GULF หรือ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กำลังเป็นกลุ่มที่น่าจับตาอย่างมากในนาที เมื่อ GULF กำลังจะก้าวขึ้นเป็น Flagships ของตลาดหุ้นเทียบเท่ากับหุ้นกลุ่ม ปตท. เมื่อเขาเข้าลงทุนในกลุ่ม INTUCH ผู้นำด้านการสื่อสาร
ความน่าตื่นตาตื่นใจนอกจากความโดดเด่นของการผนึกธุรกิจพลังงาน และ สื่อสาร เข้าด้วยกันแล้ว พวกเขายังก้าวเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านล้านบาทอีกด้วย
GULFคือ ยักษ์ในธุรกิจโรงไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ การเข้าลงทุนในกลุ่ม INTUCH นับเป็นก้าวที่สำคัญมากของบริษัทที่ทำให้กลุ่ม GULF มีมูลค่าบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันมากกว่า 1.2 ล้านล้านบาท เป็นรองเพียงกลุ่ม PTT เท่านั้น
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า ภายหลังการที่ GULF ทำคำเสนอซื้อ GULF ได้เข้าซื้อหุ้น 42.25% ใน INTUCH เป็นที่เรียบร้อย โดยบริษัทฯ จะไม่สามารถทำคำเสนอซื้อได้อีกภายใน 12 เดือน แต่สามารถซื้อหุ้นในตลาดได้จนถึง 49.99% (หากราคาต่ำกว่า 65 บาท) หลังธุรกรรมนี้ D/E เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 เท่า (เกณฑ์ไม่เกิน 3.5 เท่า, internal limit 3 เท่า) และจะยังคงเพิ่มขึ้น (>2 เท่า) ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจากรายจ่ายมหาศาล เราจะยังไม่เห็น synergy ที่สำคัญกับ INTUCH ในระยะสั้นนี้ แต่น่าจะเน้นที่การปรับสินทรัพย์ให้เหมาะสมเพื่อเพิ่มรายได้สูงสุด
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจไฟฟ้ามีกระแสเงินสดค่อนข้างคงที่ จึงสามารถจัดการภาระหนี้ได้ เพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 65 เพิ่มเป็น 44 บาท (4.9% WACC, 2.5% LTG) เพื่อสะท้อนรายได้ INTUCH ที่สูงขึ้น แนวโน้มกำไรปี 64-65 เป็นบวก แต่ตลาดรับรู้แล้ว อัพไซด์ที่สำคัญคือความเป็นไปได้ในการรวมกับ INTUCH
การรวมงบ INTUCH จะเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญ
GULF กำลังหารือถึงความเป็นไปได้ในการรวม INTUCH กับผู้ตรวจสอบบัญชี แม้ว่า GULF จะถือหุ้น 42.25% (ส่วนน้อย) แต่การควบรวมกิจการอาจติดประเด็นหลักการของ "การควบคุม" (ความสามารถในการส่งผลต่อผลตอบแทน) GULF จะมีกรรมการบริหาร 4 คนใน INTUCH (ทั้งหมด 10 คน) และอยู่ระหว่างการหารือเพื่อแต่งตั้งผู้บริหาร การรวมบัญชีเป็นกรณีที่ดีที่สุด
1) D/E รวมเป็น 1.7 เท่า ให้มีหนี้ได้สูงถึง 1.2 แสนล้านบาท
2) GULF ใช้ทรัพยากรน้อยลงในการควบคุม เมื่อพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่สูงมาก 6-7 หมื่นล้านบาท ระหว่าง 2H64-2568 (GSRC #2-4, GPD และ HKP) และข้อกำหนดด้านการเงิน GULF จะสามารถชำระเงินกู้ได้อย่างรวดเร็วจากปี 2568 เป็นต้นไป (1.5 หมื่นล้านบาทใน FCF / ปี)
แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสที่ 3 กำไรระยะยาวดีแต่ตลาดรับรู้แล้ว
GULF จะบันทึกรายได้เงินปันผลของ INTUCH ที่ประมาณ 1.6 พันล้านบาทในไตรมาส 3 และรายได้จากตราสารทุนในไตรมาส 4/64 โรงไฟฟ้าพลังงานลมแม่โขง เฟสที่ 1 (30MW) จะ COD ในไตรมาส 3/64 ขณะที่โครงการก๊าซของโอมาน (40MW) ที่จะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3/64 ล่าช้าเนื่องจากผู้ซื้อไม่พร้อม กำลังการผลิตสำหรับปี 64-67 CAGR แข็งแกร่งที่ 15% แต่ตลาดรับรู้แล้ว ปัจจัยหนุน ได้แก่ 1) การรวม INTUCH เพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ 2) ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า D/E จะยังคงสูงกว่า 2 เท่า (3 เท่า ภายใน) แปลว่ามีเงิน 4-6 หมื่นล้านบาทสำหรับโครงการใหม่ (1- 1.5GW, 15-20% ของกำลังการผลิต) แต่อาจทำให้งบดุลสะดุด 3) การผนึกกำลังกับ INTUCH มีแนวโน้มที่จะรับรู้เพียงระยะกลาง-ยาว ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของปัจจัยต่าง ๆ
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 สุดผิดหวังจากธุรกิจพลังงานทดแทนซบเซา
กำไรหลักไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ต่ำกว่าคาด 24% การลดลงจากไตรมาสก่อน เกิดจากการขาดรายได้เงินปันผล INTUCH จำนวน 683 ล้านบาท และผลจากฤดูกาลของโครงการกังหันลมนอกชายฝั่งของเยอรมนี (BKR2) อัตรากำไรหลักไตรมาสที่ 2 ลดลงเหลือ 11.8% จาก 23.1% รายได้จากพลังงานหมุนเวียนลดลง 40% เป็น 1.1 พันล้านบาท (ปัจจัยด้านกำลังผลิต BKR2 ลดลงจาก 40% เป็น 20% จากความเร็วลมที่ลดลง) รายได้โรงไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 9.9 พันล้านบาท (+42.7% QoQ, +34.6% YoY) จากการรับรู้เต็มไตรมาสของโครงการ GSRC หน่วยแรก (662MW) และปริมาณไฟฟ้า/ไอน้ำที่สูงขึ้นภายใต้กลุ่ม GMP (12SPP) Load factor ของผู้ใช้ IU เพิ่มขึ้นเป็น 66% ในไตรมาส 2/64 เทียบกับ 57% ในไตรมาส 2/63
การไม่ลงทุนเลยมีความเสี่ยง แต่การเป็งเเมงเม่าบินเข้ากองไฟเสี่ยงกว่าจำไว้ครับ
23 ก.พ. 2563 เวลา 07.15 น.
Kunchit คนเขียนเป็นถึง ดร. ที่พูดแต่เรื่องวิชาการ เงินอยู่ใยกระเป๋าจะไปเสี่ยงได้ไง
ที่เขียนเพราะอยากขายของก็บอกมา
10 มี.ค. 2563 เวลา 18.22 น.
noteศินาถ ทองคำ ไม่บอกเขาไปล่ะ
06 มี.ค. 2563 เวลา 17.06 น.
Chawtip เชื่อ
31 มี.ค. 2563 เวลา 04.41 น.
⠀ กำไร 1000 % ก็ไม่สำคัญเท่าจ่ายปันผล
กี่เปอร์เซ็นต์ ครับ 😊
สุดยอดหุ้นเด่น เหนือกว่า นักวิเคราะห์บอกคุณ จาก โคตรเซียน
หุ้น PAP ซื้อวันนี้ รับปันผลทันทีเกิน 10%
( 12.2% ) เพราะถ้าหุ้นราคา 2.7 บาท ปันผล 10 % ก็จะปันผล .27 สตางค์ แต่ตอนนี้หุ้นราคาแค่ 2.28 ปันผล 10% คือ .228 สตางค์
แต่ได้ปันผล .27 สตางค์ครับ
ปีหน้ากำไรดีกว่านี้อีก เพราะราคาเหล็กในสต๊อกกำไรจากค่าเงินบาทอ่อนครับ
( ต้องซื้อก่อน วันที่ 4 มีนาคม ( XD วันที่ 5 )
จ่ายปันผลวันที่ 15 พฤษภาคม ครับ
5555. 😂 😇
26 ก.พ. 2563 เวลา 19.42 น.
ดูทั้งหมด