เปิดใจเจ้าของเพชร ยันค้าขายในเมืองไทยกว่า 20 ปี

จากกรณีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ก่อเหตุวิ่งราวเพชร 10 กะรัต มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ของนายวีกี้ ไวบัส อายุ 44 ปี นายหน้าค้าเพชรชาวอินเดีย ที่มาจ้างคนร้ายเจียรไนเพชรเม็ดดังกล่าวให้ที่อาคารพาณิชย์เลขที่ 426/2-3 ซอยสองพระ ถนนสี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กทม. ซึ่งคนร้ายได้ออกอุบายนำเพชรไปส่องกับแสงแดดหน้าร้านก่อนจะวิ่งไปขึ้นรถจยย.เพื่อนคนร้ายเร่งเครื่องหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 มีรายงานว่า เบื้องต้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ รถจยย.คันที่คาดว่า จะเป็นคันเดียวกับรถจยย. ที่ก่อเหตุ บริเวณถนนรองเมือง เขตปทุมวัน เป็นรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จึงประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน นำไปตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้าย หลังจากนั้นจึงจะตรวจสอบเลขตัวถังรถว่า มีการแจ้งหายไว้หรือไม่

ขณะที่นายเจน หรือวีกี้ ไวบัส อายุ 44 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนเป็นคนอินเดีย เดินทางจากบ้านเกิดมาอยู่เมืองไทย ประมาณ 20 ปี เป็นพ่อค้านายหน้าขายเพชร โดยรู้จักกับ นายเอ (คนร้าย) ผ่านทางนายหน้าคนไทยอีกคน ซึ่งพูดคุยกับ นายเอ มาประมาณ 10 กว่าวัน เคยมาที่ร้านเกิดเหตุเจอหน้ากัน 2-3 ครั้ง และนายเอโทรศัพท์มาคุยกับตนตลอดเรื่องการซื้อขายเพชรดังกล่าว จนเริ่มสร้างความเชื่อใจระดับหนึ่ง กระทั่งวันเกิดเหตุ ตนและเพื่อนคนไทยจึงนำแหวนเพชร 10 กะรัต จำนวน 1 วง ติดตัวมาเพื่อตกลงซื้อขายกัน

นายเจน หรือวีกี้ กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับคนร้ายที่ขโมยเพชร ในวันเกิดเหตุ ตนและนายหน้าค้าเพชร 2-3 คน ที่รู้จักกันไม่นาน ได้นั่งอยู่ในร้านซึ่งเป็นห้องแถว 5 ชั้น 2 คูหา เดิมเป็นบริษัท เหงฟง อินเตอร์เนชั่นแนล เทรดดิ้ง แต่ปัจจุบันเลิกกิจการ และแบ่งพื้นที่ให้เช่าด้านล่าง 1 คูหา ต่อมา นายเอ ซึ่งติดต่อซื้อเพชรเข้ามาพูดคุยกันภายในร้าน ระหว่างตรวจดูเพชร นายเอ ได้ขอนำเพชรออกไปดูข้างนอก ตนไม่ยอม แต่ก็ถูกนายหน้าพูดจาโน้มน้าวลักษณะบังคับ ทำให้ตนยินยอมนำเพชรออกไปดูข้างนอก ก่อนจะถูกล็อกอยู่ในห้อง โดยนายเอ ได้ขึ้นรถจยย.หลบหนีไป ตนจึงทุบกระจกประตูออกมา จนได้รับบาดเจ็บถูกกระจกบาดที่แขนซ้าย ซึ่งไม่เคยทราบมาก่อนว่า นายเอ เพิ่งติดต่อขอเช่าสถานที่เกิดเหตุได้ไม่นาน หลังจากนั้นพยายามโทรศัพท์ไปหา นายเอ แต่ก็ติดต่อไม่ได้

เจ้าของเพชร 10 กะรัตชาวอินเดียว บอกอีกว่า เพชรดังกล่าวนี้อยู่ในประเทศไทยนานแล้ว ซึ่งตนซื้อมาจากคนไทยคนหนึ่งในราคา 10 ล้านบาท โดยจ่ายเป็นเงินสด และถ้านำไปขายในท้องตลาด จะมีราคามากกว่า 10 ล้านบาท และเพชรดังกล่าวตนไม่ได้ทำประกันไว้ จะมีส่วนร่วมกับกลุ่มคนร้ายได้อย่างไร ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายวันนี้ (13ธ.ค.) จะเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีอีกด้วย.

อ่านเพิ่มเติม ศาลอนุมัติหมายจับ 2 คนร้ายชิงเพชร 10 ล้าน