ดูเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากกว่า ถ้าจะบอกว่า “คิดดี ชีวิตก็ดี” แค่คิด ชีวิตจะดีขึ้นได้ไง ?
แต่กฎของแรงดึงดูดบอกว่าอย่างนั้น กฎที่ว่านี้บอกว่าแค่คิดแล้วชีวิตของคุณจะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกเลย
กฎของแรงดึงดูดถูกพูดถึงมากว่า 100 ปีแล้ว แม้จะไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ แต่หลายคนที่เข้าใจทฤษฎีนี้ก็เชื่อว่าความคิดสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานและดึงดูดเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่คนเราต้องการให้กลายเป็นจริงได้ อะไรทำให้หลายคนเชื่อว่ากฎของแรงดึงดูดมีพลังมากขนาดนั้น
อะไรคือกฎของแรงดึงดูด
กฎของแรงดึงดูด คือแนวคิดที่เชื่อว่าจิตของมนุษย์มีพลัง เป็นพลังที่สามารถดึงดูดสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในชีวิตได้ สิ่งต่าง ๆ ที่ว่านี้หมายรวมถึงทุกเรื่อง ทั้งเรื่องดี และไม่ดี จึงทำให้กฎของแรงดึงดูดถูกนำไปขยายความ เผยแพร่ให้กับคนทั่วโลก โดยมากมักถูกสื่อไปในทำนองที่ว่า “คิดอะไรก็ได้อย่างนั้น”
แท้จริงแล้วกฎของแรงดึงดูดอธิบายถึงความมหัศจรรย์ของจิตมนุษย์ ที่หากคิดเรื่องดี ๆ ที่อยากให้เกิดขึ้นในชีวิตเป็นประจำ จิตของเราก็จะถูกกระตุ้นโดยความคิดให้ทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดเรื่องดี ๆ ขึ้น
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราคิดว่าอยากให้งานที่ทำอยู่ตอนนี้ประสบความสำเร็จ ให้ทุกอย่างผ่านฉลุย จิตของเราก็จะทำหน้าที่กระตุ้นความคิดให้พยายามมากขึ้น ทุ่มเทมากขึ้น ตั้งใจมากขึ้น ที่สำคัญเราจะมองหาแนวทางที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง เรียกว่าเป็นแรงดึงดูดที่จะเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จให้มีมากขึ้นตามไปด้วย ในทางกลับกันถ้าเราคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ไม่เก่ง ไม่มีศักยภาพมากพอ เราก็จะปิดกั้นตัวเองไม่ให้มองหาความสำเร็จหรือการพัฒนาใด ๆ เลย
การทำงานของกฎแห่งแรงดึงดูดก็คือเท่านี้ เพราะความคิดมักมีผลต่อการกระทำเสมอ โดยพื้นฐานมนุษย์ทุกคนมีแนวโน้มที่จะจำกัดความสามารถของตัวเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คนเรามักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า ดีกว่า หรือรวยกว่าอยู่เสมอ ทำให้เราไม่สามารถดึงดูดความคิดดี ๆ ได้มากพอจะทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงได้
แม้จะอยากคิดบวก มองโลกในแง่ดี หรือคิดถึงสิ่งที่ต้องการตลอดเวลา แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เรามักจะมีความคิดลบ ความคิดที่ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอกซ้อนทับความคิดดี คิดบวกที่เราตั้งใจไว้อยู่เสมอ พอเป็นแบบนี้ก็ทำให้แรงดึงดูดไม่มากพอ ดูดมาแล้วก็ปล่อยกลับไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นว่าเสมอตัวไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดังนั้น กุญแจสำคัญของกฎที่ว่านี้ไม่ได้ใช้แค่ความคิดเป็นตัวขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียว ความคิดเป็นพลังเริ่มต้น เป็นตัวจุดประกายให้จิตชักจูงตัวเราเองให้หาวิธีทำสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น ซึ่งนี่ก็คือวิธีการทำงานของกฎแห่งแรงดึงดูด
คิดดี ชีวิตก็ดี แต่ต้องไม่ใช่แค่คิด
สำหรับคนทั่วไปแล้ว การ “คิดอะไรก็ได้อย่างนั้น” ดูเป็นเรื่องตลก เรื่องไม่จริง หรือแค่คำโฆษณาชวนเชื่อดึงคนเข้าลัทธิอะไรสักอย่าง แต่ถ้าพูดในแง่กฎของแรงดึงดูด ความคิดคือพลังเริ่มต้นที่จะนำพาสิ่งที่ต้องการมาให้เรา โดยเฉพาะความคิดที่ดีหรือคิดบวกเป็นเครื่องมือที่พลังอย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ทัศนคติของเราดีขึ้น แต่ความคิดที่ดียังเป็นการเปิดโอกาสให้กับตัวเองด้วย
คิดดี ชีวิตก็ดี แม้จะดูเหมือนเรื่องเกินจริง แต่คนคิดดีส่วนใหญ่ ไม่ใช่แค่คิดเพียงอย่างเดียว คนประเภทนี้มักจะมีทัศนคติที่ดี มีเหตุ มีผลในการใช้ชีวิต รู้ว่าข้อดีของการคิดดี คิดบวกก็คือการเพิ่มพลังให้ตัวเอง จากนั้นเอาไปต่อยอดทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตั้งใจไว้ให้เกิดผลสำเร็จ
กฎของแรงดึงดูดไม่ได้บอกแค่ว่าคิดดี = ชีวิตดี แต่บอกด้วยว่าความคิดที่ดีจะไปกระตุ้นจิตให้เกิดพลังด้านดี ส่งต่อไปยังสมองให้ทำงานตามนั้น ทีนี้เมื่อคิดดีบ่อย ๆ จิตก็ถูกกระตุ้นบ่อย ๆ สมองก็ทำงานตามที่ถูกจิตชักจูงไปในทางที่ดีบ่อย ๆ ก็เกิดเป็นกระบวนการคิดที่ตอกย้ำให้ทำในสิ่งที่มุ่งหวังไว้จนสำเร็จ
กระบวนการที่ว่านี้ไม่ใช่แค่การคิดเพียงอย่างเดียว พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ กฎของแรงดึงดูดช่วยให้คนเรามีเป้าหมายและวิธีการที่แน่วแน่ขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจไว้ได้ง่ายขึ้นด้วย
คนทั่วไปมักจะเข้าใจกฎของแรงดึงดูดว่า คิดว่ารวย = ร่ำรวย แต่ในความเป็นจริงไม่มีทางเป็นแบบนั้น กฎของแรงดึงดูดบอกว่า
จะเห็นได้ว่า..กว่าความคิดว่ารวยจะเดินทางไปสู่ความร่ำรวยต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง ไม่มีใครคิดว่าจะรวยแล้วรวยได้ทันที อย่างน้อยคนถูกรางวัลที่ 1 ก็ยังต้องเดินออกไปซื้อลอตเตอรีมาเสี่ยงโชคเลย
กฎของแรงดึงดูด = เชื่อมั่นในตัวเอง
มนุษย์เรามีความกลัว ความไม่กล้าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่ความคิดแง่ลบแบบนี้ไม่เคยทำให้อะไรดีขึ้น ทำให้ “กฎของแรงดึงดูด” ถือกำเนิดขึ้นมา กฎที่ว่านี้ต่อต้านการคิดลบเพื่อไม่ให้เราจำกัดความสามารถของตัวเอง
กฎของแรงดึงดูดบอกว่าถ้าเชื่อว่าเราทำได้ จิตของเราก็จะทำหน้าที่กระตุ้นความคิดให้พยายามมากขึ้น แสวงหาแนวทางต่าง ๆ นานาเพื่อทำให้อะไรสักอย่างที่เราตั้งใจไว้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นถ้าจะบอกว่าวิธีการทำงานของกฎแห่งแรงดึงดูดก็ไม่ต่างอะไรกับการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองก็คงไม่ผิด
อย่างที่บอกไปแล้วว่าการทำงานของกฎที่ว่านี้เริ่มจากความคิดของเราเอง เมื่อความคิดกระตุ้นจิตซ้ำไปซ้ำมา ทำให้สมองเชื่อว่าเราจะทำหรือเป็นแบบนั้นได้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการย้ำกับตัวเองให้เกิดความเชื่อมั่น พอย้ำบ่อย ๆ เราก็จะมั่นใจขึ้น แม้บางครั้งจะไม่เป็นไปตามที่หวัง แต่ก็จะไม่เสียความมั่นใจ เพราะความคิดและจิตจะกระตุ้นให้พฤติกรรมของเราเปลี่ยนไป สร้างพลังด้านดีให้เราพยายามจนกว่าจะประสบความสำเร็จได้
ถึงตรงนี้หลายคนน่าจะเข้าใจการทำงานของกฎแห่งแรงดึงดูดมากขึ้น ที่ผ่านมากฎที่ว่านี้ถูกพูดถึงในแง่ของความเชื่อและความศรัทธามากกว่าการทำความเข้าใจและประโยชน์ที่จะได้จากการเอากฎนี้มาใช้ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ไม่ได้ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย
อย่าลืมว่าทุกอย่างมีข้อดีของมัน ไม่เชื่อก็ไม่ได้แปลว่าจะเอาข้อดีของมันมาใช้ไม่ได้ ถ้าอยากประสบความสำเร็จ ก็แค่คิดและเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ทำทุกอย่างที่จะทำได้ เพื่อให้ได้ความสำเร็จมาครอบครอง
ตะวันฉาย👀🍎🧃 เชื่อในพลังความคิด และกฏแรงดึงดูด ๆสมมติคิดบวก ไม่ได้อะไร ก้ยังดีกว่าคิดลยให้ชีวิตตัวเอง อยากมีความสุขมากกว่าทุกข์ คิดเรื่องดีๆให้มากกว่าแค่นั้น
05 มี.ค. 2564 เวลา 18.12 น.
Pramual : パラムアン พระพุทธเจ้าสอนพวกเรามา 2,500 ปีที่แล้ว แต่เราชาวพุทธกับไม่อิน คือ จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว.... (กฏแรงดูงดูด ใช้ความคิดควบคุมจักรวาล..เป็นของฝรั่ง.) จิต-เจ้านายคิดยังไงก็จะได้แบบนั้น กาย-ในฐานะบ่าวที่ซื่อสัตว์ ก็จะทางทำสิ่งนั้นๆให้สำเร็จสมใจ จิตที่เป็นเจ้านายให้ได้ ทุกทาง....คิดรวยก็เลยรวยสมใจ หรือ คิดสำเร็จก็จะสำเร็จดังใจ...
05 มี.ค. 2564 เวลา 14.54 น.
สำหรับเราบวกเข้าใว้แค่คิดว่าสิ่งที่ทำส่วนรวมได้ประโยชน์แค่นั้นมันก็จบ
03 มี.ค. 2564 เวลา 14.31 น.
thakorn ที่แน่นอนที่สุดคือ มีคนตั้งตนเป็นlife coachจากเรื่องนี้ มากมายมหาศาล เอาเรื่องนี้มาหากินจนร่ำรวย เขาพวกนั้นไม่ได้รวยจากความสามารถหรือาชีพด้านอื่น เขารวยจากการขายฝันในเรื่องนี้ ,เปรียบเหมือน คนขายเลขเด็ด กลับไม่เคยรวยจากการถูกหวยแต่รวยจากการขายเลขเด็ด
03 มี.ค. 2564 เวลา 00.05 น.
TEG-Jack ความเป็นเหตุเ็นผล จะดูสอดคล้องกว่า แรงดึงดูดอะไรนั่นนะ
02 มี.ค. 2564 เวลา 19.33 น.
ดูทั้งหมด