เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.62 ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาพิจารณาคดี กรณีประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคําร้อง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๒ จํานวน ๒ คําร้อง โดยขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพ ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จํานวน ๔๑ คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (5) ประกอบ มาตรา ๙๘ (๓) หรือไม่
ข้อเท็จจริงตามคําร้องและเอกสารประกอบคําร้องปรากฏว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เข้าชื่อร้องต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้ร้อง ขอให้ส่งคําร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน ๔๑ คน ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ วรรคหนึ่ง เนื่องจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จํานวน ๔๑ คน เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องทั้งสี่สิบเอ็ดคน สิ้นสุดลงตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (๖) ประกอบมาตรา ๔๔ (๓)
ศาลประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๘ (๓) บัญญัติลักษณะต้องห้ามของ บุคคลที่จะใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไว้ว่า "เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการ หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ" มิใช่เพียงมีเจตนาหรือความประสงค์จะทํากิจการดังกล่าวเท่านั้น ถึงแม้การถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่มีวัตถุที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจพอที่จะใช้เป็นเหตุให้มีการยื่นคําร้อง ต่อศาลได้ แต่ก่อนที่จะรับคําร้องไว้พิจารณาต่อไปได้ยังจําเป็นต้องตรวจสอบวัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วน หรือบริษัทที่ผู้ถูกร้องทั้งสี่สิบเอ็ดคนถือหุ้นอยู่ว่าเป็นวัตถุที่ประสงค์ที่จะประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือ สื่อมวลชนใด ๆ หรือไม่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบจากเอกสารประกอบคําร้องของผู้ร้องแล้ว
ปรากฏว่าหนังสือรับรอง การจดทะเบียนนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งออกให้แก่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท ของนายศาสตรา ศรีปาน ผู้ถูกร้องที่ ๑๔ , นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ผู้ถูกร้องที่ ๑๖ , นางสาวภริม พูลเจริญ ผู้ถูกร้องที่ ๑๗, นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ผู้ถูกร้องที่ ๒๐, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ผู้ถูกร้องที่ ๒๖ และ นายจักรพันธ์ พรนิมิต ผู้ถูกร้องที่ ๒๗ ตามคําร้องที่หนึ่ง (เรื่องพิจารณาที่ ๑๒/๒๕๖๒) และนายกรณ์ จาติกวณิช ผู้ถูกร้องที่ ๒ , นายประมวล พงศ์ถาวราเดช ผู้ถูกร้องที่ ๓ และนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ผู้ถูกร้องที่ ๘ ตามคําร้องที่สอง (เรื่องพิจารณาที่ ๑๓/๒๕๖๒) โดยมีข้อความระบุรายละเอียดวัตถุที่ประสงค์ไว้ ทํานองเดียวกันว่า "การประกอบกิจการค้า กระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์ การเรียนการสอน อุปกรณ์ถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคํานวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร และเครื่องใช้สํานักงานทุกชนิด เครื่องมือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์ และอะไหล่ของสินค้าดังกล่าว" ซึ่งเป็นวัตถุที่ประสงค์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ที่จะเป็นลักษณะเข้าข่าย อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องจํานวน ๔ คน ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (5) ประกอบมาตรา ๙๘ (๓) แต่อย่างใด
จึงมีคําสั่งไม่รับคําร้องในส่วนของผู้ถูกร้อง จํานวน ๙ คน ไว้พิจารณาวินิจฉัย สําหรับคําร้องของผู้ร้องในส่วนของผู้ถูกร้องที่เหลือ จํานวน ๓๒ คน เป็นไปตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาล รัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๖๑ มาตรา ๗ (๕) แล้ว ศาลจึงสั่งรับคําร้องของผู้ถูกร้อง จํานวน ๓๒ คน ไว้พิจารณา วินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบพร้อมส่งสําเนาคําร้องให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคนยื่นคําชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อศาลภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสําเนาคําร้อง
สําหรับคําขอให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคนหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น รัฐธรรมนูญ มาตรา ๔๒ วรรคสอง บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่าจะต้อง "ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง" แต่ในคดีนี้ผู้ร้องไม่ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงคงมีเอกสารประกอบคําร้องเพียงหนังสือรับรอง ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทระบุรายละเอียดวัตถุที่ประสงค์กับสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่ปรากฎแบบแสดง รายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัท ฯ (แบบ สสช.๑) และแบบนําส่งงบการเงินของ ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใด กรณีจึงยังไม่มีความชัดเจนว่า ผู้ถูกร้องประกอบ ธุรกิจใด ซึ่งศาลจะต้องดําเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงให้ยุติต่อไป เมื่อยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกร้อง จํานวน ๓๒ คน มีกรณีตามที่ถูกร้อง ในชั้นนี้ จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสามสิบสองคน หยุดปฏิบัติหน้าที่
อนึ่ง คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง ยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลง (เรื่องพิจารณาที่ ๑๐/๒๕๖๒) ได้ผ่านการสอบสวนของคณะกรรมการ การเลือกตั้งซึ่งมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงมาก่อนยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีเอกสารประกอบคําร้อง เช่น แบบ สสช.๑ ระบุสินค้าหรือบริการที่ประกอบการว่า ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์ หนังสือ พิมพ์หนังสือจําหน่าย ประกอบกับแบบนําส่งงบการเงินที่บริษัทของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้อง ยืนต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘ ระบุไว้ชัดเจนว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร และรายได้ จากการให้บริการโฆษณา กรณีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถูกร้อง มีกรณีตามที่ ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญจึงได้มีคําสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๘๒ วรรคสอง
Bill สุรพล ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เหมือนธนาธร
ตามคาด
26 มิ.ย. 2562 เวลา 11.20 น.
top ศรีธนญชัยยังอาย...
26 มิ.ย. 2562 เวลา 11.24 น.
ต้อ ตามคาด ยุคนี้สั่งได้
26 มิ.ย. 2562 เวลา 11.32 น.
tivasin ตามคาด
26 มิ.ย. 2562 เวลา 11.28 น.
'ป เอียงซ้ายแต่กำเนิด
26 มิ.ย. 2562 เวลา 11.24 น.
ดูทั้งหมด