แม่สาวเบี้ยวค่าแท็กซี่ รับลูกป่วยจิต ขอโทษโชเฟอร์ ยินดีจ่ายแทน

หญิงถูกรุมด่าเบี้ยวค่าแท็กซี่ เผย รู้สึกเฉยๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะความจริงก่อนหน้าคลิป ถูกโชเฟอร์แท็กซี่ขังอยู่ในรถ ก่อนลงมาตามด่า ยืนยัน ที่ต้องด่าสวนกลับ เพราะเป็นความดัน ขณะที่แม่บังเกิดเกล้า ระบุ ลูกสาวป่วยทางจิต เพราะกินยาลดความอ้วนมานานกว่า 10 ปี

หลังเมื่อวานนี้เพจเฟซบุ๊ก “เก็บกด” ได้โพสต์คลิปวิดิโอของหญิงสาวรายหนึ่ง ลงจากรถแท็กซี่มาแล้ว แต่ไม่ยอมจ่ายเงินค่าโดยสาร จึงทำให้คนขับรถแท็กซี่ถ่ายคลิปวีดีโอเอาไว้ และพยายามเจรจาพูดคุย เพื่อให้หญิงสาวจ่ายเงิน แต่กลับถูกหญิงสาวคนดังกล่าวด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้มีการด่าทอและมีปากเสียงกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยหญิงสาวอ้างว่ากำลังโทรเรียกเพื่อนให้มารับและมาจ่ายเงินให้ แต่แล้วสุดท้ายก็เดินหนีไป

ทีมข่าวช่องวัน31 ได้พูดคุยกับนางเอิน (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี หญิงสาวในคลิป เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุ คือ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอขึ้นรถแท็กซี่จากหน้าปากซอยบ้าน มุ่งหน้าไปยังห้องพักรายวันของเจ้านาย บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสมุทรปราการ แต่ในระหว่างทางคนขับแท็กซี่ขับหลงทาง เธอจึงโทรศัพท์ไปหาเจ้านาย เพื่อให้บอกทาง แต่คนขับแท็กซี่ไม่ได้สนใจ และก็ได้ดับเครื่องรถ คล้ายคนมีอาการติดยา ก่อนลงไปจากรถเหมือนจะขังเธอไว้ จากนั้นเธอจึงตามลงมา ทำให้แท็กซี่เดินมาด่าทอตามที่ปรากฎในคลิป

ส่วนที่เธอต้องด่ากลับเป็นเพราะเธอเป็นโรคความดัน เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้จึงโต้ตอบทันที ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไรกับคลิปที่ออกมา เพราะรู้สึกเฉยๆ พร้อมยืนยันจะแจ้งความเอาเรื่องคนขับแท็กซี่ให้ถึงที่สุด

นอกจากนี้ ทีมข่าวช่องวัน ยังได้พูดคุยแม่ของนางเอิน ได้รับการเปิดเผยว่า ลูกสาวเธอมีอาการป่วยทางจิตมานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ที่เป็นหนักๆ คือช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะลูกสาวไม่ยอมกินยาต่อเนื่อง โดยสาเหตุคาดว่าน่าจะมาจากการกินยาลดความอ้วนอย่างหนักหน่วง จนมีอาการประสาทหลอน รวมไปถึงน่าจะมากจากความเครียดและซึมเศร้า จากการที่เคยท้องลูกคนที่ 3 แล้วปรากฎว่าช่วงคลอดลูกออกมานั้น ลูกกลับเสียชีวิต

โดยผู้เป็นแม่ บอกว่า ทุกวันนี้ชาวบ้านแถวนี้ เข้าใจดีว่าลูกสาวเป็นอย่างไร รวมไปถึงวินมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่ค่อยมีคนรับ เพราะว่าลูกสาวไม่ชอบจ่ายเงินให้ ตนต้องเป็นเอาเงินไปจ่ายให้อยู่บ่อยๆ ส่วนตนก็เคยโดนลูกสาวด่าว่าอยู่บ่อยครั้ง และยังเคยพูดต่อว่า “มึงไม่ใช่แม่กู” ด้วย ทุกวันนี้จึงไม่ค่อยพูดคุยกันแม้ว่าจะอยู่บ้านเดียวกันก็ตาม เพราะกลัวมีปัญหาและกลัวจะถูกด่า

ส่วนประเด็นคลิปที่ออกมานั้น ตนได้เอาไปถามลูกสาวมาแล้ว แต่ปรากฎว่าลูกสาวไม่ได้ตอบอะไร และทำท่าทีไม่สะทกสะท้านกับเรื่องที่ขึ้น ซึ่งตนเองก็เครียด อยากจะขอโทษคนขับแท็กซี่ และหากยังต้องการค่าโดยสาร ตนยินดีจะจ่ายให้แทน ซึ่งตนก็อยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือพาลูกตนไปเข้ารับการรักษาด้วย เพราะก่อนหน้านี้เคยร้องเรียนไปทางมูลนิธิแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อมา.