ไลฟ์สไตล์

ทำงานอย่างไรก็ work

สยามรัฐ
อัพเดต 03 ส.ค. 2563 เวลา 22.30 น. • เผยแพร่ 03 ส.ค. 2563 เวลา 22.30 น. • สยามรัฐออนไลน์

คอลัมน์ "ตัวไหม .. ไกด์บุ๊คส์" I Suppaluck.51@gmail.com

การทำงานในโลกยุคโควิด-19 แบบนี้ หลายๆ บริษัทก็อาจมีนโยบายการ work from home อยู่บ้าง แต่หลายบริษัทก็ยังคงให้ทำงานที่ออฟฟิศอยู่ หรืออาจเริ่มกลับมาทำงานที่ออฟฟิศกันมากขึ้นแล้ว แต่เราก็ยังคงต้องช่วยกันเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social distancing กันอยู่ ซึ่งแต่ละบริษัทก็มีนโยบายที่แตกต่างกันไปขึ้นกับตัวงานและองค์ประกอบหลายๆ อย่าง และทุกคนก็คงต้องปรับตัวกันมากขึ้น เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง เราต่างก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงกันทั้งนั้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

และวันนี้ นานมีบุ๊คส์ ก็มีตัวช่วยที่จะทำให้คุณทำงานอย่างไรก็ work ไม่ว่าคุณจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องก็ตาม โดยเรามาเริ่มจากหัวหน้ากันก่อน หัวหน้าต้องกระตุ้นทีมงาน สอนงาน และติดตามงานด้วยวิธีใหม่ๆ หนังสือ“COACHING เทคนิคกระตุ้นทีมจนสำเร็จ” โดยคุณ Homma Masato ผู้รับผิดชอบการอบรมในหลากหลายหัวข้อ เช่น โค้ชเรื่อง “องค์กรแห่งการเรียนรู้” “วิธีชม” เพราะคุณ Homma Masato เชื่อว่าหัวหน้าที่เก่งต้องชม ดุ และให้กำลังใจ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ว่าแต่ชื่อหนังสือก็บอกแล้วว่าเป็นการ coach แล้วคุณสงสัยกันไหมว่าการ coach กับการทำงานเกี่ยวกันอย่างไร คำว่า “coach” ใน coaching แต่เดิมหมายถึงรถม้า จากนั้นจึงถูกนำไปใช้ในความหมายว่า “การนำคนที่เราให้ความสำคัญจากสถานที่ปัจจุบันไปส่งยังที่ที่ต้องการ” ดังนั้น หน้าที่สำคัญของโค้ชก็คือ “การดึงศักยภาพของสมาชิก ออกมาและช่วยสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมาย”
โดยในหนังสือยังพูดตั้งแต่หน้าที่ของหัวหน้ามีอะไรบ้าง ทำการการโค้ชถึงสำคัญกับหัวหน้า สิ่งที่ต้องคำนึงในการโค้ชเพื่อเพิ่มความเป็นผู้นำ 7 ทักษะการโค้ชที่ควรรู้ 5 ขั้นตอนในการโค้ชที่นำไปใช้ได้ทันที 4 ประเด็นสำคัญที่สร้างทีมให้เป็นหนึ่งเดียว และ 3 ขั้นตอนการติดตามพัฒนาการ และส่วนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ วิธีรับมือกับ 10 ลูกน้องที่รับมือได้ยาก เช่น สมาชิกที่ไม่มั่นใจในตัวเอง สมาชิกที่ไฟแรง สมาชิกที่ทำผิดพลาดซ้ำๆ

งั้นเรามาลองยกตัวอย่างวิธีการรับมือกับลูกน้องในรูปแบบต่างๆ ตามที่คุณ Homma Masato แนะนำไว้ดีกว่า อย่างสมาชิกที่ทำผิดซ้ำ ๆ หากเราเป็นหัวหน้าเมื่อเจอสมาชิกแบบนี้เราอาจหงุดหงิดจนเผลอต่อว่าไป แต่เมื่อถูกต่อว่าบ่อยๆ อีกฝ่ายก็อาจห่อเหี่ยวและหมดไฟในการทำงานได้ จนเกิดความคิดที่ว่า “ฉันนี่ไม่ได้เรื่องเลย” จนสมองเชื่อและทำผิดซ้ำมากขึ้นไปอีก ซึ่งปัญหาก็คือการสื่อสาร หัวหน้าอาจลองถามสมาชิกดูว่าเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไรหรือเปล่า โดยอย่าไปตัดสินเขาก่อน แต่ถ้ายังไม่ได้ผลอาจลองตั้งคำถามเพื่อให้อีกฝ่ายได้คิด หรือแนะนำสมาชิกอีกทางว่าลองวิธีนี้ดูดีไหม เพราะอีกฝ่ายอาจไม่รู้วิธีปรับตัว และเมื่อสมาชิกปรับตัวได้ดีขึ้น ผิดพลาดน้อยลง อย่าลืมชมให้กำลังใจอีกฝ่ายด้วย เพื่อให้อีกฝ่ายมีกำลังใจมากขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากตัวอย่างก็คงเห็นแล้วว่า คุณ Homma Masato สอดแทรกแนวความคิดที่ว่า หัวหน้าที่เก่งต้อง ดุ ชม และให้กำลังใจไปในทุกเหตุการณ์ แต่เมื่อพูดถึงการทำงานของหัวหน้าแล้ว จะไม่พูดถึงการทำงานของสมาชิกก็คงไม่ได้ ซึ่งตัวช่วยในวันนี้ของเราก็คือ หนังสือ“เลิกคิดมากถ้าอยากสำเร็จ” โดยคุณ Takashi Torihara ที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านวิธีคิดแบบ In Basket (Career Counselor) และผู้เขียนคนเดียวกับหนังสือ “เปลี่ยนวิธีคิดแค่ 5 วิ งานก็สำเร็จไปแล้ว 90%”

ในหนังสือเล่มนี้ คุณ Takashi Torihara นำเสนอแนวคิดการ “ทิ้งความคิดที่ไม่จำเป็นเพียง 5 วินาที ก่อนลงมือทำ” ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น และเผยวิธีการพัฒนาทักษะตั้งแต่ขั้นต้นไปจนถึงขั้นสูง 22 ประการ เช่น ทักษะการจัดการความเสี่ยง ทักษะการใช้ตัวช่วย ทักษะการถ่ายทอด ทักษะการร่วมมือ ทักษะการปกป้ององค์กร ทักษะการนำเสนอตนเองและอีกมากมายที่นำไปใช้ทำงานได้จริง เพราะบางครั้งเราก็จำเป็นต้อง “ทิ้ง” สิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อ “เพิ่ม” พื้นที่แก่การทำสิ่งใหม่ มาสลัดชีวิตที่เอาแต่คิดว่า “ทำไมเป็นแบบนี้นะ” ทิ้งไปกันเถอะ
โดยคุณ Takashi Torihara ได้แนะนำวิธีการวัดทักษะการตัดสินใจในเสี้ยวด้วยวิธีคิดแบบ In Basket ซึ่งเป็นวิธีฝึกอบรมที่มีสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ผู้เข้าร่วมตัดสินใจและคลี่คลายภายในเวลาที่กำหนด เพราะทักษะการตัดสินใจอย่างถูกต้องภายในเวลาอันจำกัดนั้นไม่ได้จำเป็นในสนามรบเท่านั้น แต่ในธุรกิจก็จำเป็นเช่นกัน ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนส่วนใหญ่ตัดสินใจไม่ได้ก็คือการคิดเรื่องที่ไม่จำเป็น มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบฝึกให้ตัวเองมีวิธีคิดที่ถูกต้องหรือมีทักษะมากขึ้น

งั้นเราลองมาดูตัวอย่างที่คุณ Takashi Torihara แนะนำไว้กันหน่อยดีกว่า นั่นก็คือทักษะการคำนึงถึงผู้อื่น สมมติว่าระหว่างที่เรากำลังทำงานก็เกิดปัญหาขึ้น พอจะหันไปปรึกษาหัวหน้าก็พบว่าหัวหน้ากำลังยุ่งอยู่ จะเข้าไปพูดเลยก็ไม่กล้ากลัวรบกวนหัวหน้า จนได้แต่กังวลอยู่แบบนั้นไม่เข้าไปบอกเสียที ทำให้เวลาผ่านเลยไปจากเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นได้ ดังนั้น แทนที่จะใช้ความคิดกับสิ่งที่ไม่จำเป็น เช่น หาจังหวะ เกรงใจอีกฝ่าย การรีบรายงานอย่างทันท่วงทีนั้นสำคัญกว่า

ซึ่งวิธีแก้ก็คือ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นและหัวหน้ากำลังยุ่งอยู่ แทนที่เราจะมัวแต่คิดเรื่องที่ไม่จำเป็นอย่างเช่น หัวหน้ายุ่งอยู่อย่าพึ่งเข้าไปเลย หรือเดี๋ยวอีกสักพักค่อยเข้าไปพูดก็ได้ เราอาจเดินเข้าไปบอกหัวหน้าก่อนเลยหรือเขียนโน๊ตบอกไว้ว่า “หัวหน้าค่ะ ตอนนี้งานเกิดปัญหานิดหน่อย หัวหน้าพอจะมีเวลาสักครู่ไหมคะ” เท่านี้หัวหน้าก็รับรู้แล้วว่ามีปัญหา เขาจะหาเวลามาคุยกับคุณได้เอง หรือถ้าด่วนมากควรรีบแจ้งเพื่อให้งานดำเนินต่อไปได้อย่างลุล่วงมากยิ่งขึ้น แค่นี้ปัญหาของคุณก็จะคลี่คลายไปได้

เพียงคุณละทิ้งความคิดที่ไม่จำเป็นนี้ออกไปเท่านั้น งานก็ประสบความสำเร็จได้มากขึ้นแล้ว แต่คุณ Takashi Torihara ก็ไม่ได้บอกให้คุณหยุดความคิดทั้งหมดไป แค่ให้เลือกทิ้งความคิดที่ไม่จำเป็นออกไปเท่านั้น เพราะความคิดแบบนี้มีอยู่ในตัวของทุกคน และเมื่อคุณเลิกคิดมากได้แล้ว ในช่วงเวลาแบบนี้บางคนก็อาจยังทุกข์ใจจากหลายๆ เรื่องรอบตัว ดังนั้น มาฝึกสมองให้สมดุลทั้งซีกซ้ายและขวา ด้วยหนังสือ “ฝึกสมองไม่ให้ทุกข์” โดยคุณหมอ Kato Toshinori แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทจิตวิทยา ชีวจิตวิทยา และวิทยาศาสตร์พุทธิปัญญา ผู้วิเคราะห์สมองด้วยการตรวจ MRI ชื่อดังของญี่ปุ่น และเป็นนักเขียนผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับสมองที่ขายดีในไทยอีกมากมาย เป็นการการันตีว่าสมองของมนุษย์เราเป็นอวัยวะที่มหัศจรรย์และมีอะไรให้ค้นหาอีกมากมาย

โดยหนังสือเล่มนี้ คุณหมอ Kato Toshinori ได้วิเคราะห์ภาพแสกนสมอง MRI ของคนกว่า 10,000 คน เพื่อสรุปให้เราเห็นว่าอุปนิสัย บุคลิก หรือวิธีคิดแบบใดที่ทำให้เกิดความเครียดหรือความวิตกกังวล และมันสัมพันธ์กับสมองอย่างไร ก่อนจะแนะนำกิจวัตรประจำวันที่เราสามารถปรับให้กลายเป็นวิธีฝึกสมองได้ง่าย ๆ ทำได้ทุกวัน โดยคุณหมอเชื่อว่า ทุกข์ใจหายได้ถ้าเข้าใจสมอง เพราะความทุกข์ใจเกิดจากความคิดของเรา และความคิดเกิดจากสมอง ถ้าเราฝึกสมองให้แข็งแรงได้ เราก็รับมือกับปัญหาหรือความทุกข์ที่เข้ามาได้ดีขึ้นนั่นเอง

เพราะการคิดมากและความทุกข์ใจเป็นเรื่องเดียวกัน หากไม่อาจปล่อยวางปัญหาที่ต่อให้คิดมากเท่าไรก็แก้ไม่ได้เรียกว่า ความทุกข์ใจ ซึ่งความทุกข์ใจก็คือความเหนื่อยล้าจากการคิดวกวน โดยคุณหมอเชื่อว่า “ความทุกข์ใจ” เกิดจากปัญหาที่เราแก้ไขไม่ได้และคอยวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ไม่เป็นอันทำอะไรเพราะไม่สบายใจอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าใครก็มีความรู้สึกแย่ๆ กันได้ ถ้าตัดความรู้สึกทิ้งได้ “ความทุุกข์ใจ” ก็คงไม่เกิดขึ้น เพราะสมองมัวหมกมุ่นกับมันจนเหนื่อยล้า ความทุุกข์ใจไม่ได้เกิดจากลักษณะนิสัยหรือวิธีคิด แต่เกิดจากสมองและสมองของเราปรับเปลี่ยนได้

ซึ่งคุณหมอ Kato Toshinori ยังแนะนำวิธีฝึกสมองเกี่ยวกับการทำงานไว้เช่นกัน คุณคงเคยรู้สึกว่าทำไมงานไม่คืบหน้าไปอย่างที่คิด ทำไมเราถึงทำงานช้า และมีงานที่ยังไม่ได้ทำกองอยู่เยอะจนต้องทำล่วงเวลาตลอด สาเหตุที่จัดการงานไม่ได้ตามที่คิดก็เกี่ยวข้องกับรหัสสมองด้านการจดจำ เพราะการรับรู้เรื่องเวลาไม่ดี จึงรับงานมาทำโดยที่ปริมาณงานไม่สัมพันธ์กับทักษะของตัวเอง ทั้งที่ตอนรับมาก็คิดว่าทำได้แต่กลับทำไม่ได้ตามที่คิดไว้ทำให้เป็นทุกข์ได้ ซึ่งสาเหตุก็ไม่ใช่เพราะไม่รู้จักตัวเอง แต่เกิดจากการรับรู้เรื่องเวลาไม่ดีต่างหาก เพราะรหัสสมองด้านการจดจำอ่อนแอ ทำให้ประเมินความสามารถกับระยะเวลาไม่ได้ งานจึงสุมมากขึ้นเรื่อยๆ

วิธีแก้ที่คุณหมอ Kato Toshinori แนะนำก็คือ ให้ลองทำความเข้าใจเรื่องเวลาให้มาก เพื่อกระตุ้นฮิปโปแคมปัสของรหัสสมองด้านการจดจำ วิธีฝึกก็คือการจับเวลาแล้วหลับตายืนขาเดียว โดยเริ่มจากเตรียมนาฬิกาจับเวลาไว้ สมมติว่าให้ยืนขาเดียว 1 นาที ลองกะในใจว่า 1 นาทีนานแค่ไหน จากนั้นเปรียบเทียบกับระยะเวลาจริง เพื่อฝึกการรับรู้เรื่องเวลาให้ดีขึ้น เมื่อยืนขาเดียวแบบนี้ เท้าจะไม่มั่นคง แม้ไม่ชอบแต่ก็จะได้เข้าใจตัวเองได้ รู้ว่ากำลังทำอะไรและต้องทรงตัวอย่างไรให้ไม่ล้ม เท่ากับได้ฝึก 2 ทักษะไปพร้อมกัน ซึ่งคุณหมอยังทิ้งท้ายไว้อีกว่า ที่คนส่วนใหญ่ต้องทรมานเพราะความทุกข์นั้นเป็นเพราะได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ไม่ใช่ปัญหาด้านจิตใจ ซึ่งเราแก้ไขได้ และเราก็หวังว่าทุกคนที่ฟังอยู่จะเข้าใจสมองและจัดการกับความทุกข์ได้ดีขึ้น

เพราะในชีวิตเรามักจะได้พบการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากเราเรียนรู้และรู้จักปรับตัวไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม เราก็จะผ่านเรื่องราวต่างๆ ไปได้ด้วยดี ซึ่งหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับเรื่องงาน เราหวังว่าตัวช่วยที่เราแนะนำในวันนี้จะทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณทำงานอย่างไรก็ work ได้ไม่ยาก

สั่งซื้อได้ที่ www.nanmeebooks.com, www.facebook.com/nanmeebooksfan พร้อมติดตามข่าวสารและหนังสือที่น่าสนใจอีกมากมายเพียง ADD LINE @nanmeebooks และ @nmbadult

ดูข่าวต้นฉบับ