สุขภาพ

นอนดึก ตื่นเช้า..ทำยังไงให้ลุกได้เร็ว แถมไม่งัวเงีย

LINE TODAY
เผยแพร่ 21 พ.ค. 2562 เวลา 11.10 น.

ทุกข์หนักของคนทำงานอย่างหนึ่งก็คือการนอนดึก แต่ดันต้องตื่นแต่เช้า ฝ่ารถติดมาทำงานเนี่ยแหละ งานก็ต้องทำ นอนก็ต้องนอน ตื่นก็ยังต้องเช้าเพื่อให้เข้างานได้ทันเวลา แถมพอได้เวลาตื่น ก็ลุกไม่ไหว ง่วงงุน งัวเงียขีดสุด ไม่สดชื่น ไม่ปลอดโปร่ง กว่าจะสดใสพร้อมทำงานได้ก็ปาไปเกือบเที่ยง

จริง ๆ มันมีวิธี และไม่ยากเลยที่จะทำให้นอนดึก ตื่นเช้า แล้วยังสดชื่น ไม่งัวเงีย ลอง 4 วิธีนี้ช่วยได้..

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

1. อย่าเลื่อนนาฬิกาปลุกเด็ดขาด

ใครยังไม่รู้..ก็รู้ซะ การตั้งเวลาปลุกแล้วเลื่อนออกไปทีละ 5-10 นาที มีแต่จะทำให้ยิ่งง่วง ยิ่งงัวเงีย ยิ่งไม่สดชื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเมื่อปิดนาฬิกาแล้วนอนต่อ เราก็จะเริ่มหลับใหม่ ยังไม่ทันหลับดี 5 นาที อ้าว ! นาฬิกาปลุกอีกแล้ว แบบนี้ยิ่งเพิ่มความง่วงมากขึ้นไปอีก

วิธีที่ถูกต้องและทำให้ตื่นอย่างสดใสขึ้นก็คือ ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกเมื่อไหร่ ให้ตื่นทันที ขั้นตอนนี้ยังไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นจากเตียงก็ได้ ขอแค่ลืมตาตื่นให้ได้ก่อน จากนั้นอาจขยับร่างกายเล็กน้อย ยกแขน ยืดขาอะไรก็ว่ากันไป แต่ทริคสำคัญก็คือลองสูดหายใจเข้า-ออกลึก ๆ สัก 5-10 ครั้ง เพื่อให้สมองได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ จะทำให้ร่างกายตื่นตัวและสดชื่นขึ้น

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นอกจากการเลื่อนนาฬิกาปลุกแล้ว เสียงปลุกก็สำคัญ คนส่วนใหญ่ชอบใช้เสียงปลุกแบบฮาร์ดคอร์ เสียงเตือนภัยบ้าง เสียงกริ่งแรง ๆ บ้าง จริง ๆ แล้ว เสียงเหล่านี้ก็มีส่วนทำให้อารมณ์ยุ่งเหยิงตลอดทั้งวัน โดยนักวิจัยจากประเทศเกาหลีใต้ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการนอนหลับของมนุษย์พบว่าเสียงที่สามารถปลุกให้ตื่นนอนได้ดีและเร็วที่สุดคือ เสียงธรรมชาติ เช่น เสียงน้ำไหล เสียงนกร้อง ส่วนเสียงที่ทำให้ตื่นเร็วที่สุดกลับเป็นเสียงของแม่ หรือเสียงที่มีความหมายต่อผู้ที่กำลังนอนหลับ

ทีนี้ก็รู้แล้วนะว่าเราจะจัดการกับนาฬิกาปลุกยังไง ตั้งเสียงแบบไหนจะตื่นดี ตื่นไว แล้วก็เลิกซะที พฤติกรรมเลื่อนนาฬิกาเนี่ย ยิ่งทำให้ง่วงไปกันใหญ่

2. หลับแล้วต้องหลับให้ลึก

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ปัญหาการนอนของคนส่วนใหญ่มีอยู่ไม่กี่อย่าง เช่น นอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท ฝันบ่อย หลับไม่ค่อยลึก ฯลฯ พอตื่นก็ตื่นด้วยความไม่สดชื่น ลืมตาไม่ค่อยขึ้น หน้าตาอิดโรย หน้าคล้ำ มึนศีรษะ

อาการเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ นอนดึก ตื่นเช้าว่าแย่แล้ว แถมพ่วงด้วยการหลับไม่สนิท หลับ ๆ ตื่น ๆ เข้าไปอีก บอกเลยว่าใครไม่เคยเป็น ไม่มีวันรู้ว่าเหนื่อยล้า อ่อนใจแค่ไหน

การหลับไม่สนิท หลับไม่ลึกส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากความเครียด คิดมากไป ใช้สมองมากเกินไป ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองตลอดทั้งวัน จนมีสารอาหารในเลือดไม่พอสำหรับระบบย่อย และดูดซึมอาหารใหม่ ๆ เรียกว่าร่างกายเกิดความไม่สมดุลนั่นแหละ

ดังนั้น สิ่งที่กำจัดเป็นอย่างแรกก็คือความเครียดเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายและนอนหลับได้สนิทขึ้น โดยอาจใช้วิธีออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการทำงานของปอดและหัวใจ แต่ไม่ควรออกกำลังกายก่อนนอน เพราะจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับไปกันใหญ่

ในกรณีของคนที่คิดมาก คิดฟุ้งซ่าน หรือใช้สมองมากเกินไป เทคนิคง่าย ๆ และช่วยให้ผ่อนคลายได้มากขึ้นก็คือการหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เช่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ ฟังธรรมะ วิธีเหล่านี้ช่วยเรื่องการนอนหลับได้มาก เห็นผล และใช้ได้จริง

3. ลาขาดความฝัน

สงสัยไหม..ทำไมบางคนฝันตลอด ในขณะที่บางคนไม่ค่อยฝันหรือไม่ฝันเลย

จริง ๆ แล้วความฝันเกิดจากอะไร ยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้แน่ชัด แม้แต่บรรดานักจิตวิทยาชื่อก้องโลกยังไม่กล้าระบุชัดเจนว่าทำไมคนเราจึงฝัน ส่วนใหญ่บอกแต่เพียงว่าความฝันเป็นส่วนหนึ่งของจิตใต้สำนึกที่เต็มไปด้วยความหมายซ่อนเร้นมากมายหลากหลาย ซึ่งเอาเข้าจริงแต่ละคนก็บอกกันไปคนละทิศทางจนไม่สามารถสรุปได้ว่าความฝันเกิดจากอะไร และทำไมคนเราถึงฝันกันได้เป็นเรื่องราว

แต่สิ่งหนึ่งที่สรุปได้และชัดเจนแน่นอนก็คือ ยิ่งฝันเยอะ ฝันว่าออกแรง ฝันว่าวิ่ง ฝันบ่อยและฝันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกเหนื่อยล้ามากเท่านั้น เพราะความฝันเป็นการออกกำลังกายรูปแบบหนึ่งของเซลล์สมองและระบบประสาท เมื่อสมองและประสาทไม่ได้พักผ่อน จึงไม่แปลกที่ตื่นมาแล้วจะรู้สึกเพลีย เหมือนยังไม่ได้พัก นั่นก็เพราะสมองยังคงทำงานตลอดเวลานั่นเอง

ดังนั้นวิธีที่จะทำให้เราสดชื่น ถึงแม้จะนอนน้อยแต่นอนอย่างมีประสิทธิภาพก็คือการไม่ฝัน หลับให้สนิท ให้ลึกที่สุด ซึ่งวิธีการก็คือ อย่าเครียด ลดปริมาณการบริโภคคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และนิโคตินลง หลีกเลี่ยงการกินอาหารก่อนเข้านอน ทำสมาธิหรือสวดมนต์ก่อนนอน ที่สำคัญก็คือพอใกล้ถึงช่วงเวลานอน ควรจะทำให้สมองและจิตใจว่าง อาจใช้การฟังเพลงสบาย ๆ ก่อนนอน ก็จะช่วยให้หลับง่ายขึ้นแถมยังไม่ค่อยฝันได้ด้วย

4. พยายามปรับพฤติกรรม

อย่าทำให้การนอนดึกเป็นเรื่องปกติ ต้องไม่ลืมว่าร่างกายคนเรามีนาฬิกาชีวิต อวัยวะแต่ละส่วนในร่างกายก็มีเวลาในการทำงานและพักผ่อนด้วยเหมือนกัน ถ้าเรามัวแต่นอนดึกทุกวี่วัน ร่างกายจะรับไหวได้ยังไง

เวลาที่เราควรหลับพักผ่อนก็คืออย่างเร็วที่สุด 3 ทุ่ม และอย่างช้าที่สุดไม่ควรเกิน 5 ทุ่มหรือ 23.00 น. ใครนอนในช่วงเวลานี้คือดีมาก เป็นช่วงที่ร่างกายต้องการความอบอุ่น และเป็นช่วงเวลาที่หัวใจ ปอด กระเพาะอาหาร ม้าม ตับ ไต กระเพาะปัสสาวะ และลําไส้เล็กพร้อมปรับสมดุลในร่างกาย อุณหภูมิในร่างกายจะค่อย ๆ ลดลง เราจึงควรนอนหลับพักผ่อนในช่วงเวลานี้ที่สุด

หากเลย 5 ทุ่มไปแล้ว แปลว่าคุณนอนดึก และร่างกายไม่ได้ถูกปรับสมดุลใด ๆ ทั้งสิ้น แม้จะเป็นการนอนดึกตื่นสายก็ตาม เพราะอวัยวะทุกส่วนในร่างกายมีเวลาทำงานและพักผ่อนต่างกัน การจะบอกว่านอนเยอะ นอนครบ 8 ชม. แต่นอนตีสามก็ไม่ได้ทำให้ร่างกายสดชื่น พร้อมทำงานหรือมีผลดีต่อร่างกายแต่อย่างใด

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือ การค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าเป็นคนที่นอนดึกมาก ๆ ก็ต้องพยายามนอนให้ไวขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะลุยงานต่อไป

4 วิธีนี้เป็นวิธีการที่จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าไม่ได้ถูกนำไปใช้ บางอย่างเป็นเรื่องที่เราก็รู้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดจะทำ เพราะฉะนั้นแค่ ‘ทำ’ ซะทีก็แค่นั้นเอง

ความเห็น 30
  • สธน 36
    ฝันดีครับทุกคน
    21 พ.ค. 2562 เวลา 14.24 น.
  • 💖💕Wilawan Poo💕💖
    ฝันดีค่ะ
    21 พ.ค. 2562 เวลา 14.41 น.
  • Free man
    ราตรีสวัสดิ์ พี่น้องชาวไทย....
    21 พ.ค. 2562 เวลา 14.27 น.
  • พงษ์
    อากาศร้อนจังเยยย!!(รอฝนอยู่)น๊ะจ๊ะๆๆ
    21 พ.ค. 2562 เวลา 14.52 น.
  • tong777
    23:00 น .กรู เพิ่งเลิกงานถึงบ้าน
    21 พ.ค. 2562 เวลา 16.30 น.
ดูทั้งหมด