SMEs-การเกษตร

ชมพู่น้ำดอกไม้ ไม้ผลโบราณของไทย หอม หวาน กรอบ สร้างอาชีพ สร้างรายได้

เทคโนโลยีชาวบ้าน
อัพเดต 05 ก.ค. เวลา 04.58 น. • เผยแพร่ 05 ก.ค. เวลา 04.58 น.

แวะมาเยี่ยมมาเยือน สวนลัคกี้ฮิลล์ ป่าละอู จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ป่าละอู มีภูมิอากาศค่อนข้างดี ฝนตกบ่อย และพิเศษไปกว่านั้นคือ มีละอองหมอกมากในหน้าฝนที่ยาวนาน หรือคำพังเพยที่ว่า ฝนแปดแดดสี่ เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งปลูกผลไม้ เช่น ชมพู่น้ำดอกไม้ ที่ทางสวนคือ คุณวันเพ็ญ ยุทธารักษ์ ได้ปลูกไว้700 กว่าต้น ในเนื้อที่กว่า 50 ไร่ ทำเป็นสวนผสม แบ่งแปลงปลูกชมพู่ เป็น 5 แปลงใหญ่ กระจายในพื้นที่ มีทั้งทุเรียนสายพันธุ์ต่างๆ กว่ายี่สิบสายพันธุ์ มะยงชิด รวมทั้งผลไม้แปลกๆ เช่น ละมุดสาลี่ยักษ์ มะม่วงยักษ์โชคไพบูลย์ เงาะ ลองกอง มังคุด และเลม่อน

คิดอย่างไร ถึงมาอนุรักษ์ ชมพู่น้ำดอกไม้ และนำมาต่อยอดเป็นธุรกิจ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

คุณวันเพ็ญ ยุทธารักษ์ กล่าวว่า เดิมได้ปลูกชมพู่น้ำดอกไม้ที่สวนใน จ.ปราจีนบุรี ปลูกแล้วมีความชอบเป็นการส่วนตัว คิดที่จะขยายการปลูก และคิดว่าปลูกชมพู่น้ำดอกไม้แล้วตลาดจะต้องไปได้ดี จึงขยายและย้ายมาปลูกเพิ่มที่ป่าละอู เพราะพอมีที่ดินอยู่บ้าง ชอบดินฟ้าอากาศที่บริสุทธิ์ของที่นี่ ปรากฏว่าได้ผลดีเกินคาด เหมือนกับที่ปราจีนบุรี ชมพู่น้ำดอกไม้ เป็นชมพู่พันธุ์ดั้งเดิมของไทย หน้าตาแปลกๆ มองผ่านนึกว่าเป็นลูกจันทน์และคล้ายลูกพลับ แต่มีมงกุฎ หรือกลีบเลี้ยงคล้ายมังคุดตรงก้น พอกัดแล้วมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นดอกนมแมว ส่วนรสชาติหวานกว่าชมพู่ทั่วไป เนื้อมีความคล้ายชมพู่มะเหมี่ยว ชมพู่น้ำดอกไม้เป็นไม้ผลโบราณมากและหายาก แต่ตอนนี้กระแสเริ่มมา ราคาเริ่มดี เพราะเป็นผลไม้ที่มีทั้งสรรพคุณทางยาและคุณค่าทางอาหารสูง

ชมพู่น้ำดอกไม้ เป็นผลไม้ไทยโบราณที่นับวันจะหายากมากขึ้นเรื่อยๆ ผลสุกมีกลิ่นหอมแบบดอกกุหลาบ โตไวและเลี้ยงง่าย ผลไม้เก่าแก่ชนิดนี้กำลังจะสูญหายไปกับกาลเวลา คงถึงเวลาที่เราต้องเร่งอนุรักษ์กัน ด้วยรูปทรงที่สวยงาม สีสันของผล ความหวาน กรอบ และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว นอกจากรสชาติแล้ว ยังปลูกง่าย โตเร็ว ให้ผลผลิตเร็ว เพียง 2-2 ปีครึ่ง ก็ให้ผลผลิตแล้ว ปลูกได้ง่าย เป็นทั้งไม้ผลและไม้ประดับที่ให้ร่มเงา สร้างรายได้เร็ว ผลเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน เหมาะสำหรับเป็น ผลไม้ที่ขายทางออนไลน์ โดยผลไม่ช้ำง่าย เหมาะสำหรับการทำธุรกิจสวนไม้ผลในภาวะปัจจุบัน สร้างรายได้จากสวนถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ส่งทั่วประเทศไทย

และอีกอย่างหนึ่ง เป็นเพราะว่ารสชาติโบราณที่ถูกปากคนไทย เป็นผลไม้ที่มีรสหวาน กรอบ (หวานกว่าชมพู่ทั่วไป) ชิมแล้วบอกต่อ ที่สำคัญก็คือ เป็นผลไม้ปลูกแบบธรรมชาติจริงๆ ไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเคมี ใช้แค่ปุ๋ยคอกและน้ำหมักชีวภาพก็เพียงพอแล้ว ซึ่งที่สวนได้ทดลองทำน้ำหมักขึ้นมาเอง ซึ่งก็ได้ผลค่อนข้างดีมาก เพราะไม้ผลชนิดนี้มาจากป่าธรรมชาติ การปลูกเลียนแบบธรรมชาติก็ได้ผลดีเช่นกัน

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การนำมาปลูกเป็นธุรกิจ หรือสวนไม้ผลนั้น การดูแลก็ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการกำจัดวัชพืชก็ง่ายขึ้น เป็นการบริหารจัดการที่แบ่งพื้นที่บางส่วน ประมาณ 50 ไร่ ในการปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยวเชิงธรรมชาติ และทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปด้วย เป็นผลไม้ที่มีราคาดี สร้างรายได้ให้กับสวนได้เป็นอย่างดี

ความสวยที่กินได้ ลักษณะของผลเป็นลักษณะกลมแบนนั้น มีรสหวาน หอมอ่อนๆ ด้วยรูปทรงที่สวยงาม แปลกตาจากชมพู่ทั่วไป ทำให้เป็นที่สนใจของผู้บริโภค โดยเฉพาะคนไทยชอบกลิ่นหอมแบบนี้มาก

การปลูกชมพู่น้ำดอกไม้ กว่าจะถึงวันนี้ทางคุณวันเพ็ญได้ลองผิดลองถูกเรื่องของการปลูก การให้ปุ๋ย โดยเฉพาะการปลูกแบบธรรมชาติปลอดสารนั้นเหมือนโจทย์ใหญ่ ทำให้การศึกษาเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด มีโจทย์ให้เราได้ค้นหาอยู่ตลอด โดยเฉพาะเรื่องของการให้ปุ๋ยเพื่อให้ลูกดก และมีรสหวาน รักษาความสมดุลของดิน หรือเรียกว่าค่า ความเป็นกรดด่าง ถ้าเกิดความสมดุล ก็แทบจะไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง และคงความดกไว้ ทำให้ผลผลิตที่ได้เกินคุ้ม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

คุณวันเพ็ญ กล่าวว่า “อยากจะอนุรักษ์ผลไม้พื้นเมืองของไทยและแถบเอเชียใต้ โดยเฉพาะในบ้านเรา ซึ่งหากินยาก แต่ปลูกง่าย ความสวยที่กินได้ ให้ทั้งร่มเงาและปลูกประดับบ้านก็ได้ สำหรับท่านที่มีพื้นที่น้อยก็สามารถปลูกเป็นไม้ประดับแบบร่มเงา ยังมีผลไม้แบบปลอดสารให้รับประทานเองที่บ้านอีกด้วย”

ชมพู่น้ำดอกไม้ เป็นผลไม้เก่าแก่กว่าชมพู่ทรงยาวทั่วไปอย่างบ้านเรา ชมพู่น้ำดอกไม้มี 2 สี สีแดง และสีเหลือง แต่พันธุ์ในบ้านเรามีสีเหลืองอมเขียว มีกลิ่นหอม…สีเหลืองสืบสายพันธุ์จากมาเลเซีย อินโดนีเซีย แต่ก็ขึ้นงอกงามได้ทั่วไปในป่าราบในบ้านเรา รสชาติจะหวาน ถ้ายังไม่แก่จัด ก็จะติดรสฝาดนิดๆ ถ้าแก่จัดจะหวาน กรอบ ให้ผลดกมาก ในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤษภาคม ถือว่าเป็นฤดูกาลหลักของชมพู่ นอกนั้นก็จะให้ผลผลิตประปราย มีให้กินเรื่อยๆ ทั้งปี

ส่วนสายพันธุ์สีแดง ได้แหล่งต้นพันธุ์มาจากแหล่งที่ปลูกทั่วๆ ไปในเมืองไทย ก็นำเมล็ดมาเพาะ และค้นพบได้ว่าสีแดงม่วงจะพบได้ทั่วไปทุกภาคในประเทศไทย เป็นไม้ยืนต้นสูงได้ถึงราวๆ 20 เมตร

การตลาด และการขาย

ที่สวน ผลผลิตเฉลี่ย 700 ต้น ในเนื้อที่สวนผสม ประมาณ 50 ไร่ เฉลี่ยผลผลิตได้ประมาณ 3-4 ตัน ต้นที่มีอายุ 2 ปีขึ้นไป เฉลี่ยเก็บได้ ประมาณ 3-5 กิโลกรัม ต่อต้น ต้นที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป เก็บได้ทั้งหมด 25 กิโลกรัม ต่อต้น โดยสุกไล่เลี่ยกัน การทำสวนชมพู่น้ำดอกไม้เหมือนเป็นการศึกษาเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด ที่สวนปลูกพันธุ์สีแดงและสีเหลือง เรื่องของการบำรุงต้นที่สวนได้ทำน้ำหมักด้วยตนเอง โดยได้ลองผิดลองถูกมาจนได้น้ำหมักชีวภาพที่ทำให้ชมพู่เติบโตได้ค่อนข้างดี

ผลผลิตออกมามากในเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม ต้นชมพู่ 700 ต้น เฉลี่ยทั้งสวนจะได้ผลผลิตประมาณ 4 ตัน ปัจจุบัน การตลาดในยุคนี้ส่วนมากขายทางออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ราคาต้นทุนจากสวน 150-200 บาท ถ้าคัดเกรดดับเบิ้ลเอ จะอยู่ที่กิโลกรัมละ 600 บาท (น้ำหนักต่อลูก ประมาณ 100 กรัมขึ้นไป) แต่ก็จะมีจำนวนไม่มาก ส่วนมากจะสั่งซื้อจากลูกค้า จากห้างใหญ่ที่ขายของเกรดพรีเมี่ยม

การห่อผล

จำเป็นมาก ในกรณีที่ปลูกแบบธรรมชาติปลอดสารพิษ แต่ก็มีบ้างที่มีแมลงวันทองมาเจาะวางไข่ พอแก่จัดเราจะเก็บเกี่ยวก็สร้างความเสียหายให้แก่สวนไม่น้อยเหมือนกัน การห่อผลที่ดีห่อด้วยถุงพลาสติกใส่ของใช้ทั่วไป หรือเรียกว่าถุงก๊อบแก๊บ จะได้ผลดีกว่าอย่างอื่นและต้นทุนต่ำด้วย การห่อผลยังทำให้ผิวเรียบเนียน และสีสวยงามอีกด้วย

วิธีการปลูก และการขยายพันธุ์

ชมพู่น้ำดอกไม้ ทำได้ 2 วิธี คือ ใช้เมล็ด และกิ่งตอน

การปลูก ขุดดินให้ลึก กว้าง 50 เซนติเมตร แล้วนำเมล็ดหรือกิ่งตอนของชมพู่ลงปลูก เกลี่ยดินกลบ แล้วใช้ฟางข้าวปิดโคนต้นเพื่อช่วยเก็บความชื้น รดน้ำ 2 วัน ต่อครั้ง เมื่อปลูกแล้ว (ถ้าเป็นกิ่งตอน) ให้ทำไม้ปักยึดผูกกับต้น เพื่อป้องกันการโค่นล้ม โดนลม ป้องกันไม่ให้เฉา ควรปลูกใกล้คลอง เพราะชมพู่น้ำดอกไม้เป็นไม้ผลที่ชอบน้ำ ชมพู่น้ำดอกไม้จะเริ่มออกผลปลายฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนพฤษภาคม ระยะห่าง 4×4 เมตร การดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลง เพียงแต่ห่อผลด้วยถุงพลาสติก เพื่อป้องกันนก กระรอก และแมลง รบกวนเท่านั้น

ชมพู่น้ำดอกไม้ปลูกง่าย โตไว ให้ผลได้ภายใน 2 ปี

ลักษณะใบ จะเรียวยาวคล้ายใบมะม่วงขนาดเล็ก ผลคล้ายลูกจันทน์ เมื่อสุกมีกลิ่นหอมคล้ายดอกนมแมว ถ้าปลูกไว้ห่างจากบ้าน ประมาณ 2 เมตร จะได้กลิ่นหอมชื่นใจของดอกชมพู่ ผลมีน้ำหนัก ประมาณ 60-80 กรัม ถ้าบำรุงต้นดีๆ ก็จะให้ลูกโตถึง 100 กรัม หรือขนาดเท่าๆ กับลูกมังคุด ความหวาน 16 องศาบริกซ์ (หวานกว่าชมพู่ทุกชนิด) เนื้อกรอบ แต่ถ้าปล่อยให้สุกงอมมากเนื้อจะนุ่มน่ากิน

มารู้จักที่มาของชมพู่น้ำดอกไม้

ชื่อวิทยาศาสตร์ Syzygium jambos (L.) Alston จัดอยู่ในวงศ์ชมพู่ (MYRTACEAE)[1] ชมพู่น้ำดอกไม้ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า มะชมพู่ มะน้ำหอม (พายัพ), ชมพู่น้ำ ฝรั่งน้ำ (ภาคใต้), มะห้าคอกลอก (แม่ฮ่องสอน), มซามุด มะซามุต (น่าน), ยามูปะนาวา (มลายู-ยะลา)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เป็นชมพู่พันธุ์ดั้งเดิมของไทย มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคอินโด-มาลายัน ในประเทศไทยพบได้ทั่วทุกภาค โดยจัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง เช่นเดียวกับชมพู่แดง มีความสูงของต้น ประมาณ 10 เมตร เปลือกต้นค่อนข้างเรียบ เป็นสีน้ำตาล ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความชื้นพอเหมาะ ชอบแสงแดดส่องถึงแบบเต็มวัน ในปัจจุบันมีสายพันธุ์หลักอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ที่มาจากประเทศไทย ผลจะเป็นสีเหลืองและพันธุ์ที่มาจากประเทศมาเลเซีย ผลจะเป็นสีแดง โดยจะให้ผลหลังการปลูกประมาณ 2 ปี มักขึ้นตามป่าราบทั่วไป พบปลูกกันบ้างตามสวนเพื่อเก็บไว้กินหรือขายเป็นสินค้า

สรรพคุณทางยา ชมพู่น้ำดอกไม้ เป็นทั้งยาสมุนไพร เช่น

ใบ และ เปลือกของลำต้น ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ

เมล็ด ใช้ในการป้องกันโรคท้องร่วง โรคบิด และโรคหวัด แก้เบาหวานและแก้ท้องเสีย

ผล ใช้ปรุงเป็นยาหอม ชูกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ลม

ชมพู่น้ำดอกไม้ อุดมด้วยวิตามินมากมาย ตั้งแต่ วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 3 วิตามินซี มีแคลเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส และสังกะสี ที่สำคัญคือ ลดคอเลสเตอรอล (อ้างอิง พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ และคณะ. ทรัพยากรพืชในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2 : ไม้ผลและไม้ผลเคี้ยวมัน. กทม. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย. 2544. หน้า 412-414, https://medthai.com)

สมมุติฐานของการตั้งชื่อ “ชมพู่น้ำดอกไม้” ก็คงมาจากกลิ่น เพราะมีผลที่กินได้ มีกลิ่นหอม ถึงไม่แรงมากแต่กลิ่นแตกต่างกับผลไม้ทั่วไป ที่มีกลิ่นหอม สมัยโบราณน่าจะนำมากินเพื่อให้มีกลิ่นปากที่หอมจากภูมิปัญญาชาวบ้านในสมัยโบราณ

การปลูกชมพู่น้ำดอกไม้ นอกจากเป็นการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ซึ่งเป็นเหมือนต้นไม้โบราณของไทยไม่ให้สูญพันธุ์ไป ยังสร้างรายได้ค่อนข้างดี เป็นผลไม้ที่เป็นทางเลือกของเกษตรกร นอกจากผลที่มีรสชาติหวานและกลิ่นหอมเฉพาะตัวแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพร และสารอาหารต่างๆ มากมาย

ด้วยเหตุนี้ ชมพู่น้ำดอกไม้ จึงยังเป็นที่ต้องการของตลาดและสามารถขายได้ราคาดีมากกว่าผลไม้อีกหลายๆ ชนิด เพราะฉะนั้นการปลูกต้นชมพู่น้ำดอกไม้จึงน่าสนใจ และทางคุณวันเพ็ญจึงเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกไม้ผลชนิดนี้ ทั้งเพื่อเป็นการอนุรักษ์และเป็นทั้งการค้าที่สร้างรายได้ให้แก่สวนไม่น้อยเลยทีเดียว

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณวันเพ็ญ ยุทธารักษ์ สวนลัคกี้ฮิลล์ เลขที่ 66 หมู่ที่ 1 ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110 เบอร์โทร. 092-805-8689

เผยแพร่ครั้งแรก วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2564

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ชมพู่น้ำดอกไม้ ไม้ผลโบราณของไทย หอม หวาน กรอบ สร้างอาชีพ สร้างรายได้

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.technologychaoban.com

ดูข่าวต้นฉบับ
ความเห็น 2
  • 🐈pu🐈
    อนุรักษ์ไว้เยอะๆเลยค่ะ เพิ่งรู้จักหน้าตาก็จากข่าวนี้เลยเนี่ย ใครมีพื้นที่เยอะน่าจะเอาไปปลูกนะ
    29 ก.ค. 2564 เวลา 04.15 น.
  • ผมไม่สนับสนุนพวกสวนผลไม้ที่ไปเบียดเบียนพื้นที่ป่าน่ะครับ
    24 ม.ค. 2566 เวลา 05.50 น.
ดูทั้งหมด