โบรกฯ ฟันธงหุ้นน้ำมัน-โรงกลั่น-ปิโตรเคมี พ้นจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือนเม.ย. เริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในครึ่งหลังปีนี้ ตอบรับคลายมาตรการล็อกดาวน์-กำลังผลิตทั่วโลกลดลงช่วยหนุน ระบุหุ้นโรงกลั่น-ปิโตรเคมี เด่นสุด ขณะที่บล.ทิสโก้ กังวลหุ้นพลังงานฟื้นตัวเร็วเกินพื้นฐานทำอัพไซด์จำกัด
*** กูรูฟันธงหุ้นพลังงาน-ปิโตรฯพ้นจุดต่ำสุด
หลังจากที่ภาพรวมอุตสาหกรรมพลังงาน และปิโตรเคมีตกต่ำอย่างมากในไตรมาส 1/63 จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รัฐบาลในหลายประเทศออกมาตรการล็อกดาวน์(Lockdown) ทำให้ตลาดน้ำมันดิบไม่สมดุลอย่างมาก
อย่างไรก็ดีบริษัทหลักทรัพย์(บล.)หยวนต้า(ประเทศไทย) ได้ระบุว่า ในเดือนพ.ค.เริ่มเห็นการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันแล้ว ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ เป็นผลจากการทยอยคลายมาตรการล็อกดาวน์ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการใช้รถยนต์เร่งตัวขึ้นแทนการใช้รถสาธารณะ ทำให้อุปทานมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่้อง
ขณะที่การผลิตใหม่ลดลงจากการเริ่มปรับลดการผลิตน้ำมันจาก OPEC+ 9.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากซาอุดีอาระเบีย 1 ล้านบาร์เรล/วัน และ Non-OPEC+ อีก 3.7 บาร์เรล/วัน รวมถึงจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯเหลือเพียง 337 แท่น ต่ำสุดตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2530
ดังนั้นเดือนเม.ย.63 จะเป็นจุดต่ำสุดของอุตสาหกรรม เนื่องจากได้รับผลกระทบมาตรการล็อกดาวน์เข้ามาเต็มไตรมาส ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันทั้งไตรมาส 2/63 หดตัว QoQ จากไตรมาสแรก
*** ครึ่งปีหลังฟื้นตัวแบบ "ค่อยเป็นค่อยไป"
บล.หยวนต้า ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ความต้องการใช้น้ำมันจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปจากอุปสงค์น้ำมันที่จะกลับมาสูงกว่าอุปทาน จากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ทั่วโลก แม้อุปสงค์ในส่วนน้ำมันอากาศยานจะยังถูกกดดันจากการเดินทางระหว่างประเทศ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้า แต่การเดินทางในประเทศที่ฟื้นตัวเร็วจะเพียงพอต่อการหนุนอุตสาหกรรมฟื้นตัวแล้ว
จะเห็นได้จากล่าสุดสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน Brent ได้ลดระดับภาวะตลาด Cotango(ราคาสัญญาล่วงหน้าในอีกหลายเดือนสูงกว่าราคาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า) ลงสู่ระดับปกติแล้ว ดังนั้นจึงได้คงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปี 63 ไว้ที่ 40 ดอลลาร์/บาร์เรล
*** ชูกลุ่มโรงกลั่น - ปิโตรเคมี เด่นสุด
บล.หยวนต้า ระบุเพิ่มเติมว่า กลุ่มโรงกลั่น-ปิโตรเคมีผ่านจุดที่แย่ที่สุดในไตรมาส 1/63 มาแล้ว ทำให้แนวโน้มกำไรจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนโดย
1) การขาดทุนสต็อกน้ำมันสูง ๆ จะไม่เกิดขึ้นซ้ำ และยังมีโอกาสบันทึกกำไรสต็อกเข้ามาในครึ่งหลังของปีด้วย
2) ได้ประโยชน์จากต้นทุนน้ำมัน(Crude premium) และต้นทุนวัตถุดิบ Naphtha ที่ลดลงทำให้ TOP SPRC IRPC จะได้ประโยชน์ ค่าการกลั่นในไตรมาส 2/63 จะสูงขึ้น QoQ ทำให้ผลประกอบการไตรมาส 2/63 ขยายตัว QoQ ตาม ส่วน PTTGC และ IRPC อาจไม่เด่นนักเราะราคา HDPE และ PP ลดลงตามราคาน้ำมัน
3) อุปสงค์น้ำมันสูงขึ้นจากการทยอยเปิดเมือง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินจากการใช้รถยนต์เดินทาง
อย่างไรก็ตามด้วยราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรงกว่าคู่แข่งในกลุ่มทำให้มีอัพไซด์ไม่มากนัก และอาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า จึงอาจใช้จังหวะสะสมในช่วงหุ้นอ่อนตัว โดยมีหุ้นแนะนำดังนี้
หุ้นคำแนะนำราคาเหมาะสม(บ.)SPRCซื้อ6.80TOPซื้อ50PTTGCซื้อ48IVLเก็งกำไร30
*** PTTEP - PTT ไม่เด่น
แนวโน้มกำไรของกลุ่มอุตสาหกรรมต้นน้ำอย่าง PTTEP และ PTT จะไม่โดดเด่น เพราะราคาน้ำมันดิบยังอยู่ในระดับต่้ำโดยแนวโน้มผลประกอบการจะอ่อนแอลง QoQ ในไตรมาส 2/63 กดดันจากราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำลงตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งช่วง 2QTD ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ 31 ดอลลาร์/บาร์เรล (-39% QoQ และ -53% YoY)
ซึ่ง PTTEP อาจอ่อนตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากประเด็นเฉพาะตัว เช่น ราคาขายก๊าซที่คิดเป็น 70% ของรายได้ ยังมีแนวโน้มลดลง เพราะขายตามสัญญาที่มี Lag-time 6 - 12 เดือน และปริมาณขายที่ลดลง จากการที่ผู้ใช้ก๊าซหันไปนำเข้า LNG ที่มีอุปทานล้นตลาดและราคาถูกกว่าแทน
*** หวั่นราคาหุ้นฟื้นเร็ว สวนทางพื้นฐาน ทำอัพไซด์จำกัด
บล.ทิสโก้ ระบุว่า หุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวได้เร็วเกินไป และกำลังการผลิตที่กลับมาสูงเกินอุปสงค์ไปมาก โดยเฉพาะน้ำมันของเครื่องบินที่มีสต็อคอยู่สูง ทำให้อัตรากำไรถูกกดดัน และในเชิงของปัจจัยพื้นฐานนั้นอุตสาหกรรมก็อยู่ในสภาพที่อ่อนแออยู่แล้ว
โดยที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นกลับไประดับก่อนโรคระบาดแล้ว และการปรับตัวที่ดีกว่าตลาด 10 – 23% จากกลางเดือน มี.ค. คิดเป็น PBV เฉลี่ยที่ 0.83 เท่า จากระดับปกติที่ 0.88 เท่า ทำให้การปรับประมาณการทำได้จำกัด ขณะที่ดาวไซด์(ความเสี่ยงขาลง)ยังมีสูง
ส่วนประเด็นบวกจาก Crude Premium เชื่อว่าได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และด้วยสงครามราคากับการลดกำลังการผลิตของ OPEC+ ได้ผ่านไปแล้ว แม้ว่าจะยังมีสถานะที่อ่อนแอ แต่ด้วยราคาที่มีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น ทำให้ตะวันออกกลางไม่จำเป็นต้องขายน้ำมันในราคาต่ำต่อไปด้วยส่วนลด 7.3 ดอลลาร์ สำหรับน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ค. OSP สำหรับน้ำมันดิบ Arab Extra Light ในเดือน มิ.ย.มีส่วนลด เพิ่มขึ้น 5.9 ดอลลาร์/บาร์เรล
*** มีเพียง TOP ที่ยังมีอัพไซด์
บล.ทิสโก้ ระบุต่อว่า มีเพียง TOP ที่น่าสนใจด้วย PBV ที่ 0.77 เท่าเทียบกับปกติที่ 0.90 เท่า ซึ่งต่ำกว่า SPRC และ IRPC ที่ซื้อขายที่ 1 เท่าและ 0.7 เท่า เทียบค่าเฉลี่ยในช่วงปกติที่ 1.1 และ 0.65 เท่า จึงมีอัพไซด์ที่จำกัด
ทำให้เราแนะนำให้ “ซื้อ” TOP โดยมีมูลค่าที่เหมะสม 54 บาท, IRPC แนะนำให้ “ขาย” มูลค่าที่เหมาะสม 2.30 บาท และ SPRC แนะนำให้ “ถือ” มูลค่าที่เหมาะสม 7.20 บาท
ชายโจ หุ้นTop น่าสนใจมากๆ
27 พ.ค. 2563 เวลา 06.04 น.
P a n d o r a หุ้นฟื้นหรือเปล่าไม่รู้
รู้แต่ปตท., บางจาก ขึ้นราคาน้ำมันบ่อยมาก
เกินระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกล่ะมั้ง
27 พ.ค. 2563 เวลา 05.44 น.
ดูทั้งหมด