กรมราชทัณฑ์ แจ้งพ.ร.ก.ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 704) พ.ศ.2563 (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุน การจ้างงานผู้พ้นโทษเข้าทำงาน) ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2563 โดยการยกเว้นภาษีดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนให้นายจ้างที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เกิดการจ้างงาน ผู้พ้นโทษเข้าทำงาน โดยสามารถนำรายจ่ายที่เป็นค่าจ้างแรงงานผู้พ้นโทษ มายกเว้นภาษีเงินได้ เป็นจำนวน ร้อยละ 50 ของรายจ่าย
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันท์ (ภาพจาก กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม)
สาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ตามส่วน 3 หมวด 3 ในลักษณะ 2 แห่งประมวลรัษฎากร ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่รับผู้พ้นโทษซึ่งได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน สำหรับเงินได้เป็นจำนวนร้อยละ 50 ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงานผู้พ้นโทษเฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน15,000 บาทต่อคนต่อเดือน ซึ่งการยกเว้นภาษีในครั้งนี้เฉพาะรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม พ.ศ.2563 นี้เท่านั้น
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 4 ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 59 แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 (1) แห่งประมวลรัษฎากร กรณีการจ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในกำหนดเวลาตามกฎหมาย ตั้งแต่เดือนที่รับผู้พ้นโทษเข้าทำงานจนถึงเดือนสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีที่ได้ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้
สำหรับนายจ้างที่จะได้รับสิทธิยกเว้นภาษีตามพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้จะต้องเป็นบริษัทหรือ นิติบุคคลเท่านั้น และต้องมีการจ้างงานผู้พ้นโทษเข้าทำงาน โดยผู้พ้นโทษจะต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดที่พ้นโทษครบกำหนดตามหมายศาล หรือเป็นนักโทษที่มีหนังสือสำคัญพักการลงโทษกรณีปกติ หนังสือสำคัญพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ หรือหนังสือสำคัญการปล่อยตัวลดวันต้องโทษจำคุก ซึ่งจะต้องเป็นผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเกิดการจ้างงานผู้พ้นโทษ อันจะก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้แก่ผู้พ้นโทษ ซึ่งจะช่วยลดการกระทำผิดซ้ำ สอดคล้องกับภารกิจกรมราชทัณฑ์ ที่นอกจากการควบคุมผู้ต้องขังแล้ว ยังมีหน้าที่ในการแก้ไขและพัฒนาพฤตินิสัยของผู้ต้องขัง ให้เป็นผู้ที่มีทักษะ มีความสามารถ เพื่อให้ผู้พ้นโทษได้มีงานมีรายได้ สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ภายหลังพ้นโทษ ไม่หันมาก่อความผิดซ้ำ โดยมีการติดตามผลการมีงานทำของผู้พ้นโทษ ผ่านระบบศูนย์ประสานงานและส่งเสริมการมีงานทำ (ศูนย์ CARE) ของเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการคืนคนดีสู่สังคม
Touch108 ระบบราชการควรรับเป็นตัวอย่างครับ
12 ส.ค. 2563 เวลา 09.04 น.
กล้าให้รับราชการไหมละ ออกกฎบ้าบอ ใครเขาจะกล้ารับ วันดีคืนดีโดนเชือดคอทั้งบ้านจะทำไง หาที่เหมาะหรืองานที่เหมาะให้เขาทำ คนบางประเภทไม่เหมาะที่จะอยุ่กับสังคม อย่าผลักภาระให้ชาวบ้าน คิดดิคิดใหม่
12 ส.ค. 2563 เวลา 09.15 น.
Rojer สร้างคุกเพิ่มได้แล้ว คนผิดมีเยอะแยะ ได้ดิบได้ดีกันเป็นแถว
12 ส.ค. 2563 เวลา 09.46 น.
แต่ละปี น่าจะออกประกาศนักโทษดีเด่น ชั้นเยี่ยม ชั้นยอด มีการมอบโล่รางวัลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจน่าจะดีมากๆเลย แล้วประกาศให้สาธารณชนรับรู้กันทั้งประเทศ "สมคิด ฆาตรกรฆ่าผู้หญิงมาต่อเนื่อง "เคยได้ชั้นยอดเยี่ยมกระเทียมดองมาแล้ว น่าจะไม่พลาดรางวัลนี้เป็นแน่แท้
12 ส.ค. 2563 เวลา 09.36 น.
กระทิงแดงเลย โกเหลียว ผู้มากบารมีที่สามารถรับคนพ้นคุกมาทำในโรงงาน
12 ส.ค. 2563 เวลา 10.05 น.
ดูทั้งหมด