ทั่วไป

“น้องฟาง” เหยื่อทอมโหดทืบสาหัส แฉความแสบ ย่องขอวงจรปิด ยันไม่โกรธ แต่ไม่ยอมความ (คลิป)

Amarin TV
เผยแพร่ 22 ก.ค. 2561 เวลา 18.13 น.
วันที่ 22 ก.ค. 61 สืบเนื่องจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กThikampron Kaain โพสต์ภาพเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างสาวคนหนึ่งกับแฟนทอม โดยจากภาพในคลิปเป็นทอ

วันที่ 22 ก.ค. 61 สืบเนื่องจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กThikampron Kaain โพสต์ภาพเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทระหว่างสาวคนหนึ่งกับแฟนทอม โดยจากภาพในคลิปเป็นทอมที่ลงมือทำร้ายร่างกายแฟนสาวก่อน จากนั้นทั้งคู่จึงมีการใช้กำลังกัน ก่อนที่ทอมคว้าหมวกกันน็อกฟาดที่ศีรษะแฟนสาวจนล้มลงแล้วเข้าไปเตะต่อยไม่ยั้ง จากนั้นมีผู้เห็นเหตุการณ์เข้ามาห้ามทั้งคู่

ภาพวงจรปิดวันเกิดเหตุ
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ภาพวงจรปิดวันเกิดเหตุ
ภาพขณะที่พลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือ

โดยนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พาตัว น.ส พิมพ์พิไล ปักษี หญิงสาวที่ถูกทำร้ายร่างกายในคลิป มาตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เพื่อนำผลการตรวจจากแพทย์ไปใช้ประกอบการแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณา และผู้เสียหายแถลงข่าว

ด้าน น.ส.พิมพ์พิไล ปักษี อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ในวันเกิดเหตุ ตนไปดื่มที่หอของเพื่อนพร้อมกับแฟน จนกระทั่งแฟนเมาและหลับไป จึงหยิบโทรศัพท์ของแฟนมาปลดล็อกเพื่อที่จะเปิดไลน์ดู แต่รหัสถูกเปลี่ยน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังเปิดได้ จึงมีปากเสียงกัน และบอกว่าให้แยกกันอยู่ ก่อนที่ตนเองจะกระชากกุญแจรถมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับที่พัก จากนั้นจึงมีการทำร้ายร่างกายกันตามที่ปรากฏภาพในโซเชียลมีเดีย จนกระทั่งมีผู้หญิงเสื้อดำมาห้าม แฟนของตนเองจึงขี่รถกลับออกไป ส่วนในภาพที่เห็นคนอื่นๆ ไม่ช่วยห้ามเพราะว่าไม่มีคีย์การ์ดออกจากภายในตึก ขณะที่ผู้ชายเสื้อขาวที่เดินผ่านไปมาเป็นผู้ดูแลตึก คาดว่าเป็นคนที่แจ้งตำรวจ

ขณะที่ นางปวีณา กล่าวว่า ญาติของ น.ส.พิมพ์พิไลได้ร้องเรียนมาที่มูลนิธิปวีณา วันนี้พามาตรวจร่างกายเบื้องต้นมีอาการชาที่หน้าข้างซ้ายเกี่ยวกับเส้นประสาท แพทย์นัดผ่าตัดในวันที่ 27 ก.ค.นี้ หลังจากนี้จะนำผลการตรวจของแพทย์ไปใช้ประกอบการแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
น.ส.ทิฆัมพร พิมให้ผล ลูกพี่ลูกน้องผู้เสียหาย

ด้าน น.ส.ทิฆัมพร พิมให้ผล อายุ 23 ปี ลูกพี่ลูกน้องผู้เสียหาย และเป็นเจ้าของโพสต์เฟซบุ๊ก เปิดเผยว่า ตนทราบว่าน้องสาวถูกทำร้ายร่างกายตั้งแต่วันที่เกิดเหตุ (19 ก.ค.) เวลาประมาณ 02.00 น. โดยแม่โทรศัพท์มาบอกว่าน้องเข้าโรงพยาบาล เมื่อตนเข้ามาเยี่ยมแล้วเห็นสภาพน้องก็รู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ เนื่องจากมีอาการตาบวม หน้าบวม และปากแตก เย็บ 5 เข็ม ซึ่งญาติก็อยากให้นอนพักที่โรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลไม่อนุญาตให้นอนพักเนื่องจากแพทย์เจ้าของไข้ไม่อยู่ ตนจึงพาน้องกลับมานอนพักที่หอพัก ซึ่งก็แทบไม่ได้พักผ่อนเนื่องจากวันรุ่งขึ้นก็ต้องมาพบแพทย์อีกครั้งในช่วงบ่าย โดยหลังเกิดเรื่องฝ่ายผู้ก่อเหตุก็มีการส่งข้อความและโทรศัพท์เข้ามาถามว่าน้องอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร แต่ตนก็ไม่รับโทรศัพท์และไม่ตอบข้อความ

สำหรับอาการของน้องที่มีการตรวจเพิ่มเติมในวันนี้ เบื้องต้นพบว่าฐานกระดูกรองลูกตาแตก โดยต้องมีการผ่าตัดซึ่งได้นัดหมายทางโรงพยาบาลเข้ามานอนพักรักษาตัวในวันที่ 26 ก.ค.นี้ และจะมีการผ่าตัดในวันที่ 27 ก.ค. นอกจากนี้ยังมีอาการเส้นประสาทชาในซีกขวาของใบหน้า ซึ่งน่าจะเกิดจากการกดทับของกระดูกรองตาที่แตก รวมทั้งมีกระดูกฟันแตก ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯ ได้ช่วยเหลือครอบครัวตนในการประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจนกระทั่งมาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

น.ส.ทิฆัมพร ยังบอกอีกว่า ทั้งสองคนคบกันมาหลายปีแล้ว ซึ่งก็ไม่เคยมีเรื่องตบตี ตนก็ไม่คาดคิดคิดว่าคู่กรณีจะก่อเหตุดังกล่าว โดยเหตุผลที่เผยแพร่คลิปวิดีโอลงเฟซบุ๊กนั้น น.ส.ทิฆัมพร กล่าวว่า ตนได้รับคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดจากน้องสาวเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเห็นก็รู้สึกโกรธเนื่องจากไม่คาดคิดว่าจะถูกกระทำรุนแรงขนาดนี้ โดยตนไม่กล้าที่จะดูตลอดทั้งคลิป เพียงแต่เลื่อนดูผ่านๆ เท่านั้น เพราะรับไม่ได้กับภาพที่เห็น ซึ่งหลังจากที่โพสต์ไป ทางคู่กรณีก็มีการติดต่อเข้ามาทางแม่ของน้องขอให้ลบคลิป และขู่ว่าจะฟ้องร้อง ซึ่งตนตอบกลับไปว่าอยากฟ้องก็ฟ้อง เนื่องจากตนไม่กลัวเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด โดยหากมีหลักฐานเพิ่มเติมตนก็จะโพสต์อัปเดตลงในเฟซบุ๊กเช่นกัน นอกจากนี้ ด้านคดีความทางครอบครัวก็จะดำเนินเรื่องอย่างถึงที่สุด

พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผกก.สน.พหลโยธิน

จากนั้น พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว และได้มีการเชิญตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำแต่ยังไม่ได้มีการแจ้งความ โดยเบื้องต้นวันนี้ มีการแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนจะสาหัสหรือไม่นั้นอยู่ในระหว่างรอผลตรวจจากแพทย์อย่างเป็นทางการ โดยจะมีการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์หน้า

สำหรับผู้เห็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เข้ามาช่วยนั้น ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 374 มีระบุไว้ว่า ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควรกลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่น แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็นถือว่ามีความผิด ซึ่งจะต้องมีการเรียกตัวผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำต่อไป เนื่องจากผู้เห็นเหตุการณ์อาจจะถูกข่มขู่ หรือไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการสอบปากคำให้ชัดเจนอีกครั้ง

นายออง ซอ อู ชาวพม่าซึ่งเป็นผู้ดูแลหอพักที่เกิดเหตุ

ด้านนายออง ซอ อู อายุ 32 ปี ชาวพม่าซึ่งเป็นผู้ดูแลหอพัก ชายเสื้อขาวในคลิปวีดีโอ ได้เข้ามาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเปิดเผยว่า ขณะที่เกิดเหตุตนนั่งอยู่ด้านหน้าหอพัก ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทจึงเดินมาดู เมื่อเห็นผู้เสียหายถูกทำร้ายก็ตกใจทำอะไรไม่ถูก จะเข้าไปช่วยก็ถูกฝ่ายผู้ก่อเหตุขู่ว่า “อย่าเข้ามา ไม่ใช่เรื่องของคุณ เดี๋ยวจะมีเรื่อง” ตนก็ไม่กล้าเข้าไปเนื่องจากอีกฝ่ายใส่แจ็กเกตที่มีกระเป๋า ทำให้ไม่แน่ใจว่ามีอาวุธหรือไม่ จึงไม่กล้าเข้าไป จากนั้น ฝ่ายผู้ก่อเหตุก็ได้เดินมาขู่ตนอีกครั้งว่าอย่าฟ้องใคร ตนจึงเดินหลบเข้าไปในสำนักงานล็อกประตู แล้วจึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.อิทธิเชษฐ์ วงษ์หอมหวล ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการสอบสวน นายออง ซอ อู พบว่าเป็นชาวพม่าที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นไม่เข้าข่าย มาตรา 374 เนื่องจากได้กระทำการช่วยเหลือแล้วด้วยการโทรศัพท์แจ้งเหตุมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะมีการสอบปากคำเพิ่มเติมต่อไป

น.ส.พิมพ์พิไล ปักษี ผู้เสียหาย

ด้าน น.ส.พิมพ์พิไล ปักษี อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย ยอมรับว่าผู้ก่อเหตุเป็นแฟนของตน รู้จักกัน 7 ปีแล้ว แต่เพิ่งมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ปีกว่าๆ โดยเมื่อคืนวันพุธ (18 ก.ค.) ที่ผ่านมา ตนและแฟนได้ไปดื่มเบียร์ที่หอพักของเพื่อนในย่านพหลโยธิน หลังจากนั้นเพื่อนและแฟนก็มีอาการเมาหลับไป ตนได้หยิบโทรศัพท์มือถือแฟนขึ้นมาเพื่อจะเช็กข้อความในไลน์ แต่เปิดไม่ได้เนื่องจากแฟนเปลี่ยนรหัส จากนั้นก็ปลุกแฟนเนื่องจากจะชวนกลับหอพัก แล้วถามแฟนว่า “เปลี่ยนรหัสทำไม” ซึ่งแฟนไม่ตอบและคว้าโทรศัพท์เข้าห้องน้ำไป จากนั้นเมื่อแฟนออกจากห้องน้ำตนก็ถามซ้ำอีกครั้งว่า “เปลี่ยนรหัสทำไม” โดยแฟนตนตอบว่า “ไม่ชอบให้มาเช็ก” ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่า “งั้นก็ต่างคนต่างอยู่” จากนั้น ตนจึงเดินออกจากห้องเพื่อนและลงลิฟต์มายังชั้นล่างของหอพัก

รอยฟกช้ำบนหน้าของนางสาวพิมพ์พิไล

น.ส.พิมพ์พิไล เล่าต่อว่า เมื่อตนลงมาที่ชั้นล่างของหอพัก ตนก็ดูมอนิเตอร์กล้องวงจรปิด เห็นแฟนกำลังลงลิฟต์มาเช่นกันจึงอยู่รอ เมื่อแฟนลงมาตนจึงเปิดประตูหอพักทิ้งไว้แล้วนำคีย์การ์ดขึ้นไปคืนเพื่อน เนื่องจากหอพักต้องใช้คีย์การ์ดเข้าออก จากนั้นก็กลับมายืนรอหน้าหอ แต่แฟนยังนั่งอยู่ไม่ยอมลุกไปเอารถจักรยานยนต์ ตนจึงเดินไปหาและดึงกุญแจรถมาตั้งใจว่าจะกลับเอง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้ เยื้อแย่งกันไปมาจนกระทั่งแฟนผลักตน ตนจึงตบหน้ากลับ จากนั้น แฟนก็เอาหมวกกันน้อคฟาดหน้าตนแล้วเตะต่อยตามที่เห็นในคลิปวิดีโอจนกระทั่ง มีผู้มาช่วยไว้

น.ส.พิมพ์พิไล ประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวม

น.ส.พิมพ์พิไล เผยอีกว่า ขณะที่เกิดเหตุ ผู้ดูแลหอพักได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ซึ่งได้แจ้งต่อมายังเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้พาตนส่งโรงพยาบาลในวันเกิดเหตุ (19 ก.ค.) ซึ่ง น.ส.พิมพ์พิไล กล่าวว่า หากไม่มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยพาส่งโรงพยาบาลในวันนั้น ตนคงไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองไม่ไหวอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุแฟนของตนได้ขี่จักรยานยนต์ กลับมาไม่เจอตน แต่เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเจ้าหน้าที่ก็ได้พาแฟนไปสอบปากคำ ซึ่งแฟนตนก็ถามเจ้าหน้าที่ว่าตนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอะไร แต่ตำรวจไม่เปิดเผยข้อมูล โดยเมื่อตนตรวจรักษาเรียบร้อยแล้วก็กลับมานอนพักที่หอพัก แฟนของตนก็มาขอโทษ ทั้งยังช่วยกันกับแม่ตนทำแผลและใส่ยาให้ ซึ่งตนก็ให้อภัยแฟนในสิ่งที่ทำตน แต่เรื่องคดีความก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายซึ่งแฟนก็มีลักษณะเหมือนจะยินยอม จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (21 ก.ค.) ตนไปขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดในสถานที่เกิดเหตุ พบว่าแฟนแอบมาขอภาพไปก่อนแล้วโดยที่ไม่ได้บอกตนว่าจะมา เมื่อตนเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดก็รู้สึกรับไม่ได้เนื่องจากภาพที่เห็นรุนแรงกว่าที่ตนคิด และตนก็ไม่เข้าใจว่าแค่เรื่องรหัสไลน์ทำไมจึงต้องทำรุนแรงขนาดนี้ จึงตัดสัมพันธ์กับแฟนในวันนั้น (21 ก.ค.) แล้วไม่ได้พูดคุยกันอีก

รอยบวมบริเวณโหนกแก้มจากการถูกตีด้วยหมวกกันน็อก

เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้ในระหว่างที่คบกันเคยมีการทำร้ายร่างกายหรือไม่ น.ส.พิมพ์พิไล ตอบว่าไม่เคย มีเพียงเล่นกันรุนแรงจนฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น ไม่เคยลงมือหนักขนาดนี้ โดยขณะนี้ตนก็ยังรู้สึกปวดระบมแผลอยู่ โดยเฉพาะบริเวณปากและตา แต่มีอาการดีขึ้นมากจากวันแรกที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้น

สำหรับเรื่องค่ารักษาพยาบาล น.ส.พิมพ์พิไล ตอบว่า ขณะนี้ตนใช้สิทธิ์ประกันสังคม ซึ่งทางคู่กรณีเคยเสนอยื่นเงินให้ 50,000 บาท แต่ทางแม่ของตนปฏิเสธไม่รับเงินแต่จะดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด โดยจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุในช่วงเย็นของวันนี้ (22 ก.ค.)

 

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 103
  • เจ้าส่งBB+Giffarine
    พอเถอะกับคอมเม้นที่บอกว่าจะไปรุมข่มขืนทอม มันต่ำเกินไป
    23 ก.ค. 2561 เวลา 07.07 น.
  • ตี๋
    ดีแล้วที่ไม่มีคนช่วย...น่าจะตีให้ตายไปซะ...ควายงานนี้ใครช่วยกูบอกเรยอีตัวเมียแจ้งจับคนที่ช่วยแน่นอน....ถ้าผัวทอมมันเปนอะไรไป...ตอนแรกกูก็คิดว่าควรช่วยแหละ....พออ่านแล้ว...ชัดเรยใครทืบทอมในเหตุการณ์นั้นมีเรื่องขึ้นโรงพักแบบฟรีๆแน่ๆ....ใครอยากเปนฮีโร่มั่งอ่ะเหตุการณ์์์แบบนี่มีเยอะ...จนมีคำว่าเรื่องผัว-เมีย...ใครรู้ก็ไม่อยากยุ่งหรอก....โลกไม่สวยด้วยคิดดูดีๆ
    23 ก.ค. 2561 เวลา 06.41 น.
  • nushanat
    ระวังเน้อ เขากลับไปคืนดีกัน คนเม้นท์ด่าเขาจะเงิบ
    23 ก.ค. 2561 เวลา 06.16 น.
  • WUT สุทธิสาร 2-11
    ผู้ชายมีไม่คบ จิตวิปริตกันนัก เห็นข่าวแล้ว ขำ 5555
    23 ก.ค. 2561 เวลา 05.49 น.
  • ไงล่ะสาวที่หลงไหลคลั่งไคล้ทอมผมไม่ได้ซ้ำเติมน้องคับแต่แค่จะบอกว่าทำไมผมถึงเกลียดทอมเพราะมันคิดว่ามันเป็นผช.เก๋าถ้าผมอยู่ในเหตุการ์ณมึงได้เจอกุแน่
    23 ก.ค. 2561 เวลา 05.43 น.
ดูทั้งหมด