ครบ 2 ปี ปิดอ่าวมาหยา สวรรค์อันดามันทยอยฟื้นตัว ธรรมชาติร่วมสร้างปรากฏการณ์ชวนทึ่งส่งสัตว์ทะเลมากหน้าหลายตาเข้ามาในอ่าว โดยเฉพาะสัตว์หายากฝูงฉลามหูดำเกือบ 100 ตัว ยืนยันประสิทธิผลของการปิดอ่าวมาหยา
1 มิถุนายน 2561 เป็นวันที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) ได้ประกาศปิด“อ่าวมาหยา” (และอ่าวโล๊ะซามะ) ไม่อนุญาตให้ประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวหรือกิจกรรมใด ๆ ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้ธรรมชาติพักฟื้นตัว ซึ่งแม้จะมีผู้สูญเสียผลประโยชน์บางส่วนคัดค้าน แต่ก็ไม่อาจต้านทานกระแสของคนไทยส่วนใหญ่ที่เห็นด้วยกับการปิดอ่าวดังกล่าว
แล้วทำไม ? ถึงต้องปิดอ่าวมาหยา ทั้ง ๆ ที่อ่าวแห่งนี้ยังคงเดินหน้าสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ !?!
สวรรค์ป่วย จึงต้องปิด !
อ่าวมาหยา ตั้งอยู่ที่เกาะพีพีเล แห่งหมู่เกาะพีพี (มี 2 เกาะใหญ่สำคัญคือ เกาะพีพีเลและพีพีดอน) อยู่ภายใต้การดูแลของ “อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี” จังหวัดกระบี่
อ่าวมาหยา มีลักษณะเป็นเวิ้งอ่าวเล็ก ๆ ที่มีภูเขาหินปูนโอบล้อม มีหาดทรายทอดตัวโค้งงาม พื้นทรายละเอียดยิบขาวเนียน น้ำทะเลสวยใสดุจดังสระว่ายน้ำธรรมชาติแห่งท้องทะเลอันดามัน จนอ่าวมาหยาถูกยกให้เป็น “สวรรค์แห่งอันดามัน”
นอกจากมนต์เสน่ห์ความงามที่เป็นชื่อเสียงดึงดูด เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว อ่าวมาหยาเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “เดอะบีช” (The Beach) ก่อนออกฉายเมื่อปี 2543 ซึ่งทำให้อ่าวแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังระบือไกลมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันอ่าวมาหยาเป็นทะเลไทยอันดับต้น ๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติหมายปอง ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของทุกปี แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมากถึง 3-4 พันคน เดินทางสู่อ่าวมาหยา ขึ้นไปเหยียบอัดแน่นกันบนพื้นที่เล็ก ๆ ของอ่าวชื่อดังแห่งนี้ ทั้ง ๆ ที่อ่าวมาหยามีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวได้เพียงแค่ 375 คน/วัน เท่านั้น (ข้อมูลจาก อส.)
เมื่อมีคนมาเที่ยวอ่าวมาหยาจนล้นทะลักเกินพอดีไปมาก ทำให้อ่าวมาหยามีสภาพเสื่อมโทรม หาดทรายที่เต็มแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทำให้หาดทรายทรุดตัว มีขยะเกลื่อนกลาด น้ำทะเลแม้เบื้องบนสวยใส แต่เบื้องล่างกลับขุ่นมัว โลกใต้ทะเลแนวการังเสียหายพังยับจากการถูกเหยียบย่ำและการเจาะกระแทกของสมอเรือ
อ่าวมาหยามีสภาพแบบนี้มายาวนานนับสิบปี จนเกิดอาการป่วยไข้สะสมเรื่อยมา ก่อนจะเข้าสู่สภาพเสื่อมโทรมอย่างหนัก จนกรมอุทยานฯ ในฐานะของหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ต้องประกาศปิดเกาะฟื้นฟูสภาพธรรมชาติ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2561 เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูให้สภาพธรรมชาติของอ่าวทั้งบนบกและใต้น้ำค่อย ๆ ฟื้นคืนชีวิตกลับมาสมบูรณ์สวยงามอีกครั้ง
ธรรมชาติส่งสัญญาณ
การปิดอ่าวมาหยา เบื้องต้น กรมอุทยานฯ ได้กำหนดปิดอ่าวเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่ 1 มิถุนายน – 30 กันยายน 2561 เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องผลกระทบจากการท่องเที่ยว และก็ไม่ได้เป็นการปิดตายอ่าวมาหยา แต่อนุญาตให้ผู้ประกอบการนำนักท่องเที่ยวมาลอยเรือชมความงามของอ่าวมาหยาจากภายนอกในจุดที่กำหนดโดยมีทุ่นไข่ปลาเป็นแนวกั้น
อย่างไรก็ดีหลังการปิดอ่าวมาหยาได้ไม่นาน เหมือนกับว่าธรรมชาติได้ส่งสัญญาณบางอย่าง เมื่อ “ฉลามหูดำ” สัตว์หายากที่หายจากอ่าวมาหยาไปนาน ได้เข้ามาแหวกว่ายหาอาหารในอ่าวแห่งนี้ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีฉลาม และฉลามหูดำเข้ามาในพื้นที่อ่าวมาหยาอย่างต่อเนื่อง
นั่นจึงทำให้ทีมนักวิจัยที่ติดตามเรื่องนี้ เสนอให้มีการปิดอ่าวมาหยาต่อไปเพื่อให้สภาพธรรมชาติฟื้นตัวอย่างเต็มที่ อันนำมาสู่แผนการปิดอ่าวมาหยาแบบไม่ให้มีกิจกรรมท่องเที่ยว ซึ่ง ณ ตอนนี้กำหนดเวลาปิดอ่าวไว้ 3 ปี (มิ.ย.61-พ.ค.64)
ฟื้นฟูสู่อ่าวมาหยาโฉมใหม่
หลังปิดอ่าวมาหยา ทางกรมอุทยานฯ ได้จับมือกับหลายหน่วยงานดำเนินการต่าง ๆ ตามแผนฟื้นฟูต่าง ๆ อาทิ
การปิดน่านน้ำด้วยการติดตั้งทุ่นไข่ปลา พร้อมธงสัญญาญเตือนห้ามเข้าอย่างชัดเจน, จับมือกับคนในพื้นที่และอาสาสมัครดำเนินการ Big Cleaning ขนานใหญ่ ทั้งทำความสะอาดอ่าว เก็บขยะบนบกและใต้ท้องทะเล ทำความสะอาดแนวปะการัง
หลังจากนั้นก็ได้มีการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวฟื้นฟูสภาพป่าชายหาด ซึ่งมีทั้งพืชที่เคยมีอยู่แล้วบนเกาะ และพืชบางชนิดที่ช่วยเกาะยึดหน้าดิน เพื่อป้องกันการพังทลายของเนินทราย
ขณะที่การฟื้นฟูโลกใต้ทะเลก็ได้ทำการปลูกและฟื้นฟูแนวปะการัง เนื่องจากปะการังจำนวนมากบริเวณอ่าวมาหยา เสียหายยับเยิน (โดยเฉพาะทางฝั่งซ้าย) รวมถึงมีการติดตั้งกล้องถ่ายภาพใต้น้ำ เพื่อสำรวจระบบนิเวศของอ่าวมาหยา ซึ่งก็ทำให้ได้พบกับสัตว์ทะเลหลากหลายมาปรากฏกายอยู่ในบริเวณอ่าวมาหยาแห่งนี้
นอกจากนี้กรมอุทยานฯ ยังทำการสร้างท่าเทียบเรือเพื่ออำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวที่อ่าวโล๊ะซามะ ซึ่งเป็นบริเวณหลังอ่าวมาหยา พร้อมทั้งเส้นทางเดินจากท่าเทียบเรือเชื่อมต่อไปยังอ่าวมาหยา เพื่อป้องกันไม่ให้เรือไปจอดเทียบท่าที่หน้าอ่าวแล้วส่งผลกระทบต่อธรรมชาติเหมือนช่วงก่อนปิดอ่าว อีกทั้งยังมีแผนการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวหลังอ่าวมาหยากลับมาเปิดอีกครั้ง
2 ปี ปิดอ่าวมาหยา
หลังการปิดอ่าวมาหยา ทำให้ไม่มีกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์เข้ามาบริเวณอ่าวแห่งนี้ ทำให้ธรรมชาติที่เคยเสื่อมโทรมค่อย ๆ ฟื้นตัว พืชพันธุ์ป่าชายหาดขยายตัว ผักบุ้งทะเลเกิดขึ้นมาเองบนชายหาด ซึ่งมันเป็นพืชที่ช่วยยึดเกาะและป้องกันการพังทลายของแนวหาดทราย
น้ำทะเลกลับมาสวยใส หาดทรายสะอาด สงบ สวยงาม ปะการังใต้ทะเลฟื้นตัวทยอยกันเติบโต ที่สำคัญคือเมื่ออ่าวมาหยาไม่มีมนุษย์รบกวน บรรดาสัตว์ทะเลต่าง ๆ ก็พากันเริงร่า แสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่ตัวจริงอีกครั้ง
สัตว์หลายชนิดหลังจากหนีมนุษย์ห่างหายไม่พบที่อ่าวมาหยามานานก็ทยอยกลับคืนสู่อ่าวอันงดงามแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น
-ปูลม ปูทหาร (ปูปั้นทราย) และปูเสฉวนบก พากันปรากฏโฉม ต่างจากเมื่อครั้งที่มีนักท่องเที่ยวคลาคล่ำบนชายหาดซึ่งแทบจะไม่เคยพบปูเหล่านี้เลย
-ปูไก่ สัตว์หายากที่หายตัวจากอ่าวมาหยาไปนาน กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งนับสิบตัว บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของสถนที่แห่งนี้หลังการปิดเกาะฟื้นฟู
-ปลาการ์ตูนส้มขาว เจ้านีโมน้อยผู้น่ารัก ปลาชนิดนี้ไม่ปรากฏที่อ่าวมาหยาในช่วงที่เปิดการท่องเที่ยว เพราะดอกไม้ทะเลที่เป็นบ้านของเจ้านีโมน้อย ถูกใบพัดเรือพัดปลิวกระจาย แต่เมื่อปิดอ่าว ดอกไม้ทะเลเติบโตไม่ถูกทำลาย เจ้านีโมก็ว่ายเข้ามาอยู่อาศัยในกอดอกไม้ทะเล บ้านหลังใหม่ของมันที่อ่าวมาหยา
-ฉลามวาฬ ยักษ์ใหญ่ใจแห่งท้องทะเล 1 ในสัตว์สงวนของไทยก็มาแหวกว่ายอวดโฉมบริเวณใกล้อ่าวมาหยา สร้างความฮือฮาให้ผู้พบเห็น แถมยังเป็นฉลามวาฬตัวใหญ่ยาวกว่า 5 เมตร คาดว่ามีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 2 ตัน ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งผลพวงจากการปิดอ่าวมาหยา
-ฉลามหูดำ สัตว์ทะเลหายาก ที่สร้างปรากฏการณ์อันน่าทึ่งให้กับอ่าวมาหยามากที่สุด เนื่องจากมีรายงานการพบฉลามหูดำมาแหวกว่ายที่อ่าวมาหยาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ 6 ตัว เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 61 จากนั้นท้องทะเลอ่าวมาหยาก็มีฉลามหูดำเข้ามาแหวกว่ายปรากฏเป็นข่าวอย่างเนื่อง จาก 20 ตัว 60 ตัว ไปจนถึงเกือบ 100 ตัว
นอกจากนี้แม่ฉลามยังได้เลือกอ่าวมาหยาคลอดลูกอีกหลายครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าหลังปิดอ่าวฟื้นฟู ระบบนิเวศที่อ่าวมาหยาสมบูรณ์ขึ้นมาก เพราะฉลามเป็นสัตว์ทะเลอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร การมีฉลามแปลว่าต้องมีอาหารอุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้วันนี้อ่าวมาหยาเป็นหนึ่งในจุดที่มีฉลามชุกชุมที่สุดในเมืองไทย
และนี่ก็คือเรื่องราว 2 ปีของการปิดอ่าวหมายา กับการกลับคืนมาของธรรมชาติ และสัตว์ทะเลต่าง ๆ ซึ่งเป็นดังดัชนีชี้วัดประสิทธิผลของการปิดอ่าว เพราะเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว ธรรมชาติก็หวนคืน สัตว์ต่าง ๆ พากันเริงร่า
ฟื้นชีวิตความงดงามของสวรรค์แห่งอันดามันให้กลับคืนมาอีกครั้ง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO
ปิดยาวๆๆ
เลิกเถอะ การท่องเที่ยวแบบทำลายธรรมชาติ
31 พ.ค. 2563 เวลา 10.44 น.
U'AN ถ้าทางราชการควบคุมบริษัททัวร์เรือนำเที่ยวหรือนักท่องเที่ยวไม่ได้ ปล่อยให้เข้าไปใช้บริการกันเป็นจำนวนมากอีกอ่าวและบริเวณโดยรอบก็คงเสียหายเสื่อมโทรมเหมือนเดิม
31 พ.ค. 2563 เวลา 08.26 น.
lek ปิดยาวไปเลยครับรักษาธรรมชาติไว้
31 พ.ค. 2563 เวลา 10.37 น.
Yolrambha ขอบคุณโควิด ธรรมชาติกำลังจัดระเบียบตัวเอง
31 พ.ค. 2563 เวลา 11.36 น.
OJJ เปิดแค่ปีละ3เดือนพอช่วงหน้าร้อน
31 พ.ค. 2563 เวลา 11.01 น.
ดูทั้งหมด