ปัจจุบันมีคุณแม่ไม่น้อยที่เริ่มมีลูกเมื่ออายุเข้าสามสิบตอนปลายหรือสี่สิบตอนต้น ทำให้เมื่อลูกอายุเติบโตถึงช่วงวัยเตาะแตะและต่อต้าน คุณแม่ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงภาวะอารมณ์แปรปรวนง่าย หรือที่เรียกกันว่าภาวะวัยทองของผู้หญิงเช่นกันความยากลำบากของ คุณแม่วัยทอง ที่ต้องรับมือกับลูกวัยต่อต้านก็คือ นอกจากความดื้อของลูกแล้ว ร่างกายคุณแม่ก็มีฮอร์โมนที่ไม่คงที่ และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย หรืออาจเกิดภาวะซึมเศร้าร่วมด้วยคุณแม่วัยทอง ที่ต้องเลี้ยงลูกวัยเตาะแตะ 2-3 ขวบ ซึ่งถือเป็นช่วงวัยแห่งการต่อต้าน งอแง เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เชื่อฟัง อาจทำให้คุณแม่อาจจะเผลอใช้อารมณ์ ใช้คำพูด หรือการลงโทษที่รุนแรงกับลูกได้ปัญหาของวัยคุณแม่และลูกทั้งสองนี้จึงควรได้รับการแก้ไขไปด้วยกัน เช่น คุณแม่วัยทองก็ต้องดูแลสุขภาพกายและใจของตัวเอง เพื่อให้ลูกเป็นเด็กเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงเราจึงขอแนะนำเคล็ดลับหากึ่งกลางที่พอดีระหว่างลูกวัยต่อต้านกับคุณแม่วัยทอง ให้เหล่าคุณแม่ได้ลองไปปรับใช้กันนะคะ1. สร้างเวลาร่วมกันระหว่างแม่-ลูก
พฤติกรรมดื้อต่อต้านของลูก นอกจากจะเป็นไปตามพฤติกรรมตามช่วงวัยของลูกแล้ว อาจมีสาเหตุมาจากพื้นฐานการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ เช่น คุณแม่อาจเคยเผลอละเลยหรือหมกมุ่นกับการทำงาน จนลืมให้เวลาหรือใส่ใจลูกดังนั้น อารมณ์ฉุนเฉียวงอแงของลูกสามารถปรับได้ด้วยการสร้างกิจกรรมร่วมกัน เช่น ชวนกันออกกำลังกาย ทำสวน เดินเล่นนอกบ้าน โดยกิจกรรมที่แนะนำเป็นพิเศษคือ กิจกรรมกลางแจ้งที่ส่งเสริมให้ทั้งคุณแม่และลูกได้ขยับร่างกายทุกส่วน นอกจากจะทำให้ลูกรู้สึกสนุกสนาน ร่างกายคุณแม่ก็จะได้ปรับฮอร์โมนให้สมดุลขึ้นหลังการทำกิจกรรมต่างๆ อีกด้วย2. ฝึกวินัยของลูก เพื่อการจัดสรรเวลาของแม่
เด็กวัยต่อต้านจะไม่ชอบทำตามกฎเกณฑ์หรือคำพูดของคุณพ่อคุณแม่ และอาจเกิดจากการที่คุณพ่อคุณแม่คอยตามใจลูกมาตลอดในวัยนี้คุณแม่ควรสอนลูกให้รู้จักกิจวัตรประจำวัน เช่น ตื่นนอนตอนไหน หลังตื่นนอนแล้วต้องรีบลุกขึ้นอาบน้ำ แปรงฟัน กินข้าว และมีอะไรที่ลูกควรทำในแต่ละวัน ไปจนถึงเวลาเข้านอน เพื่อให้ลูกรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองจนเป็นนิสัยข้อดีของการฝึกวินัยกิจวัตรประจำวันของลูกคือ เมื่อลูกเข้านอนและตื่นตรงเวลา คุณแม่จะสามารถจัดสรรเวลาเพื่อทำกิจส่วนตัวได้ง่ายขึ้น เพราะสิ่งสำคัญของคุณแม่วัยทองคือการได้ใช้เวลาส่วนตัวและอยู่กับตัวเอง เพื่อปรับอารมณ์ที่วุ่นวายในแต่ละวัน ให้มีช่วงเวลาที่คุณแม่ได้ทำสิ่งที่ชอบได้ด้วยค่ะ3. มีสติและใจเย็นมากขึ้น
เด็กเล็กมักซึมซับนิสัยและพฤติกรรมจากผู้ปกครอง หากคุณแม่อารมณ์ฉุนเฉียว หรือใช้ความรุนแรงกับลูก ลูกวัยต่อต้านก็จะยิ่งทวีความดื้อยิ่งขึ้น คุณแม่จึงต้องมีสติและรู้ตัวว่า เช่น เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะโมโห หรือเริ่มหัวร้อนใส่ลูก ก็ให้แยกตัวไปสักครู่ รอให้อารมณ์เย็นลงแล้วค่อยเดินกลับเข้ามาพูดคุยกับลูกด้วยเหตุผลอีกครั้ง4. แสดงความรักต่อกันมากขึ้น
ถึงจิตใจและอารมณ์จะแปรปรวน แต่คุณแม่ไม่ควรละเลยการแสดงความรักอย่างอ่อนโยนต่อลูก เพราะการกอดการหอมลูกแสดงความรักและให้ความอบอุ่น ไม่ใช่แค่ดีต่อใจลูก แต่ยังช่วยลดความกังวลและความเครียดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของคุณแม่ได้เป็นอย่างดีอ่านบทความ: เลี้ยงลูกแบบทีม (T.E.A.M) : สงบศึกกับลูกวัยต่อต้าน ด้วยวิธีการเลี้ยงลูกแบบ T.E.A.Mอ้างอิงA VogelADDITUDENature Biotec