เป็นประเด็นร้อนแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในการนำสำนวนไทยมาใช้ในการเตือนสติหรือสั่งสอนคนรุ่นหลังให้รู้จักเคารพยำเกรงผู้มีอาวุโสกว่า นั่นก็คือสำนวนที่ว่า ผู้ใหญ่เขา “อาบน้ำร้อนมาก่อน” ทีนี้ก็เป็นที่สงสัยว่า แล้วทำไมต้องอาบน้ำร้อนล่ะ?.. น้ำร้อนลวกไหม? และอีกมากมายหลายคำถามถึงการตีความและที่มาที่ไปของสำนวนนี้ว่ามันมีความหมายอย่างไรกันแน่
นอกจากความหมายของ “อาบน้ำร้อนมาก่อน” ที่หมายถึง “ผู้ใหญ่หรือผู้ที่เกิดก่อนย่อมมีประสบการณ์มากกว่าเด็กๆหรือผู้ที่เกิดทีหลัง” แล้ว ความเป็นมาของสำนวนนี้มาจาก ในสมัยก่อนเมื่อทารกคลอดออกมา หมอที่ทำคลอด (หรือ หมอตำแย) จะทำการตัดสายสะดือ แล้วนำเด็กมาอาบน้ำอุ่นเพื่อทำความสะอาดตัวเด็ก ดังที่เราจะเห็นในละครย้อนยุค เมื่อมีหญิงท้องแก่ต้องทำการคลอด คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องควรต้อนน้ำร้อนรอท่าอยู่นอกห้องทำคลอด ซุ่งน้ำร้อนนั้นก็มีเพื่อใช้ผสมน้ำอาบให้เด็กแรกเกิดนั่นเอง เด็กทารกทุกคนจะต้องได้รับการอาบน้ำร้อนเมื่อเกิดใหม่ๆ ทำความสะอาดจากคราบน้ำคร่ำ และสิ่งอื่นๆ ทีติดตัวออกมาจากท้องแม่ ดังนั้นคนที่อาบน้ำร้อนก่อนก็คือคนที่เกิดก่อน และเมื่อเกิดก่อน จึงมักจะเห็นโลกมาก่อน สั่งสมประสบการณ์มามากกว่า สามารถเดาทางของเหตุการณ์ต่างๆ ว่า ‘น่าจะ’ เป็นไปอย่างไรจากประสบการณ์ที่เคยพบเห็นมา
และนอกจากเรื่องของการนำน้ำร้อนมาอาบล้างตัวเด็กแล้ว ยังมีบางตำราที่กล่าวว่าสำนวนนี้เพี้ยนมาจาก “ผู้ใหญ่หาบน้ำร้อนมาก่อน” ซึ่งที่มาที่ไปยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด แต่โดยความหมายที่ต้องการจะสื่อก็ยังคงหมายถึงคนที่เกิดก่อนมีการสั่งสมประสบการณ์มาก่อน รู้เห็นโลกมากกว่าตามอายุที่เกิดก่อนเช่นกัน
แต่ทว่าเดี๋ยวนี้โลกเรามีวิวัฒนาการแบบก้าวกระโดด แม้จะมีประสบการณ์ชีวิตจากอดีตที่มากกว่า แต่ก็ต้องรู้จัก ‘อัปเดท’ อยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน จริงอยู่ที่ว่าในเรื่องของเทคโนโลยีคนรุ่นเก่าอาจจะตามไม่ทัน แต่ในส่วนอื่นๆ บางครั้งประสบการณ์ชีวิตก็มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจ คนที่เคยล้มและรู้จักเรียนรู้ความผิดพลาดก็จะสามารถตักเตือนคนรุ่นหลังไม่ให้พลั้งพลาดแบบที่ตัวเองเคยเป็น ดั้งนั้น ไม่ว่าจะเกิดก่อนหรือเกิดหลัง สิ่งที่สำคัญก็คือการรู้จักการพูดคุยและรับฟังซึ่งกันและกัน อย่าได้ดูแคลนความคิดของคนเกิดที่หลัง และอย่าเดียดฉันท์ความคิดคนรุ่นก่อนว่าล้าหลัง เพราะสุดท้าย เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ผลลัพธ์ให้เรียนรู้ไปด้วยกันเอง
อ้างอิง https://proverbthai.com
https://dictionary.sanook.com
http://www.siamebook.com
เชื่อฟังพ่อแม่ปู่ย่าตายายเถิด
คิดไม่ผิดหรอก
.เราก็มีแนวทางของเรา
แต่ต้องเอามาประยุกต์กับคำสอนของผู้ใหญ่
คนไม่ฟังใคร
ไม่เคารพผู้ใหญ่
ไม่น่ารักหรอก
วันหนึ่งเราก็แก่ตัวลงไม่ใช่เหรอ
06 ธ.ค. 2563 เวลา 03.16 น.
€¥£ ก็คือผ่านมา เห็นมาแล้ว คอยดูเถอะ มันจะเป็นแบบนี้
แม้ผลไม่เป๊ะ แต่ใกล้เคียง ฟังไว้ก็ไม่เสียหาย
06 ธ.ค. 2563 เวลา 01.53 น.
แต่มันคือความจริงเกิดก่อนย่อมมีประสบการณ์ก่อนแทบจะทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องสติ
06 ธ.ค. 2563 เวลา 02.40 น.
ความหมายเขาคือเขาผ่านมาก่อนและเขาก็ไม่ฟังคนรุ่นก่อนมาแล้ว ผลคือเดินผิดพลาดซ้ำและเสียทรัพย์กรและต้นทุนชีวิตที่อุสส่ห์สะสมมาจากความเหนื่อยยากและเวลาทีสูญเสียไปซึ่งเรียกคืนมาไม่ได้. สำนวนนี้จึงหมายถึงการเตือนให้หลีกเลี่ยงเพื่อประหยัดทรัพย์กรและเวลาและรำไปใช้ต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนรุ่นถัดไป.การหลีกเลี่ยงตากการผิดซ้ำจะช่วยประหยัดต้นทุนชีวิตของคนรุ่นใหม่ ทำให้มีเวลาสร้างสรรสิ่งใหม่ๆให้แก่ชีวิตของตนเองและตั้งตัวได้เร็วขึ้น. ไม่มีพ่อแม่คนใดคิดร้ายต่อบุตรหลาน.
06 ธ.ค. 2563 เวลา 00.27 น.
Sitaphong ถูกต้องที่สุด...มันจะมาคู่กันกับ คบเด็กสร้างบ้าน
06 ธ.ค. 2563 เวลา 02.05 น.
ดูทั้งหมด