เกิดใหม่ในร่างเดิม : สรรวัชญ์ เดชมิตร

3 แอสซิสต์ และ 4 โอกาสการเข้าทำ .. นี่คือสถิติที่เกิดขึ้นจากฝีเท้าของ สรรวัชญ์ เดชมิตร ในบทบาทเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติไทย ในเกมที่ “ช้างศึก” เปิดบ้านแบบฐานะทีมเยือน ปูพรมถล่ม ติมอร์-เลสเต้ ขาดลอย 7-0 ในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 รอบแรก กลุ่ม บี นัดแรก

อันที่จริง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนักหรอก ที่ “เจ้าแคมป์” ในวัย 29 ปี จะเบียดผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกฟอร์มดีจากไทยลีกรายอื่นๆ จนได้ลงสนามเป็นตัวจริงในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 แทนที่ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมกเกอร์เบอร์หนึ่งของทีมชาติไทย ที่มีภารกิจตามล่าตั๋วเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2019 กับต้นสังกัดอย่าง คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในศึก เจ ลีก ญี่ปุ่น

เขาอาจจะไม่มีสถิติการยิงประตูในลีกที่มากกว่า สุมัญญา ปุริสาย หรือ วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ
เขาอาจจะไม่ใช่กองกลางฮาร์ดแมน ประเภทตัดเกมได้เด็ดขาด
แต่สิ่งที่เขามี และทำให้เห็นในศึกไทยลีก ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ก็คือ
“คลาสบอลที่สูงส่ง, มันสมองที่เฉียบแหลม, ความคิดสร้างสรรค์ และการจ่ายบอลที่แม่นยำ ไม่ว่าจะสั้น หรือยาว”

3 แอสซิสต์ในเกมแรกของอาเซียน คัพ 2018 เป็นการแอสซิสต์จากหลากหลายรูปแบบ ทั้งเปิดบอลยาวจากริมเส้น ทั้งเปิดบอลยาวจากแนวรับ ทั้งสะกิดบอลแบบถวายพานให้ อดิศักดิ์ ไกรษร

นั่นคือ การตอบแทนความไว้ใจของ มิโลวาน ราเยวัช ที่มีต่อตัวเขา
และตอบแทนความเชื่อมั่นในตัวเอง แม้จะมีคนมากมาย ไม่เชื่อมั่นในตัวเขาก็ตาม

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว “แคมป์” วิชะยา เดชมิตร ในชื่อเก่า เมื่อสมัยที่อยู่กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี เขาตกเป็นเป้านิ่งให้แฟนบอลโจมตีในยามที่สวมชุดช้างศึก รับใช้ทีมชาติไทย หลังยิงจุดโทษพลาด 2 ครั้ง และถูกใบแดงไล่ออกจากสนามในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ปี 2010 หรือ “กว่างโจวเกมส์”

หลังจากนั้น ด้วยฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวา บวกมาดกวนๆ ตามสไตล์ของเขา ทำให้เขาได้รับฉายานอกสนามมากกว่าฉายาดีๆ ที่มาจากฟอร์มการเล่นในสนาม “หนู คลองเตย” บ้างหละ, ไอ้เด็กเส้นบ้างหละ ฯลฯ

แต่พอเวลาผ่านไป ผ่านไป จากบางกอกกล๊าส สู่ บีอีซี เทโรศาสน (โปลิศ เทโร เอฟซี) จนถึง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน… คำด่าต่างๆ เอาจริงๆ ก็ยังมีอยู่นะ แต่มันกลับไม่ทำให้ความกวนของเขาลดลง ไม่ว่าจะมาดเวลาลงเล่น หรือสไตล์การตอบคำถามสื่อ และมีบางสิ่งที่มากขึ้น นั่นคือ ฟอร์มการเล่นที่ดี และ “สติ” ในการโต้ตอบกับแฟนบอล

ภายใต้สีเสื้อของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด … เจ้าแคมป์เฉิดฉายอย่างกับคนละคนจากเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เขากลายเป็นตัวหลักของ มาโน่ โพลกิ้ง ไปแบบที่ขาดไม่ได้

เขาเล่นได้ทั้งกองกลางตัวรุก กองกลางด้านข้างฝั่งซ้าย กองกลางตัวโฮลด์บอล และกองกลางตัวรับเขาก็รับบทบาทมาแล้ว โดยมีทีเด็ดที่ลูกเปิด กับคลาสบอลที่เนียนตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ผมเองก็เป็นแฟนตัวยงที่ชอบดูเขาเล่นฟุตบอล เพราะมันเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความแม่นยำ และความฉลาด จนกระทั่ง ประตูแห่งทีมชาติก็เปิดกว้างอีกครั้ง ท่ามกลางความสงสัยของแฟนบอลมากมาย

ที่ไม่รู้ว่า สงสัยเพราะไม่ถูกใจฟอร์มการเล่น หรือไม่ถูกใจเพราะเป็นมนุษย์ที่ชื่อว่า “แคมป์” สรรวัชญ์ เดชมิตร

แต่ถึงกระนั้น จากกระแสของแฟนบอลที่เริ่ม “ให้ใจ” กับสรรวัชญ์มากขึ้น หลังโชว์ของให้เห็นในเกมทีมชาติไทย ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นักฟุตบอล ไม่ว่าจะมีอดีตที่ขมขื่น หรือตราบาปแค่ไหน แต่สุดท้าย “เวลา และผลงาน” จะช่วยเยียวยารักษาแผลในอดีตได้เอง

ฉะนั้น นักฟุตบอลคนไหนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ดี รู้สึกพ่ายแพ้
ก็ไม่ต้องไปไหว้วานให้ใครมาช่วยทั้งนั้น
แค่ก้มลงผูกเชือกรองเท้าสตั๊ดให้แน่นๆ แล้วลงไปโชว์ฟอร์มให้เต็มที่ซะ
เหมือนที่ สรรวัชญ์ ได้ฝากรอยเท้าเอาไว้ในราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ผ่านมา…

“จอน”