วอชิงตัน, 2 มิ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (1 มิ.ย.) มีการเปิดเผยผลการชันสูตรพลิกศพ 2 ฉบับ ของจอร์จ ฟลอยด์ (George Floyd) ชายผิวดำจากเมืองมินนิแอโพลิส ที่เสียชีวิตระหว่างถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยการชันสูตรทั้งสองที่ดำเนินการแยกกันระบุตรงกันว่าสาเหตุการเสียชีวิตของเขาคือการฆาตกรรม แม้จะมีรายละเอียดบางอย่างที่ไม่ตรงกัน
รายงานหลังมรณกรรมฉบับหนึ่งจาก 2 ฉบับดังกล่าว ซึ่งออกโดยสำนักงานชันสูตรศพเทศมณฑลเฮนเนพิน (Hennepin County Medical Examiner's Office) ระบุว่า "การหยุดทำงานของทั้งระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ (cardiopulmonary arrest) อันข้องเกี่ยวกับการจับกุมตามการบังคับใช้กฎหมาย การหน่วงเหนี่ยว และแรงอัดบริเวณคอ" ว่าเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของฟลอยด์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งเป็นชนวนเหตุการประท้วงในทั่วประเทศ เพื่อต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของตำรวจ โดยมีผู้ประท้วงบางกลุ่มได้ก่อความรุนแรง
ผลลัพธ์อย่างเป็นทางการดังกล่าวถูกเปิดเผย หลังมีการเผยผลชันสูตรศพอีกฉบับหนึ่งซึ่งครอบครัวของฟลอยด์เป็นผู้ว่าจ้างและดำเนินการแยกกัน เพียงไม่กี่ชั่วโมง โดยผลชันสูตรฉบับนี้ระบุว่า "อาการขาดอากาศหายใจซึ่งเกิดจากแรงกดต่อเนื่องเป็นสาเหตุ" ของการเสียชีวิตของชายวัย 46 ปีรายนี้ ขณะที่เบนจามิน ครัมป์ (Benjamin Crump) ทนายความของครอบครัวของฟลอยด์ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (1 มิ.ย.) ว่าผลการชันสูตรพบว่ามี "แรงกดบริเวณคอและหลังซึ่งส่งผลให้ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง"
ผลการชันสูตรศพฉบับของสำนักงานฯ ระบุว่า "ไม่ปรากฏผลตรวจทางกายภาพใดที่สนับสนุนข้อวินิจฉัยภาวะการขาดอากาศหายใจจากการบาดเจ็บ (Traumatic asphyxia) หรือการรัดคอ (strangulation)" แต่ชี้ว่าภาวะสุขภาพของฟลอยด์ ซึ่งมีโรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease) และโรคหัวใจจากความดันโลหิตสูง (Hypertensive Heart diseases) ประกอบกับการถูกหน่วงเหนี่ยวจากตำรวจ และ "สารมึนเมาใดๆ ที่อาจอยู่ในระบบร่างกายของเขา" ได้ส่งผลให้เขาเสียชีวิต
รายงานระบุว่าผลชันสูตรดังกล่าว "มิใช่ข้อตัดสินทางกฎหมายที่ระบุความผิดหรือเจตนา และไม่ควรถูกนำมาใช้แทนกระบวนการพิจารณาตามกระบวนการยุติธรรม"
อย่างไรก็ดี ผลชันสูตรพลิกศพที่ครอบครัวของฟลอยด์ดำเนินการระบุว่า "น้ำหนักที่กดลงที่หลัง การใส่กุญแจมือ และการวางท่า ต่างเป็นปัจจัยร่วม เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้ขัดขวางความสามารถในการทำงานของกะบังลมของฟลอยด์"
ไมเคิล บาเดน (Michael Baden) หนึ่งในแพทย์ผู้ชันสูตรที่ครอบครัวว่าจ้าง ระบุว่า "เราไม่พบปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่เป็นไปได้ว่าเป็นสาเหตุหรือมีส่วนนำไปสู่การเสียชีวิต ตำรวจเองที่เข้าใจผิดว่าถ้าพูดได้ ก็แปลว่าหายใจได้ ซึ่งมันไม่จริง"
ทั้งนี้ ขณะที่เดเร็ก ชอวิน (Derek Chauvin) หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้เข่ากดที่คอของฟลอยด์ไว้นานเกือบ 9 นาที ฟลอยด์ซึ่งถูกตำรวจใส่กุญแจมือและถูกกดไว้กับพื้น ได้วิงวอนขอความช่วยเหลือ พูดทั้งน้ำตาว่าเขาหายใจไม่ออก ในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าว ได้ถูกปลดแล้วส่วนโชววินถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไม่เจตนา
"สำหรับจอร์จฟลอยด์ รถพยาบาลที่มารับตัวเขาไป แท้จริงแล้วคือรถขนศพของเขา" ครัมป์แถลงอย่างสะเทือนอารมณ์ "แน่นอนว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ หากคอของเขาไม่ถูกกดโดยเดเร็ก ชอวิน ตำรวจที่ถูกปลดไป และหากร่างกายของเขาไม่ถูกหน่วงเหนี่ยวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 นาย ที่ใช้เข่ากดเขาลงกับพื้น"
"การเสียชีวิตของฟลอยด์เป็นการฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ซึ่งสบประมาทเขาระหว่างที่กดเขาลงกับพื้นนานกว่า 8 นาที อีกทั้งเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่โดยไม่ทำอะไรเลยนั้นก็เป็นแค่โล่กำบังในชุดสีฟ้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเพิกเฉย (ต่อความผิดของเพื่อนร่วมอาชีพ)" ครัมป์กล่าว
Rookiepom จริงๆไม่ใช่แค่ผิวดำ นะ คนเอเชีย ที่เค้าด่าผิวเหลืองก็โดนเหยียด หนักกว่าด้วยนะ
พวกผิวดำก็เหยียดชาวบ้าน(ผิวเหลือง)ไม่น้อยเลย เคยเรียกร้องบอกตัวเองไหม
ไม่สนับสนุนเหยียดสีไหนก็ตาม คนเหมือนกัน แค่เรื่องฐานะทางสังคมก็แย่แล้วยังแบ่งสีผิวอีก
02 มิ.ย. 2563 เวลา 14.38 น.
NAN_JITTIMA White, Black or Yellow are the human..
02 มิ.ย. 2563 เวลา 11.51 น.
ROONG อ่านข่าวแล้วเศร้าสะเทือนใจจัง
02 มิ.ย. 2563 เวลา 11.41 น.
Anonymous จับใส่กุญแจมือแล้วไม่จำเป็นต้องไปนั่งค้ำอีก ฝรั่งตัวโตๆ น้ำหนักน่าจะเกิน 80 คงทรมานก่อนตาย ไม่แปลกที่ผิวสีเค้าจะโกรธ
02 มิ.ย. 2563 เวลา 14.20 น.
ดูทั้งหมด