห้ เพราะไม่คิดว่าเราจะเป็นหนักขนาดนี้   ยังดีที่สามีคอยดูแล อยู่เคียงข้างตลอดผลปรากฎว่าเราเป็นเส้นเลือดดำในสมองอุดตันเกิดจากเลือดของเราเองบวกกับเราน่าจะเป็นโรคนี้อยู่แล้วแต่ไม่ได้แสดงอาการเยอะ ซึ่งการตั้งครรภ์และท้องที่โตขึ้น  ไปกระตุ้นให้เกิดอาการหนักขึ้น   หมอบอกว่าเราต้องทำใจ  และสามีกับเราต้องเลือกระหว่างภรรยาตาบอดแล้วลูกรอด   หรือ  ต้องปล่อยลูกไป  ถ้าร่างกายรับการรักษาไม่ไหวจริงๆ  !!!    เป็นการเลือกที่ทรมานหัวใจที่สุด    น้องยอมตาบอดนะคะ   เพราะถ้าเสียลูกคนนี้ไป  ก็อาจตั้งท้องอีกไม่ได้    ส่วนสามีนั้นเราไม่รู้เลยเพราะเขาไม่ยอมพูดเรื่องนี้  แต่เขาก็ยังดูแลเราอยู่นะคะ   น้องไม่รู้ว่า    สิ่งที่เราเลือกมันถูกต้องไหม  ถ้าเป็นพี่  พี่จะเลือกแบบไหนคะ  ขอบคุณที่รับฟังค่ะ”

                อยู่ใกล้ๆจะกอดน้อง       ไม่มีใครเลือกเส้นทางในชีวิตแทนกันได้ เพราะเงื่อนไขแต่ละคนไม่เหมือนกัน     พี่เคยเป็นคนที่อยากมีลูกมาก  พอลูกแท้งไปก็ไม่มีอีก   คุยกับสามี  สามีบอกว่า   เรายังไม่มีใครเพิ่ม  แต่ยังไม่มีใครขาดนี่นา    เรายังอยู่ข้างๆกันตรงนี้ จะมีเขาหรือไม่มีเขา  เราก็ยังรักกัน….     

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

              ตอนนี้น้องต้องกอดสามีแน่นๆ    เราเจอโจทย์ยากด้วยกัน   สองหัวใจเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าข้างหน้าเราจะเดินไปทางไหน   แค่ต้องหาข้อมูลให้มากที่สุด    ชีวิตไม่ได้หยุดแค่มีลูกหรือไม่มีลูก  และถ้าจะมีเขา  เราต้องสร้างครอบครัวที่พร้อมพอในการดูแลเขาด้วย   ถ้าได้อุ้มลูก  แต่น้องไม่มีโอกาสได้มองเห็น  หรือแม้จะเป็นแม่ที่ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบก็ยังทำไม่ไหว   น้องจะมีความสุขได้จริงๆหรือ?   ให้สามีทำหน้าที่พ่อ  และต้องรอดูแลภรรยาตาบอด   ลูกรอด   แล้วสุขภาพแม่ และสุขภาพลูกเป็นยังไง   นั่นคือสิ่งสำคัญไม่ใช่น้อย  

               เวลาขึ้นเครื่องบิน    วิธีการปฏิบัติตัวที่เราได้ยินบ่อยๆเวลาเครื่องมีปัญหาคือ   หน้ากากออกซิเจน  พ่อแม่ต้องสวมให้ตัวเอง   ก่อนสวมให้เด็ก  เพราะลูกมีชีวิตอย่างเดียวไม่ได้  ต้องได้รับการดูแล เพื่อให้ชีวิตของเขาเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย   ลองปรึกษาคุณหมอหลายๆท่านดีไหม  ขั้นตอนการรักษาเป็นยังไง    มีอีกซักทางไหม  ที่เราสามารถแข็งแรงไปพร้อมๆกับลูก   ไม่ใช่แค่เขาอยู่ในอ้อมกอดก็จบแล้ว   ไม่ใช่เลยค่ะ    

                 ทางเลือกของน้องไม่ง่าย   ค่อยๆเดินไปด้วยกันทั้งสามีและภภรยานะคะ  อย่ามัวแต่รอสิ่งที่ขาด จนพลาดสิ่งที่ตัวเองมี  วันนี้เรายังมีลมหายใจเพื่อกันและกัน  ทุกทางเลือกที่น้องจะเลือกไป ตัดสินใจคนเดียวไม่ได้  ไม่ว่าจะเลือกทางไหน  ก็ต้องยอมรับให้ได้ถึงทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้น  เราจะไม่โทษกัน  แค่รักกัน   เดินด้วยกัน  ร้องไห้ด้วยกัน  และกอดกัน  ความสุขยิ่งแบ่งยิ่งสุข   ความทุกข์ยิ่งแบ่งยิ่งเบา   ถ้าเราไม่แข็งแรงพอจะให้กำเนิดเขา    จะให้เขามาทุกข์กับเราทำไม    ไว้วันที่ร่างกายคุณแม่แข็งแรงพอ  รอลูกมาใหม่  วิทยาการการแพทย์ในวันนี้ทำให้มีทางเลือกในชีวิตเยอะขึ้นมากมายอายุก็ยังไม่ได้มากเท่าไหร่    เราไม่ได้ฆ่าใคร  แค่อยากมั่นใจว่า  ลูกที่จะเกิดมา   และคุณแม่อย่างเราสมบูรณ์พร้อมพอ  จะเดินหน้าต่อไปบนโลกที่อุดมไปด้วยปัญหาใบนี้จริงๆ  

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

                     เพราะเด็กไม่ใช่แค่ตุ๊กตา  เราแทบต้องใช้เวลาทั้งชีวิตของเรา  สร้างให้เขาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี     “มีลูกเมื่อพร้อม”  คือ  พร้อมพอจะสร้างครอบครัวอบอุ่นไว้รอเขา  ถ้าลำพังตัวเรา  ยังดูแลตัวเองไม่ไหว  จะเอาอ้อมแขนที่แข็งแกร่งที่ไหนไปประคองชีวิตลูกล่ะคะ          ถือว่าเป็นอีกมุมหนึ่ง จากผู้หญิงที่เคยรอจะเป็นแม่มานานวัน จนตอนนี้คิดแต่ว่า   แค่มีลมหายใจ  ก็โชคดีแค่ไหนแล้ว    ยังไม่มีลูกให้กอด  ก็กอดคนรอบข้างที่มี  ดูแลรักรอบๆตัวที่มีให้ดีที่สุด   เพราะไม่รู้เราจะหยุดหายใจเมื่อไหร่จริงๆ

ความเห็น 5
  • saansol
    เราควรอยู่ด้วยตัวเอง ทั้งความคิด การกระทำ ไม่จำเป็นต้องมีไลฟ์โค้ชหรือพวกศิราณี เสียเวลาเสียโอกาส เค้าก็มีปัญหาเหมือนกันแหละ ยึดหลักพุทธ ละชั่ว ทำดี ปัญญาก็เกิด
    11 ก.ค. 2563 เวลา 07.17 น.
  • 🍃MyWay🍃
    ช่างเป็นคำแนะนำที่มองเหนภาพในอนาคตเลย สุดยอดจริงๆโดยเฉพาะข้อเสนอแนะนี้ "ถ้าน้องมีความสุขได้อุ้มลูก แต่ไม่มีโอกาสได้มองเห็น น้องจะมีความสุขจริงๆเหรอ" ฯลฯ ไม่มีคำบรรยายแล้ว สุดยอดค่ะพี่อ้อย ^^^
    04 ก.ค. 2563 เวลา 15.38 น.
  • ส้มโอ
    อ่านจบเจอคำตอบเลยค่ะ ติดตามตลอดให้ข้อคิดดีมากๆ บางเรื่องตรงกับชีวีตเราชอบมากตรงที่แนะนำให้รักตัวเองมากๆบนข้อแม้ไม่ทำร้ายใคร
    03 ก.ค. 2563 เวลา 09.55 น.
  • ผมคิดว่าตราบใดที่คุณยังคงมีแฟนของคุณที่คอยให้กำลังใจคุณอยู่อย่างในทุกวันนี้ ผมคิดว่าคุณคิดและทำถูกต้องแล้วครับที่คุณเลือกที่จะเก็บชีวิตน้อยๆที่เป็นสื่อแทนใจของคุณทั้งสองคนเอาไว้ครับ.
    03 ก.ค. 2563 เวลา 07.49 น.
  • เป็นกำลังใจให้ครับ เรายังไม่มีใครเพิ่มแต่ก็ยังไม่เสียใครไป. ชอบประโยคนี้จัง
    03 ก.ค. 2563 เวลา 05.04 น.
ดูทั้งหมด