ไลฟ์สไตล์

เก่าไม่ไป..ใหม่ก็มา..แต่ก็อยู่ร่วมกันได้ - เพจปั่นเรื่อง เป็นภาพ

TALK TODAY
เผยแพร่ 06 ต.ค. 2562 เวลา 17.05 น. • เพจปั่นเรื่อง เป็นภาพ

เกียวโต เป็นเมืองหลวงเก่าในอดีตของประเทศญี่ปุ่น คำว่า เกียวโต เองก็มีความหมายว่า เมืองหลวง ส่วนคำว่า โตเกียว ที่เป็นเมืองหลวงของญี่ปุ่นในปัจจุบันนั้น จะมีความหมายว่า เมืองหลวงตะวันออก ซึ่งถึงแม้ว่าเกียวโตจะไม่ได้เป็นเมืองหลวงแล้ว แต่มันก็ยังเป็นเมืองสำคัญอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นอยู่

ตัวผมเองที่มาเที่ยวญี่ปุ่นบ่อย ๆ ก็เพราะว่าผมชอบเมืองเกียวโตมาก เพราะแม้จะเป็นเมืองใหญ่เมืองหนึ่ง  แต่ก็เป็นเมืองที่เงียบสงบมีธรรมชาติล้อมรอบ มีวัดวาอารามประวัติศาสตร์มากมายให้ค้นหาอีกเยอะ 

โดยส่วนใหญ่แล้ว เกียวโตจะโด่งดังในเรื่องวัด ปราสาท สถาปัตยกรรมเก่าแก่โบราณ รวมไปถึงธรรมชาติ แต่มีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากที่กล่าวมา แถมยังเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเมืองเกียวโตด้วย เจ้าสิ่งนั้นก็คือเกียวโตทาวเวอร์

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เกียวโตทาวเวอร์เป็นแลนมาร์คที่สำคัญของเมืองเกียวโต เรียกว่าเป็นหอคอยประจำเมืองเลยก็ว่าได้ สร้างเสร็จในปี 1964 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่กรุงโตเกียวจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ตัวหอคอยจะทาสีด้วยสีขาวและสีแดงเนื่องจากตามกฎหมายด้านการบินของที่นี้มีข้อกำหนดที่ว่าให้อาคารใดก็ตามที่สูงมากกว่า 60 เมตร ต้องติดไฟสัญญาณเตือนสีแดง หรือ ทาสีตึกเป็นสีแดงและขาว พร้อมเปิดไฟส่องตัวอาคารตลอดคืน เพื่อเป็นการเตือนให้เครื่องบินรู้ 

หอคอยเกียวโตทาวเวอร์นั้นสูง 131 เมตร เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สูงที่สุดในเมืองเกียวโต ซึ่งถ้าเราดูจริง ๆ มันก็ยังไม่สูงมากถ้าเทียบกับสิ่งปลูกสร้างในสมัยนี้ตามเมืองอื่นอย่าง โตเกียว หรือ โอซาก้า แต่ที่เมืองเกียวโตที่เป็นเมืองเก่ามีสิ่งปลูกสร้างวัดวาอาราม โบราณสถานมากมาย จึงไม่อนุญาตให้มีสิ่งปลูกสร้างที่สูงมากนัก เนื่องจากจะไปทำลายทัศนวิสัยของเมืองโบราณ ด้วยเหตุผลนี้จึงมีหลายคนในญี่ปุ่นมองว่าเกียวโตทาวเวอร์ไม่เหมาะที่จะอยู่ในเมืองเกียวโต แต่สุดท้ายแล้วเกียวโตทาวเวอร์ก็ถูกสร้างจนเสร็จ กลายเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาชมจำนวนมากได้อยู่ดี 

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ทุกครั้งที่ผมมาเกียวโต เมื่อออกจากสถานีรถไฟ สิ่งแรกที่ผมเจอเลยก็คือ เกียวโตทาวเวอร์ นี้แหละ เพราะมันตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟเกียวโต ผมจึงเห็นเจ้าเกียวโตทาวเวอร์แทบจะทุกครั้งที่มาที่นี่ แต่ผมก็ไม่เคยที่จะขึ้นหอคอยไปชมวิวที่ด้านบนเลยซักครั้ง ด้วยเห็นว่าอยากสัมผัสโบราณสถาน โบราณวัตถุ และธรรมชาติรอบ ๆเมืองเกียวโตมากกว่าหอคอยเกียวโตที่รูปทรงดูเหมือนประภาคาร มันชั่งย้อนแยงกับความเป็นเมืองโบราณเหลือเกิน จนครั้งล่าสุดที่ผมได้มาเมืองเกียวโต ผมนั่งมาถึงสถานีรถไฟเกียวโตในช่วงเย็นโพล้เพล้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

พระอาทิตย์กำลังเคลื่อนคล้อยต่ำลง เป็นภาพที่ท้องฟ้าสวยงามมาก ผมจึงตัดสินใจขึ้นหอคอยเกียวโตทาวเวอร์ เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินของเมืองเกียวโตในมุมกว้าง 360 องศา

ผมเดินเข้าอาคาร Kyoto Tower Hotel ซึ่งเป็นฐานรองรับตัวหอคอย โรงแรมมี 9 ชั้น นอกจากจะเป็นที่พักให้คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวแล้ว ภายในยังมีร้านค้าอยู่หลายแห่ง ร้านของฝากต่าง ๆ ที่เราสามารถซื้อไปฝากคนอื่นได้

ผมซื้อตั๋วแล้วขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น 11 ซึ่งเป็นจุดชมวิวของหอคอย เมื่อผมมาถึงชั้น 11 ก็จะมีพนักงานมาเก็บตั๋วแล้วให้เราขึ้นลิฟท์อีกตัวไปยังจุดชมวิวด้านบน พอมาถึงผมเห็นกระจกรอบหอคอย 360 องศา สามารถเห็นวิวได้รอบทิศของเมืองเกียวโตเลย ในจังหวะนั้นพระอาทิตย์กำลังตกพอดี พร้อมกับที่บ้านเรือนตึกในเมืองเริ่มเปิดไฟกันแล้วจึงเป็นภาพที่สวยงามมาก ทางทีมงานที่ดูแลในหอคอยได้บรรยายว่าในวันที่ท้องฟ้าเปิดสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองไปยังโอซาก้าที่อยู่ห่างไปไกลกว่า 100 กิโลเมตรได้เลย แต่ในวันที่ผมขึ้นมานี้มีเมฆมากเหมือนกัน ผมจึงมองไม่เห็น

ผมเดินดูวิวรอบๆ ทิศของเมืองเกียวโต โดยในแต่ละทิศ ทางตัวหอคอยจะมีจอ LED Touch Screen บอกข้อมูลว่าในมุมนี้มีอาคาร วัดวาอาราม หรือ โบราณสถานอะไรที่สำคัญ เราสามารถกดเข้าไปดูคำบรรยาย พร้อมกับหันกล้องส่องทางไกลไปดูสถานที่นั้น ๆ ได้ ซึ่งทำให้ผมพอเข้าใจการวางผังเมืองของที่นี้ พร้อมข้อมูลแต่ละสถานที่ว่าเป็นมายังไงบ้าง แต่ละสถานที่อยู่ห่างกันมากแค่ไหน สถานที่นี้อยู่ทางทิศไหนของตัวเมือง 

ผมลองหันกล้องไปยังปราสาทนิโจที่ตอนเมื่อตอนบ่ายผมได้ไปมา ผมตื่นเต้นกับภาพที่ได้เห็นมาก เป็นภาพมุมสูงที่แปลกตาแตกต่างไปจากที่ตอนผมไปสถานที่นั้นมา ผมเริ่มเดินหาตำแหน่งที่ตั้งที่อื่น ๆ ที่ผมเคยไปมาแล้วส่องกล้องดู ทั้งวัดคิโยมิซึ วัดทอง วัดเงิน ผมเดินหาส่องดูได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่เป็นที่น่าเสียดายเมื่อผมถ่ายรูปด้วยกล้องของตัวเอง มันไม่สามารถซูมไปเห็นสถานที่นั้น ๆ ได้ใกล้เหมือนเมื่อผมส่องจากกล้องส่องทางไกลของทางหอคอยได้

ผมใช้เวลาบนหอคอยอยู่นานพอสมควรเนื่องจากถ่ายภาพมุมต่าง ๆ และสนใจเรื่องราวข้อมูลที่จัดแสดง มันทำให้ผมคิดได้ว่า มาเกียวโตตั้งหลายที ทำไมเพิ่งจะมีโอกาสขึ้นหอคอยมาดู อาจด้วยเพราะผมไปตั้งแง่กับมันในตอนแรกที่มันดูขัดแย้งกับความเป็นเมืองโบราณ จริงอยู่ที่ของใหม่อาจดูไม่เข้าพวกกับวัดวาอารามความเป็นเมืองเก่า แต่เราก็ไม่สามารถห้ามวันเวลา ความเจริญ ความใหม่ที่ผันเปลี่ยนไปได้ ผมคิดว่าบางทีเทคโนโลยี ความใหม่ ความทันสมัยของมันก็สามารถช่วยอนุรักษ์รักษาะ และผลักดันความงดงามของสถานที่โบราณให้มีความสวยงามโดดเด่นออกมาได้มากขึ้นกว่าเดิม

ความแตกต่างนั้นอยู่ร่วมกันได้…เหมือนอย่างที่หอคอยเกียวโตทาวเวอร์ได้พิสูจน์ว่าอยู่ร่วมกันกับเมืองโบราณอย่างเกียวโตมาได้จนถึงทุกวันนี้..

ติดตามงานเขียนจากเพจปั่นเรื่อง เป็นภาพได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY และติดตามผลงานเขียนอื่น ๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/writestoryforphoto 

ความเห็น 3
  • pinny
    ใช่ค่ะเกียวโตเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากๆมีความทันสมัยแบบใหม่และมีธรรมชาติที่สวยงามมากโดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคม-ต้นเดือนเมษายนมันมีเสน่ห์ที่ลงตัวมากๆเลยค่ะ#อยากไปเยือนอีกสักครั้ง
    07 ต.ค. 2562 เวลา 09.47 น.
  • ผมคิดว่าดีนะถ้าหากว่าจะมีสิ่งใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติมให้กับในสังคมเอาไว้บ้าง และที่สำคัญในสิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่สามารถจะทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมได้.
    07 ต.ค. 2562 เวลา 01.11 น.
  • POM
    เอ่ออออใช่​ ต้องขึ้นไปตอนพระอาทิตย์​ตกดินถึงจะสวยเนอะ​
    07 ต.ค. 2562 เวลา 09.51 น.
ดูทั้งหมด