เมื่อเวลา 17.00.น.ของวันที่ 15 ตุลาคม 2566 สถานีตำรวจภูธรรลานสักได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถเก๋งประสานงากับรถกระบะ ตกลงไปในคลอง ช่วงสี่แยกทางตรง หมู่ 10 บ้านศรีบุญเรือน ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี หลังได้รับแจ้ง ร.ต.อ.เอกชลิต หนุนพงษ์ ร้อยเวรสภ.ลานสัก รีบรุดไปยังที่เกิดเหตุประสานงานไปยังกู้ชีพของอบต.ทุ่งนางาม มารับผู้บาดเจ็บในที่เกิดเหตุไปส่งรพ.ลานสัก เนื่องจากได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ในที่เกิดเหตุ พบรถเก๋ง หมายเลขทะเบียน สย.9828 กทม.ตกลงไปในคลอง สภาพด้านข้างซ้ายมีรอยทุกชนยุบด้านขวาคนขับได้รับความเสียหาย ใกล้กันบนถนนพบรถกระบะสีแดงหมายเลขทะเบียน บจ.4848 นครสวรรค์ เสียหลักจอดอยู่บนถนนใกล้กับกับคลอง สภาพด้านหน้ารถมีรอยยุบได้รับความเสียหาย
ทราบต่อมาผู้บาดเจ็บที่ขับรถเก๋งที่ตกลงคลองเป็นชายชื่อนายณัฐพงษ์ อายุ 39 ปี อยู่กทม.ได้เปิดเผยว่า ตนเองได้มาหาญาติที่จ.อุทัยธานี ที่อ.ลานสัก ก่อนเกิดเหตุ ตนเองพึ่งกลับมาจากบ้านญาติแถวตลาดลานสัก กำลังมุ่งหน้าเดินทางกลับกทม.โดยเปิดจีพีเอสนำทางมา เนื่องจากตนเองไม่ค่อยชินทาง จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ ช่วงสี่แยก ตนเองก็ขับทางตรงขึ้นหน้าผ่านสี่แยก จังหวะนั้นตนเองก็ไม่เห็นรถกระบะอีกคันที่วิ่งทางตรงมาเช่นกัน รู้ตัวอีกที รถเก๋งตนเองก็ร่วงตกลงไปในคลองแล้ว
จากการสอบถามผู้ขับขี่รถกระบะอีกคัน ชื่อนายธนากร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเขากวางทอง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ได้เปิดเผยว่า ตนเองและครอบครัวพึ่งกลับจากตลาดนัดมา พอมาถึงที่เกิดเหตุ ตนเองก็วิ่งทางตรง มาถึง 4 แยก จู่ๆรถเก๋งก็วิ่งตัดทางตรงขึ้นมา จนทำให้รถตนเองประสานงากับรถเก๋งคันดังกล่าว จนทำให้รถเก๋งคันดังกล่าวตกลงไปในคลอง ซึ่งตนเองก็พยายามเบรครถแล้ว จนบังคับรถไม่อยู่ เสียหลักทำให้รถของตนเองหมุนกลับมาอีกทาง
พร้อมกับสอบถามกับผู้ใหญ่บ้านชื่อนายมนัส ใจธรรม อายุ 47 ปี บ้านศรีบุญเรือง ต.ทุ่งนางาม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ได้เปิดเผยระหว่างนั้นตนเองได้เก็บผักอยู่ที่หน้าบ้านพอดี จังหวะนั้นได้ยินเสียงรถชนกันดังอยู่บนถนน จึงได้รีบวิ่งออกมาดูและไปยังที่เกิดเหตุ พบรถเก๋งตกลงไปในคลอง รถกระบะอีกคันจอดเสียหลักอยู่บนถนน ล่าสุดได้สอบถามทั้งสองฝ่าย ว่ารถเก๋งกับรถกระบะมาประสานงาชนกันที่ทางสี่แยกพอดี ซึ่งเป็นทางตรงเอกและโท เนื่องจากสี่แยกตรงนี้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง พร้อมกับสอบถามรถเก๋งที่ตกลงไปในคลองที่รับบาดเจ็บ ได้เปิดเผยว่าตนเองเป็นคนขับรถเก๋งดังกล่าวนั้น ระหว่างเดินทางกลับกทม.นั้นได้เปิดจีพีเอส นำทาง เนื่องจากไม่ชินเส้นทาง พร้อมกับเป็นคนต่างถิ่น จนเกิดอุบัติเหตุขึ้นดังกล่าว
แต่อย่างไรก็ตาม ทางจนท.ตำรวจสภ.ลานสัก ด้านร้อยเวร ได้สอบปากคำกับผู้กรณี ทั้ง 2 ฝ่าย หาสาเหตุว่าใครผิดใครถูก พร้อมได้รับการเปิดเผยจากกล้องหน้ารถเก๋งของผู้บาดเจ็บ ภายในภาพรถเก๋งคันดังกล่าวได้วิ่งเส้นตรงมาจากทางโท ส่วนรถกระบะนั้นวิ่งตรงมาจากทางเอก แล้วก็มาประสานงากันที่สี่แยก แล้วภาพกล้องหน้ารถก็จับไม่ได้ เนื่องจากรถเก๋งได้ตกลงคลองแล้ว อยู่ระหว่างจนท.ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ว เนื่องจากที่เกิดเหตุนั้นเป็นช่วงสี่แยกทางตรง ทางเอกทางโท เพื่อจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย และได้ตกลงเรียกประกันชดใช้ค่าเสียหายกันต่อไป
ภาวิณี ศรีอนันต์ ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด อุทัยธานี
daowjunji แค่รู้ว่าใครมาทางเอกทางโท ก็บอกได้แล้วใครถูกใครผิด เก๋งมาทางโท ต้องชะลอรถหรือหยุดรอดูให้เห็นว่าปลอดภัยจึงจะออกไปได้ ชนกับรถกะบะมาทางเอก ยังไงเก๋งก็ผิด100% กฏหมายง่ายๆ มีกล้องไม่มีกล้อง ทสงโทผิดอยู่ดี
16 ต.ค. 2566 เวลา 09.38 น.
ชัยวัฒน์ ใช้GPSนำทางก็ต้องดูทางดูสถานการณ์ด้วย ถ้าจ้องแต่จอก็จะเป็นแบบนี้
16 ต.ค. 2566 เวลา 09.29 น.
∆🔺piZnu🔺∆ เรื่องโทษโน้นนั้นนี่ต้องยกให้สังคมไทยจริงๆ..เป็นมาช้านานละคงเป็นตลอดไป..
16 ต.ค. 2566 เวลา 10.07 น.
สุนันท์ ทอง มัวแต่มอง จีพีเอส เลยเผลอแน่เลยครับ
16 ต.ค. 2566 เวลา 10.07 น.
เชาว์ chao เชื่อตัวเองดีก่วา เคยเจอมาด้วยตัวเองหัวเราะไม่ออก
16 ต.ค. 2566 เวลา 10.05 น.
ดูทั้งหมด