ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

3บล.เชื่อตลาดอนุพันธ์ไทยโตเพิ่ม พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุน

Money2Know
เผยแพร่ 23 เม.ย. 2562 เวลา 11.50 น. • money2know - เงินทองต้องรู้

นักวิเคราะห์จาก 3 บล. ประเมินแนวโน้มตลาดอนุพันธ์ในประเทศไทยโตได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะนักลงทุนศึกษาข้อมูลการลงทุนที่หลากหลาย ประเมินทิศทางและกำลังทรัพย์ เพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดอนุพันธ์

นายชาญชัย กงทองลักษณ์
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่าตลาดอนุพันธ์ของไทยตลอด 13 ปีที่ผ่านมาคิดว่า มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้ามา จากการดูงานประเทศ อาทิ อินเดีย เกาหลี ไต้หวัน เพิ่มสินค้าที่คิดว่าน่าจะถูกจริตของคนไทย

โดยเฉพาะช่วง 3 ปีท้าย มีการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ซึ่งปัจจุบันคิดว่าผลิตภัณฑ์พอเพียงและเอื้อประโยชน์ให้ทั้งตลาดหลักทรัพย์และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในอนาคตจะต้องเพิ่มความลึกและเพิ่มสภาพคล่องในตลาด และยังมีอีกหลายเรื่องที่จะปรับปรุงและพัฒนาให้ตลาดดีขึ้น

“การพัฒนาตลาดตลาดอนุพันธ์ของเราอาจจะช้ากว่าตลาดอื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้าใจของคนในอุตสาหกรรมและนักลงทุนในประเทศ ที่มีส่วนทำให้ตลาดโตขึ้น ปริมาณการซื้อขายจะเติบโตมากขึ้นไป เมื่อใช้เครื่องมือให้เป็น จะทำเกิดความเติบโตมาก”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ความสมบูรณ์ในทุกตลาดเกิดจากการมีนักลงทุนครบทุกกลุ่ม ถ้าทุกคนมีความแข็งแรงเท่ากันหมด ทั้งรายใหญ่รายย่อย เมื่อมีนักลงทุนที่หลากหลายทั้งนักลงทุนสถาบัน นักลงทุนต่างชาติ นักลงทุนรายย่อย ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีการมองมองตลาดแตกต่างกันจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มของตลาดได้ดี 

ทั้งนี้ มองว่าในอนาคตจะต้องมีการให้ความรู้ความเข้าใจกับนักลงทุนรายย่อยในมุมอื่น ๆ นอกจากมุมของการเก็งกำไร เช่นมุมของการสร้างประโยชน์กับพอร์ต จะทำให้มีนักลงทุนเพิ่มขึ้น

“สิ่งที่นักลงทุนสนใจ คิดไดเรคชั่นให้ถูก เมื่อคิดว่าจะขึ้น ที่เหลือปล่อยให้เครื่องมือทำให้ทั้งหมด อย่าไปคิดสลับซับซ้อน เมื่อคิดทิศทางถูกกำไรอย่างแน่นอน” นายชาญชัย กล่าว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

อย่างไรก็ตามก่อนลงทุนต้องศึกษาการลงทุนให้เข้าใจ กฎ ระเบียบวิธีโดยเฉพาะการซื้อขายล่วงหน้า ผู้ลงทุนต้องรู้จักตัวสินค้า รู้จักการบริหารความเสี่ยง ไม่สร้าง position ที่เกินกำลังของตัวเอง เนื่องจากการลงทุนในอนุพันธ์ไม่เหมือนการลงทุนในหุ้น ห้ามคิดเหมือนลงทุนในหุ้น เพราะมีภาระต่อเนื่อง

นายธนวัฒน์ พานิชเกษม

นายธนวัฒน์ พานิชเกษม กรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารหารลงทุนและค้าหลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ มองในมุมของนักลงทุนสถาบันว่า ปัจจุบันกฎระเบียบต่าง ๆ เอื้อต่อการลงทุนในอนุพันธ์มากกว่า พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ปี 2535 ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมามีการออกเกณฑ์ใหม่ ผ่อนคลายให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนในอนุพันธ์ได้ง่ายขึ้น 

สำหรับในอนาคต เชื่อว่านักลงทุนสถาบันมาลงทุนตลาดอนุมพันธ์มากขึ้น เพราะจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองเพื่อแข่งขันกับต่างประเทศ ไม่ใช่แค่กองทุนในประเทศอย่างเดียว โดยจะต้องปรับตัวนำเครื่องมือทางเทคโนโลยีนี้มาใช้มากขึ้น โดยอุตสาหกรรมจะต้องค่อย ๆ พัฒนา เอาแนวคิดและผลิตภัฑณ์ใหม่ ๆ มาลงทุนมากขึ้นแต่อาจจะไม่รวดเร็วเท่ากับนักลงทุนรายย่อยเนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่า

นายธนวัฒน์ แนะนำว่าสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนในอนุพันธ์ สิ่งที่ควรจะรู้คือทิศทางในการลงทุน เรื่องที่ 2 Direction Process เพื่อการบริหารการลงทุน และสุดท้ายต้องเข้าใจผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อน เพราะจะต้องเทรดผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน

นายอติ อติกุล

ด้าน นายอติ อติกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวเสริมในด้านการลงทุนของกลุ่มนักลงทุนรายย่อยว่า ลูกค้าบุคคล 60% ในปีแรกและค่อย ๆ ลดลงเพราะ บล. เป็นมาร์เก็ตเมคเกอร์ให้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนรายย่อยยังมีบทบาทในการลงทุนตลาดซื้อขายล่วงหน้าค่อนข้างสูง

โดยเฉพาะ Gold Online Future ที่เพิ่งออกมาให้บริการแต่ตอบโจทย์ยุคใหม่ ทำให้ประสบความสำเร็จสูง สะท้อนจากวอลลุ่ม มูลค่า 2,400 ล้านบาท/วัน และมี 6,300 สัญญา/วัน ซึ่งเป็นการเทรดตามราคาทองคำโลก ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเงินบาทกับดอลลาร์ และไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน

ที่ผ่านมาปัญหาที่พบบ่อยคือ ลูกค้าไม่รู้ว่าควรตั้งราคาซื้อที่กี่จุด แต่ปัจจุบันโบรกเกอร์มีเครื่องมือที่หลากหลายที่ใช้ในการช่วยเหลือ เช่น โปรแกรม Settrade มีราคาทางทฤษฎี มีไกด์ไลน์ให้ดูประกอบ ช่วยให้มั่นใจว่าราคาที่เข้า ออกไปเสียเปรียบจนเกินไป ซึ่งนักลงทุนสามารถค้นหาเครื่องมือเหล่านี้ในการประกอบการตัดสินใจได้

ในตอนท้าย นายอติ ได้แนะนำว่า "การลงทุนอนุพันธ์ให้ประสบความสำเร็จมี 2 ปัจจัย คือดูหน้าตักบริหารเงินลงทุน ให้สามารถเทรดต่อไปในเกมได้เมื่อขาดทุน และดูทิศทางการลงทุนให้ถูกต้อง"

ดูข่าวต้นฉบับ