อุบลราชธานี - สาวใหญ่เมืองอุบลฯ ร้องผู้นำชุมชนไม่ยอมรับรองสิทธิเหตุเพราะไม่มีคนอยู่บ้านมานานกว่า 10 ปี เป็นบ้านร้าง ด้านเจ้าตัวยันขอรับสิทธิตามทะเบียนบ้าน โซเชียลลือหนักผู้นำชุมชนบางคนหักหัวคิว
11.00 น (22 ก.ย.)ที่จุดอพยพชุมชนวัดกุดคูณ อำเภอเมืองอุบลราชธานี นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ นายเอกพันธ์ บันลือฤทธิ์ พร้อมด้วยดารานักแสดงตลก กล้วยเชิญยิ้ม ยาวลูกหยี่ เดินทางมามอบเงินบริจาคของคนไทยทั้งประเทศ จำนวน 5 ชุมชน 318 ครัวเรือน เป็นจุดแรกก่อนจะเดินทางไปอีก 2 จุดในช่วง บ่ายวันนี้
สำหรับบรรยากาศภายในพื้นที่เป็นไปด้วยความอบอุ่นของจิตอาสา ภาคประชาชน ทหารที่มาคอยอำนวยความสะดวกและปรุงอาหารส่งศูนย์อพยพในพื้นที่อำเภอใกล้เคียง หลังจากที่นายบิณฑ์มาถึงได้มีการพบปะพูดคุยกับชาวบ้านถึงความอึดอัดที่ถูกกล่าวหาว่าเปิดบัญชีมาทำการฟอกเงิน เป็นไปไม่ได้ที่จะเพียงข้ามคืนที่จะมีเงินเข้ามามากมายหลายล้าน และอีกหลาหลายข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง ทั้งหมดสามารถที่จะตรวจสอบกับทางธนาคารได้มีสลิปการโอนเป็นแสนๆใบ ขณะนี้ความดีใจของตนก็ตามมาด้วยความทุกข์ แต่ความทุกข์ของตนก็หายไปด้วยความสำเร็จที่สามารถช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ซึงเป็นเงินของพี่น้องประชาชนทั้งหมดและตนก็จะไม่ยอมให้เงินใครแม้แต่บาทเดียว
ขณะที่นางประภัสสร ผลรักษ์ อายุ 44 ปี ชาวบ้านชุมชนแสนตอ เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า บิดาของตนนายกวาง เหงี่ยน อายุ อายุ 61 ปี มีบ้านพักอยู่ในชุมชนแสนตอเช่นเดียวกันกับคนอื่นแต่ได้ย่ายออกไปมีภรรยาใหม่ในอำเภอวารินชำราบ ซึ่งถูกน้ำท่วมเช่นกันแต่ก็ไม่ได้ของใช้สิทธิดังกล่าวในเขตอำเภอวารินชำราบ กลับมาใช้สิทธิขอรับเงินจำนวน 5,000 บาท ตามทะเบียนบ้านวันนี้ แต่ผู้นำชุมชนไม่ยอมรับรองให้เนื่องจากอ้างว่าไม่ได้อยู่ในชุมชนแล้ว จึงอยากจะมาสอบถามคุณบิณฑ์และทีมงานให้ชัดเจน ว่าตนมีสิทธิที่จะได้รับเงินหรือไม่
นางสาวเดือนเต็ม ดวงศรี ผู้นำชุมชนกุดแสนตอ ชี้แจงว่าหลังจากที่ได้รับการติดต่อจากทีมงานของคุณบิณฑ์แล้วได้มีการเข้าไปประชุมเพื่อรับทราบกฎกติกาของการรับเงินช่วยเหลือจากเงินบริจาคครอบครัวละ 5,000 บาท แล้วพบว่าบ้านของนายกวาง เหงี่ยน นั้นอดีตเคยพักอาศัยในชุมชนจริงแต่ได้ย้ายออกไปจากชุมชนได้หลายปีแล้ว บ้านหลังดังกล่าวจึงกลายเป็นบ้านร้างที่ไม่มีคนพักอาศัย แต่ก็ถูกน้ำท่วมจริง กรรมการชุมชนได้มีการพิจารณาร่วมกัน มีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะไม่ให้ครอบครัวของนายกวาง ซึ่งถ้าหากได้ ก็ไม่เป็นธรรมต่อคนอื่นและผู้นำชุมชนจะต้องรับผิดชอบด้วย
อย่างไรก็ตามสำหรับกรณ๊นี้ส่วนที่รับผิดชอบจะเข้ามาตรวจสอบร่วมกับผู้นำชุมชนอีกครั้งว่าจะได้รับสิทธิหรือไม่อย่างไรเนื่องจากมีหลักการที่ชัดเจนอยู่แล้ว
เมื่อช่วงค่ำวานเพจดังในอุบลได้มีการแชร์ข้อความถึงการไม่โปร่งใสของผู้นำชุมชนในบางพื้นที่ ในส่วนเรื่องการหักหัวคิวจากชาวบ้านรายละ 300-500 บาท เพื่อแลกกับการได้รับเงินบริจาค 5,000 บาท ประเด็นนี้นายเอกพันธ์ ได้ยอมรับว่ามีการกระทำดังกล่าวจริงเป็นการสมรวมกันระหว่างผู้ประสบภัยกับผู้นำชุมชนเองที่เกรงว่าจะไม่ได้รับเงิน ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่แย่มากที่ไปหักหัวคิวถามว่าเงิน 5,000 บาท มากไหมก็ไม่ถือว่ามากแต่ยังไปหักเงินชาวบ้านอีก ตอนนี้ทราบตัวผู้ที่ดำเนินการแล้วแต่ให้ทางราชการเป็นผู้ดำเนินการทีมงานไม่มีสิทธิที่จะไปจัดการอะไร โดยต่อจากนี้ไปจะมีมาตรการที่เข้มขึ้นโดยการประสานไปยังนายอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล มีการตรวจสอบเข้มงวดในเรื่องนี้เพิ่มมากขึ้นอย่าให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของคนที่เห็นแก่ได้
อย่างไรก็ตามอยากจะฝากถึงผู้ที่คิดจะทำว่า มนุษย์คนเรามี รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าสามารถตัดสิ่งเหล่านั้ออกไปได้ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น และขอให้ผู้นำชุมชนมีจิตสำนึกที่ดี นึกถึงชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเห็นใจอย่าไปเบียดเบียนเค้าเลย
เกียรติรัตน์ ชัยสกุลวงศ์ ข่าว
Cdr.Kitti42 ผู้ว่าสั่งปลดผู้นำชุมชนที่หักหัวคิวสิครับ ยังมาหาผลประโยชน์ในช่วงเวลาทุกข์ยากของชาวบ้านอีก
23 ก.ย 2562 เวลา 18.28 น.
เดชะบุญที่เป็นคุณบิณฑ์ แจก ถ้าเป็นรัฐๆ แจก จะมีฝุง 🐃 ออกมาไล่ควิดเยอะเลย และก็เห่าหอนไม่หยุด จริงๆ แล้วผู้นำชุมชนก็ได้สันดานมาจากนักการเมืองๆ ก็เอาเศษเงินมาล่อ จนกลายเป็นความเคยชิน สรุป ก็ความโลภ อยากได้แบบง่ายๆ
23 ก.ย 2562 เวลา 14.55 น.
tawechai.n ทำกันมานานช่วงทำมาหากิน เดี๋ยวตอนสำรวจจ่ายเงินหลวงเรียกอีกรอบ
23 ก.ย 2562 เวลา 14.48 น.
พันธ์ เป็นไงละคุณ บิน รู้จักคนไทยยัง
23 ก.ย 2562 เวลา 14.42 น.
Kung 🦐🦐 คนเขาบริจาคไปเขาให้ด้วยรักคนไทยด้วยกัน ถ้าผู้นำชุมชนยังหักหัวคิว น่าอายมาก อย่าเป็นเลยผู้นำชุมชน เราคนบริจาคขอให้คนโกงแบบนี้ไม่มีที่ยืนในสังคม รวมทั้งครอบครัวคุณด้วย
23 ก.ย 2562 เวลา 14.21 น.
ดูทั้งหมด