ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองฯ เลกสอง เมื่อคืนวันพุธที่ 17 เมษายนที่ผ่านมายิงกันกระจาย ลิเวอร์พูล บุกไปถล่ม ปอร์โต้ ถึงบ้าน 4-1 ทั้งที่มีโอกาสน้อยนิด ส่วนอีกคู่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรังเชือด ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แบบสุดมันส์และมีดราม่าท้ายเกม 4-3 แต่ตกรอบด้วยกฎอะเวย์โกล นี่คือสถิติและเกร็ดที่น่าสนใจหลังเกมทั้งสองสนาม
ปอร์โต้ 1-4 ลิเวอร์พูล
– ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรจากอังกฤษทีมล่าสุดที่ผ่านเข้าสู่รอบรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สองซีซั่นติด ต่อจาก เชลซี กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำได้สามซีซั่นติด ช่วงระหว่างฤดูกาล 2006-07 ถึง 2008-09
– ปอร์โต้ มีโอกาสยิงมากถึง 15 ครั้งในช่วงครึ่งแรก ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดในเกมครึ่งแรกของศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้
– นับตั้งแต่ฤดูกาล 2017-18 เป็นต้นมา สามประสานแดนหน้า “หงส์แดง” (มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่) ทำประตูในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปคนละ 14 ลูกเท่ากัน
– ซาดิโอ มาเน่ กองหน้า ลิเวอร์พูล ทำไปแล้ว 10 ประตูในรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งในบรรดานักเตะแอฟริกัน เขาทำได้เทียบเท่ากับ ซามูเอล เอโต้ (10) และเป็นรองแค่ ดีดิเยร์ ดร็อกบา (14) เพียงคนเดียวเท่านั้น
– มาเน่ ยังเป็นนักเตะคนแรกของ ลิเวอร์พูล ที่ทำได้ถึง 10 ประตูในรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก
– ปอร์โต้ เป็นฝ่ายตกรอบ 6 จาก 7 ครั้งหลังสุดที่เข้ามาถึงรอบก่อนรองฯ แชมเปี้ยนส์ ลีก / ยูโรเปี้ยน คัพ ซึ่งรวมถึงสามครั้งหลังสุดในฤดูกาล 2008-09 (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด), 2014-15 (บาเยิร์น มิวนิค) และ 2018-19 (ลิเวอร์พูล)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
– นี่คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่มีการทำถึง 5 ประตู ภายใน 21 นาทีแรกของเกม
– สเปอร์ส ทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 57 ปี และถือเป็นครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่รายการนี้เปลี่ยนชื่อจาก ยูโรเปี้ยน คัพ และ แชมเปี้ยนส์ ลีก
– นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อรายการมาเป็น แชมเปี้ยนส์ ลีก สเปอร์ส ถือเป็นสโมสรจากอังกฤษรายที่ 7 ที่เข้าถึงรอบตัดเชือก ต่อจาก ลิเวอร์พูล, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี, อาร์เซน่อล, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
– ซน ฮึง-มิน ดาวเตะ สเปอร์ส ทำไปแล้ว 12 ประตู ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งถือว่ามากสุดในบรรดานักเตะเอเชีย
– สเปอร์ส ผ่านเข้าไปชนกับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในรอบรองฯ ซึ่งในทีมตอนนี้ของพวกเขามีอดีตแข้ง อาแจ็กซ์ ถึง 4 คน ได้แก่ แยน แฟร์ต็องเก้น, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, คริสเตียน อีริคเซ่น และ ดาวิซอน ซานเชซ
– ฤดูกาลนี้ ราฮีม สเตอร์ลิง กองหน้าฟอร์มฮอต แมนฯ ซิตี้ มีส่วนร่วมในการได้ประตูถึง 26 ลูก (ยิง 19 แอสซิสต์ 7) จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 20 นัดที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม
– เกมนี้ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพ “เรือใบสีฟ้า” ทำได้ถึง 3 แอสซิสต์ ซึ่งถือเป็นผู้เล่นคนที่สี่ในศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลนี้ ที่ทำได้ 3 แอสซิสต์ในเกมเดียว ต่อจาก จอร์ดี้ อัลบา (บาร์เซโลน่า) อัคราฟ ฮาคิมี่ (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์) และ ลีรอย ซาเน่ (แมนฯ ซิตี้)
– 7 ประตูหลังสุดของ แมนฯ ซิตี้ มี เดอ บรอยน์ เป็นคนทำแอสซิสต์ถึง 5 ประตู ทั้งที่ 146 ประตูก่อนหน้าในฤดูกาลนี้ เดอ บรอยน์ มีส่วนเป็นคนแอสซิสต์แค่ 3 ประตูเท่านั้น
– เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังไม่สามารถพา แมนฯ ซิตี้ เข้าถึงรอบรองฯ ถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ หลังจากที่อยู่กับทีมมา 3 ซีซั่น (2016-17 : ตกรอบ 16 ทีม, 2017/18 : ตกรอบก่อนรองฯ และ 2018/19 : ตกรอบก่อนรองฯ)
– แม้เป็นฝ่ายตกรอบ แต่ กวาร์ดิโอล่า ทำสถิติเป็นกุนซือที่เอาชนะสโมสรจากอังกฤษมากสุดในประวัติศาสตร์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จำนวน 10 ครั้ง
Ned เป็ปทำทีมดีนะแต่ไม่ค่อยถูกโฉลกกับถ้วยนี้ จอดก่อนประจำ ส่วน liv ถูกโฉลกกับถ้วยนี้มาก ทั้ง โชค และฝีมือ ปีนี้ขอให้ได้ให้โดนซะที สะกิด บาซ่า ร่วงซักทีจะได้ นำพาอังกฤษ เฉิดฉายกับเขาบ้าง รอมานาน ถ้วยอยู่สเปน มานานละ
18 เม.ย. 2562 เวลา 03.30 น.
Country Boy นัดชิง อยากเห็นศึกของสัตว์ปีก น่าจะมันหยด
18 เม.ย. 2562 เวลา 03.52 น.
Akaradech Na Tumban ซวยแล้วหงแมนซิตกรอบ เปลี่ยนโมทตกมันในลีคแน่นอน555
18 เม.ย. 2562 เวลา 03.32 น.
ดูทั้งหมด