สินทรัพย์ทุกชนิดมักมีช่วงเวลาที่ให้ผลตอบแทน "ดีผิดปรกติ" หรือกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในโลกการเงิน แต่ก็เช่นกันกับจักรวาล Sci-fi ฮีโร่ทุกคนมีจุดอ่อน และ ตอนนี้ตลาดก็กำลังตั้งคำถามว่าถึงเวลาที่พลังวิเศษของ "เงินบาท" จะหมดลง และสกุลเงินนี้ต้องพบกับความยากลำบากบ้างแล้วหรือไม่
ความสงสัยนี้มาจากที่บาท "แข็งค่า แข็งค่า และก็แข็งค่า"
ไม่ใช่เพราะเทรนด์การแข็งค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์จะเกิดขึ้น ต่อเนื่องมานานกว่า 5 ปี แต่ปี 2019 ยังเป็นปีที่เงินบาทรับบท Asian Super Currency เต็มตัว เพราะแข็งค่าเด่น 5-10% กว่าสกุลเงินเพื่อนบ้าน ยิ่งไปกว่านั้นการแข็งค่าก็ดูมั่นคงผิดปรกติเมื่อเทียบกับสกุลเงิน Emerging Markets อื่นๆ
จึงไม่แปลกที่ตลาดจะสงสัยว่าเหตุการณ์เช่นนี้ควรเกิดขึ้นต่อเนื่องกับสกุลเงินเล็กๆ อย่างบาทได้นานแค่ไหน
อย่างไรก็ดี การจะฟันธงว่าเงินบาทจะทะยานขึ้นต่อ หรือจะหมดพลังร่วงจากฟ้าในปี 2020 ก็ควรใช้เหตุผลมากกว่าความรู้สึก ซึ่งผมมองว่า Kryptonite ของเงินบาทมี "สามเรื่อง" ที่เราต้องจับตาในปีหน้า
อย่างแรกคือ "เงินเฟ้อ" พุ่งขึ้นมาเมื่อไหร่ก็หมดพลังได้ทันที
เพราะเงินเฟ้อเป็นประเด็นหลักในการวิเคราะห์พื้นฐาน Purchasing Power ของทุกสกุลเงินในระยะสั้น
ประเทศที่เงินเฟ้อสูง เงินจะมีโอกาสด้อยค่าง่าย ในทางกลับกันประเทศ ที่เงินเฟ้อต่ำจะมีเงินที่ทนต่อข่าวร้ายได้ดีกว่า
ซึ่งเงินเฟ้อนี้สนับสนุนเงินบาทมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เพราะประเทศไทยมีเงินเฟ้อเฉลี่ย (ปีต่อปี) เพียง 0.3% เทียบกับเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นที่ 2.1% ทำให้เงินบาทแกร่งกว่าที่อื่น
ดังนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เงินเฟ้อไทยปรับสูงขึ้นเร็ว เงินบาทก็มีโอกาสจะหมดความขลังลงได้
อย่างที่สอง คือความต้องการใช้สกุลเงินต่างประเทศ ทั้งจากการออกไปลงทุน หรือความผันผวนที่เพิ่มขึ้นของตลาดทุนไทย
ประเด็นนี้ตีความได้ว่าภาวะตลาดในประเทศ จะยอมรับให้เงินบาทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้นานแค่ไหน
ปี 2020 เงินบาทจะเจอจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจ เพราะเริ่มต้นที่ดอกเบี้ยนโยบายระดับ 1.25% และบอนด์ยิลด์ 10 ปีที่ 1.7% ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ จึงมีโอกาสที่นักลงทุนจะโยกเงินออกนอกประเทศมากกว่าปีอื่นๆ
ขณะเดียวกัน ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไทยก็ดูจะชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไหร่ที่ตลาดหุ้นไปไม่ไหว และภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ก็เชื่อว่าจะมีเงินทุนไหลออกมากขึ้น
ปีหน้าจึงอาจเป็นปีที่เงินบาท กลับมาอ่อนแข็งไปพร้อมกับสกุลเงินเอเชียทั่วไปได้
อย่างที่สาม ถ้าศัตรูคู่แค้นอย่าง "ดอลลาร์สหรัฐ" ฟื้นตัวขึ้นมาจักรวาล Currency Market ก็จะกลับไปวุ่นวายและเงินบาทคงต้องถอยมาตั้งหลัก
แม้จะมีโอกาสไม่สูงเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ดอลลาร์ก็ยังสามารถกดดันทุกสกุลเงินได้ ถ้าเศรษฐกิจทั่วโลกไม่สามารถฟื้นตัวนำสหรัฐในปี 2020
ตลาดการเงินจะเหมือนการย้อนอดีตครึ่งหลังปี 2018 ที่ทั่วโลก เผชิญกับแรงกดดันของดอกเบี้ย และการกีดกันการค้า ขณะที่สหรัฐกลับได้รับแรงหนุนจากนโยบายภาษี และนั่นคือจุดอ่อนของเงินบาทที่เราต้องจับตาในปีหน้า
สรุปแล้ว ผมมองว่าเงินบาทไม่ได้ "ไร้พ่าย" และการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถสลายพลังพิเศษของเราลงได้
ปี 2020 จึงเป็นปีที่น่าสนใจ และนักลงทุนไทยคงต้องติดตามดูไป พร้อมกับว่าเงินบาทจะยังแข็งแกร่งผิดธรรมดาหรือร่วงจากฟ้าเสียที
ในมุมมองส่วนตัว ผมเชื่อว่าลึกๆ ในใจคนไทยทุกคนคงไม่อยากเห็นเงินในกระเป๋าด้อยค่าลง และแอบเชียร์ให้เงินบาทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้ต่อ จนกว่าค่าเงินจะไปอยู่ในจุดที่เหมาะสม
และถ้าคิดให้ดี Super power นี้ไม่ควรเป็นปัญหา ถ้าพลังพิเศษเกิดขึ้นพร้อมกันกับสกุลเงินเพื่อนบ้าน
หรือถ้าเทียบกับจักรวาลฮีโร่ ก็คงต้องบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่พลังที่มากที่สุด แต่ "เราต้องสามารถควบคุมพลังนี้ให้ได้" และสามารถกำหนด จังหวะการแปลงร่างเป็น Super Currency หรือกลับเป็นร่างมนุษย์ได้เองในเวลาที่เหมาะสม แทนที่จะอยากให้เงินบาทอ่อนแออยู่เสมอ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันระยะสั้น หรือปล่อยให้พลังของเงินบาทผันผวนไปอย่างไร้การควบคุม
"ไตรมาสที่หนึ่ง" ปีหน้าคือจุดวัดใจแรก เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาเงินบาทกลายร่างเป็น Super Currency ทุกปี และแข็งค่าเฉลี่ย 2.8%
ถ้าผู้กำหนดนโยบายไม่ทำอะไร หรือตลาดไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ใครที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน หรือลงทุนต่างประเทศ ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือกันให้ดีครับ
ธัญญาภรณ์ ขำเย็น ภาค ทุกครั้งที่นำเงินไปฝาก ข่าวออกมา ว่าบาทแข็งค่า ถอนเงินมาจ่าย ข่าวออกวันนี้ บาทอ่อน ดูทุกการเคลื่อนไหว
มีการติดตาม อยากคิดว่า นี่คือ. การโหนกระแส เสียมากกว่า
12 ธ.ค. 2562 เวลา 12.26 น.
Sia ยุคนี้ มีแต่ประเทศที่อยากให้ค่าเงินตัวเองอ่อน
ค่าเงินแข็งไม่ได้มีประโยชน์อะไรครับ
12 ธ.ค. 2562 เวลา 11.53 น.
9 ak ซื้อทองคำ ตุนไว้ซิ ถ้าบาทอ่อนทองจะแพงขึ้นนะ
12 ธ.ค. 2562 เวลา 11.37 น.
nawin แบบนี้บริษัทที่ส่งออกไม่ค่อยชอบ นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างชาติก็ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น
12 ธ.ค. 2562 เวลา 11.07 น.
Tomvorapot ปัญหาของประเทศคือ ทีมเศรษฐกิจบริหาร "การคลัง" ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ประเทศตอนนี้ (ทั้งๆที่เรามีระบบการเงินที่ดี)
ตัวอย่างง่ายๆ เราใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ทำให้มีข้อดีหลายอย่าง ประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก ต่างดึงมาใช้กันเต็มที่
แถมเงินบาทเราก็แข็งค่าอีก ที่ประเทศอื่นๆเป็นร้อยได้แต่มองอิจฉา
แต่รัฐบาลเรา ใช้จุดแข็ง/แต้มต่อมหาศาลนี้ ที่เป็นของคนไทยตาดำๆทั้งประเทศ ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ให้เป็นประโยชน์แก่พวกเขา ไม่เป็นเลย
แถมคอยบอกให้ ธปท.ทำจุดแข็งนี้ให้อ่อนลง
ลุงตู่น่าปรับนโยบายให้ดีขึ้นก่อนครม.
12 ธ.ค. 2562 เวลา 10.27 น.
ดูทั้งหมด