"บิ๊กตู่"โต้ไม่จริงทำศก.พังแล้วมาขอกู้เงิน แจงถ้าไม่มีโควิดเข้ามาก็คงไม่มากู้ ย้ำยังบริหารหนี้สาธารณะได้ ชี้มีหลายป.ตรวจสอบทุจริต ลั่นรัฐบาลนี้ไม่แก้ปัญหาแบบมักง่าย ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ทางการเมือง
เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 30 พฤษภาคม 2563 ที่อาคารรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงในอภิปรายพ.ร.ก.กู้เงิน ในวันที่ 4 ว่า ตนได้ฟังการอภิปราย 3 วันที่ผ่านมาก็ได้ยินที่กล่าวกันว่ารัฐบาลทำเศรษฐกิจพังแล้วจำเป็นต้องมากู้เงิน ยืนยันว่าไม่ใช่ ซึ่งหากมองด้วยความเป็นธรรมก็จะเห็นว่าเศรษฐกิจของเราก็อยู่ในระดับนี้มาแล้ว แต่ก็ฟื้นฟูได้ในระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ให้ดีกว่าก่อนหน้านั้นมามากพอสมควร หากย้อน 5 หรือ 10 ปีสถานการณ์ก็เป็นคนละแบบ แต่เราก็พยายามทำเต็มที่ในการดูแลเศรษฐกิจ ขณะที่หนี้สาธารณะก็อยู่ในเกณฑ์ที่บริหารต่อได้ และเราสามารถกู้เงินได้ในวันนี้ ซึ่งเป็นความเชื่อมั่นหรือระบบการเงินของเราเข้มแข็ง เพราะตัวเลขหนี้สาธารณะของเราอยู่ในเกณฑ์ต่ำ 41 เปอร์เซ็น
ทั้งนี้ หนี้สาธารณะเกิดจากการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อกู้เงินมาลงทุน ซึ่งก่อนหน้านั้นการลงทุนอยู่ในอัตราส่วนที่น้อยมาก ขณะที่ GDP รายได้ของประเทศก็ใช้จ่ายในส่วนที่เป็นภารกิจหลักเป็นส่วนใหญ่ ในการดูแลประชาชนการชดเชยรายได้หรือในส่วนของคนพิการและกลุ่มบาง ซึ่งมีความจำเป็น ดังนั้นพอประมาณในการลงทุนก็จำเป็นต้องหามาใหม่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้หลายคนคงทราบดีอยู่แล้ว เพราะหลายคนก็ติดเก่งกว่าตนแน่นอนคนที่อยู่ในห้องนี้ เพราะทุกคนก็อยู่ในการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ในด้านเศรษฐกิจย้ำว่ารัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่ ทำในการลงทุนเพื่ออนาคต เช่น อีอีซี ถนน และรถไฟฟ้าตามขีดความสามารถที่เราทำได้ ซึ่งเราก็ต้องดูว่าถ้ากู้เงินมากไปตัวเลขหนี้สาธารณะก็จะสูงขึ้นก็จะหาวิธีการในการลงทุนใหม่ได้อย่างไร ซึ่งหลายอย่างก็เกิดขึ้น ในเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่มองว่าสูงนั้นต้องยอมรับว่าวันนี้โลกเปลี่ยนไปและเราก็ไม่สามารถไปจำกัดคนที่มีรายได้น้อยเพราะทุกคนก็อยากจะได้อยากจะมีเหมือนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตามจำนวนเงินกู้ที่ผ่านมาตนพูดถึงในสถานการณ์ปกติ แต่เมื่อสถานการณ์โลกในวันนี้เป็นแบบนี้ มีสงครามทางการค้าก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก แต่เราพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ปัญหา จะเห็นว่าตัวเลขขึ้นๆลงๆตามลำดับ ไม่มีประเทศไหนที่ทำให้พุ่งปรี๊ดได้ ซึ่งประเทศเราเป็นประเทศประชาธิปไตย ต้องรับฟังทุกฝ่ายรวมทั้งฟังสภาฯ
"จากสถานการณ์ที่ผ่านมา ถ้าไม่มีโควิดเข้ามาก็คงไม่มากู้กันตรงนี้หรอกครับ นี่มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วน ถ้าเอาอันนู้นมาพันอันนี้ก็พันกันทั้งวัน อธิบายเท่าไหร่ก็ไม่จบ ดังนั้นก็ต้องมาดูว่าวันนี้เราหารือกันเรื่องพรก.กู้เงิน 1 ล้านล้าน หลายคนก็ยังพูดกลับไปกลับมาว่ากู้เงิน 1.9 ล้านล้าน ผมได้ยินพูดมา 5-6 ครั้งแล้วท่านไม่ฟังหรือไม่สนใจจะฟังก็ไม่ทราบเหมือนกันผมเกรงบางคนจะไม่เข้าใจ ผมจึงจำเป็นต้องพูดตรงนี้เพื่อไม่ให้คนเข้าใจผิดกันต่อไปเรื่องการกู้เงิน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือวันนี้ต้องมาดูผู้เดือดร้อนจากโควิดคืออะไร โดยต้องดูแลและเยียวยาอย่างเร่งด่วนเช่นกรณีที่ปิดกิจการ 3 เดือน เยียวยา 5,000 บาท และไปสู่เรื่องการปลดล็อคระยะที่ 3 ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ยากของตน และศบค. เพราะต้องชั่งน้ำหนักความปลอดภัยสาธารณสุขด้วย อย่างไรก็ตามถ้ากู้เงินไม่ได้หรือช้าหลายอย่างก็พังตามกันทั้งหมด ยืนยันว่าสถานการณ์ในประเทศเรื่องระบบการเงินการคลังของเราเข้มแข็งมาก กองทุนสำรองระหว่างประเทศก็สูง
"ผมอาจจะไม่เก่งเท่าท่านผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมาก่อน แต่ผมมีคนเก่งของผม มีรัฐมนตรีและมีรองนายกฯของผม ช่วยกันทำงานทั้งหมด และข้อสำคัญความจริงใจในการแก้ปัญหา ผมไม่แก้ปัญหาแบบมักง่ายหรือง่ายๆไป ผมว่ามันไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องในเวลานี้และในอนาคตด้วยดังนั้นผมจึงอยากเปลี่ยนให้ทุกท่านทราบว่าเราจำเป็นต้องร่วมมือกันได้ไหมในสถานการณ์พิเศษตรงนี้ ถ้าไม่เห็นด้วยหรือค้านกันทุกเรื่องก็ไปไม่ได้สักอัน ปัญหาก็แก้ไม่ได้ปัญหาใหม่ก็พอๆเข้ามาแล้วผมถามว่าประเทศไทยอยู่ตรงไหน ไม่มีใครเก่งกว่าใครหรอกครับทุกอย่างขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือมันจะแก้ได้ไหมต่อให้ใช้กฎหมายแรงกว่านี้ก็แก้ไม่ได้อยู่ดี เหมือนกันที่รมว.มหาดไทยกล่าวไปว่า ในช่วงนั้นพอมีสถานการณ์เกิดขึ้นทุกคนก็รุมว่าว่าไม่ดูแลและไม่ทำ พอเราทำมาได้ดีแล้วกลับไปว่าเศรษฐกิจแย่ มันก็วนอยู่แบบนี้เหมือนวัวพันหลักต้องเดินหน้าไปกับผมสิครับ "นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการทุจริตต้องมีการตรวจสอบมีหลักฐานแจ้งความต่างๆ ไม่ใช่แค่คำบอกเล่า หรือคำบอกกล่าวแล้วก็ส่งต่อกันในโซเชียล ตนให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว ให้เป็นเรื่องกระบวนการศาลตัดสินมา ใครจะอยู่ใครจะถูกขังหรือใครจะหนีก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลไป และตนขอถามว่าที่บอกว่ารัฐบาลทุจริตแล้วรู้ได้อย่างไรว่าจะทุจริตตรงนี้ ย้ำว่าวันนี้ใครมีปัญหาเรื่องการทุจริตต้องถูกดำเนินคดีถูกสอบสวนจะเห็นว่าในช่วงโควิดก็มีหลายแห่ง ดังนั้นการใช้จ่ายแผนงานโครงการทั้งหมดมีหน่วยงานที่ตรวจสอบแล้ว ทั้งสตง. รวมทั้งป.ป.ช.และ ป.ป.ง. กี่ป.ที่ไล่บี้ทุกอัน ซึ่งตนก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับหน่วยงานใด และขอให้ลองเปรียบเทียบคดีแบบนี้เก่ากับใหม่เกิดขึ้นมากน้อยอย่างไร ซึ่งที่เกิดมากไม่ใช่ว่าเพราะทุจริตมากขึ้นแต่เพราะได้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมมากยิ่งขึ้น ขอให้มองเป็นตรรกะและข้อเท็จจริงซึ่งตนไม่ได้ว่าใคร ดังนั้นขอให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติได้รับทราบ
"รัฐบาลนี้มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างจริงจังโดยเจตนาบริสุทธิ์ทางการเมืองโดยใช้กลไกปกติกฎหมายปกติ ที่หารือกันในครม. แม้จะมาจากพรรคการเมืองก็ตาม แต่ตนก็รับฟังจากทุกคน และเน้นย้ำว่าอย่าให้เกิดการทุจริตเด็ดขาด เพราะสิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้ คือเรื่องการทำอย่างโปร่งใส และแก้ปัญหาที่ซ้ำซากยาวนาน อย่าแก้ปัญหาง่ายๆทีเดียวได้ประชาสัมพันธ์แล้วเลิก แต่ถ้าทำงานที่ยากอันเดียวสำเร็จตนว่าดีกว่าทำงานง่ายแค่ 2-3 งานด้วยซ้ำ จะเห็นว่าผมตอบได้ทุกอัน แต่ท่านฟังหรือเปล่าเห็นถามแล้วก็ไป เก้าอี้มีคนนั่งตั้งเยอะตั้งแยะ มีแต่คนพูดแต่ไม่มีคนฟัง ผมไม่ได้ว่ากันแต่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้ฟังท่านพูด จึงต้องมาบอกกลับไปบ้าง ขอให้มองประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก สถานการณ์ไม่ปกติการใช้เงินควรจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นเงินก้อนเดียวพี่จะเอามาเสริมในช่วงเวลาวิกฤตนี้ ที่ตอนนี้เรากำลังจะเริ่มเปิดประเทศ จึงควรจะมาพูดเรื่องหลังจากนี้ไปเพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน ไม่ใช่พูดกลับไปกลับมา"นายกฯ กล่าว
CH มีคนโง่เป็นผู้นำ บ้านเมืองบอบช้ำ
31 พ.ค. 2563 เวลา 02.06 น.
Mew 👍ขอเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป🍀
30 พ.ค. 2563 เวลา 17.20 น.
ลุง แม่ง...ไม่สำนึกจริงๆว่ะ ยังแยกไม่ออกอีก อันไหนดีไม่ดี ถ้ากุได้คือดี ถ้าำม่ไดคือมึงไม่ดี เสลด
30 พ.ค. 2563 เวลา 15.06 น.
RaY นายกพูดถูก พวกฝ่ายแค้น ไม่ช่วยคิด เอาแต่หาเรื่อง ในสมองมันไม่คิดถึงคนอื่น
30 พ.ค. 2563 เวลา 15.00 น.
ประสิทธิ์ ไอ้ฝ่ายแค้นอิจฉาผลงานรบ.ลุงตู่ต่างประเทศทั่วโลกชมรบ.ลุงตู่ แต่ไอ้อีฝ่ายแค้นด่าตำหนิรบ.ลุงตู่ไอัอีสิ่นคิดโควิด19 ลากมันไปแดกดิ่งเหวนรก
30 พ.ค. 2563 เวลา 14.18 น.
ดูทั้งหมด