นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า เดือนพฤษภาคมเป็นเดือนแห่งประวัติศาสตร์เช่นเดียวกับเดือนตุลาคมในเรื่องของสมรภูมิการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหลายวันที่ผ่านมานั้นประเทศไทยมีเรื่องราวไม่กี่เรื่องทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นประเด็นการต่ออายุพระราชกำหนดการบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน / การเตรียมการอภิปรายพระราชกำหนดเงินกู้ทั้ง 3 ฉบับ ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ โดยใช้เวลาในการอภิปรายยาวนานถึง 5 วันเต็ม รวมทั้งมาตรการการเยียวยาความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจและงานที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากมายรวมถึงเรื่องการบินไทย ดังนั้นแต่ละเรื่องราวนั้นตนเชื่อว่าประชาชนได้ฟังความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆกันมากมาย
ทั้งนี้ตนได้เเสดงความคิดเห็นแต่ละเรื่องราวพอสมควร แต่อยากอธิบายทบทวน สถานการณ์ให้กับประชาชนได้ฟังว่า เราอยู่ในสถานการณ์ที่มีการออกแบบประเทศในทุกเรื่องราว แม้ว่าบางเรื่องจะมีความสำเร็จ และบางเรื่องจะไม่มีความสำเร็จ แต่เราต้องเข้าใจทุกสถานการณ์ เช่น การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากประกาศใช้แบบเพียวๆไม่ได้มีมาตรการออกแบบ เช่น การขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินคราวละ 1 เดือนนั้น ก็จะเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ที่เป็นคู่ขนานคือเรื่องการผ่อนคลายผ่อนปรนหรือคลายล็อคซึ่งเป็นคู่ขนานแบ่งเป็น 4 ระยะนั้นแปลความกันง่ายๆว่า การลาก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นจะมีการผ่อนคลายประกบ เดือนเเรก เดือนที่ 2 ซึ่งเวลานี้ก็ขยายเป็นเดือนที่ 3 และมาพร้อมกับมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ประกอบ กับการร่นระยะเวลาเคอร์ฟิวที่ล่าสุดร่นมาเป็น 5 ทุ่มถึงตี 4 และส่วนตัวเชื่อว่าสัปดาห์หน้าจะมีการขยายเคอร์ฟิวออกไปอีกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง คือ เที่ยงคืน ถึงตี 4ดังนั้นเดือนมิถุนายนทั้งเดือนก็จะเป็นเรื่องของการผ่อนปรนในระยะที่ 3
นายจตุพร กล่าวว่า ในเดือนกรกฎาคมต้องมีการขยายอย่างน้อย 1 เดือนแน่นอนเพราะต้องมีมาตรการการผ่อนปรนในระยะที่ 4 ซึ่งเป็นระยะที่เสี่ยงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสนามมวย หรือสถานที่บันเทิงต่างๆ ก็จะรออยู่ในระยะที่ 4 ทั้งนี้หลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่า เมื่อครบมาตรการผ่อนปรน 4 ระยะแล้วทุกอย่างจะจบลงในเดือนกรกฎาคมหรือไม่นั้นต้องรอดูกันและขอให้ใจเย็นๆ เพราะอาจจะมี การผ่อนคลายในแบบ ระยะที่ 4 ทับ 1 ทับ 2 ทับ 3 ก็เป็นไปได้ เพราะอย่างที่ตนได้อธิบายในช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้น รัฐบาลชนะอยู่มุมเดียวคือ การคุมการติดเชื้อโควิด 19 ได้ และวันนี้ก็ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มแม้แต่เพียงรายเดียว ดังนั้นเรื่องชัยชนะโควิด 19 ในทางการเเพทย์ก็สามารถกุมชัยชนะไว้ได้
ส่วนเรื่องการเยียวยานั้นก็ยังเป็นปัญหา / และการเยียวยาต่างคนต่างก็รู้กันว่า เมื่อหมดการเยียวยากันเมื่อไหร่ วันนั้นก็เป็นวันหายนะกันอีกวันหนึ่ง เพราะ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจทุกคนต่างมองเห็นปลายทางกันแล้ว / นักธุรกิจซึ่งเป็นกองเชียร์รัฐบาลถึงขนาดบอกว่า เศรษฐกิจครั้งนี้หนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งถึง 10 เท่าตัว / แม้พยายามเสนอประคับประคองว่าอย่าเปลี่ยนรัฐบาล แต่ในสถานการณ์ดังกล่าวนี้ตนอยากบอกว่าทุกคนต่างก็เห็น เพียงแต่ว่า คิดกันทีละตอน ภายใต้สถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะซีกพรรคการเมืองที่มีนักการเมืองเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ คือไม่เหมือนปกติ ไม่มีเวลา คิดกันเป็นตอนๆ สมาธิสั้นและมองผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก / มีเพียงบางส่วนที่คิดเรื่องส่วนรวมบ้าง ดังนั้นในทางการเมือง แม้จะมีการบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉินจัดการโควิด 19 ซึ่งก็จะใช้เป็นเหตุผลในการกุมอำนาจของบรรดารัฐมนตรีทั้งหลาย
ซึ่งจริงๆแล้ว อำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะไม่เท่าในขณะที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ก็ตาม แต่เมื่อมีประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้กับรัฏฐาธิปัตย์ ดังนั้นการกุมสภาพดังกล่าวยังสามารถจัดการโดยการใช้กฎหมายฉบัยบนี้ได้ ทั้งนี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จริงๆแล้วเป็นกฎหมายที่ตราไว้ในปี 2548 โดยมีภารกิจเพื่อแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และไม่เคยคิดจะเอามาใช้กับภารกิจอื่นใด แต่ในปี 2553 มีการนำกฎหมายฉบับนี้มาใช้และหลังจากนั้นก็ใช้กันมาทุกฝ่าย และที่สำคัญที่สุดคือ การใช้ กับการรายงานต่อสภานั้นมักจะไม่ค่อยปฏิบัติกัน
อย่างไรก็ตามตนยังไม่เห็นมีใครออกมาพูดว่า จะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อมีวัคซีนป้องกันโควิด 19 ดังนั้นหากมีใครยกตัวอย่างว่า หากต้องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเมื่อมี วัคซีนโควิด 19 นั้นถือว่าจบข่าว เพราะไม่รู้ว่าจะได้จริงเมื่อไหร่ แม้ว่าทางการแพทย์บางคนจะบอกว่าวัคซีนจะแล้วเสร็จใน เมษายนปีหน้านั้นที่ผ่านมามีหลายโรคที่เกิดขึ้นในโลกนี้ที่ดูเหมือนว่าจะผลิตวีคซีนกันได้ แต่สุดท้ายก็หาวัคซีนไม่ได้ และคนก็อยู่ร่วมกับโรคดังกล่าวในโลกนี้ได้ วันนี้ก็เช่นเดียวกันตนก็เชื่อว่าขอให้ทุกคนใจเย็นๆ เพราะเชื่อว่า รัฐบาลจะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินไป ถึงเดือนกรกฎาคมแน่นอน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการก่อตัวของบรรดานักการเมืองนั้นซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าพลเอกประยุทธ์จะมีความอดทนต่อนักการเมือง / ซึ่งตนเคยตอบสื่อมวลชนว่าการต่อสู้กับกิเลสของนักการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุด / และในอดีตก็มีตัวอย่างมาแล้วทั้งในยุคของ พรรคมนังคศิลา ที่ถูกจอมพลสฤษดิ์ยึดอำนาจ / รวมถึงในยุคของจอมพลถนอม ที่นักการเมืองก็คิดแต่เรื่องส่วนตัว ต่อรองตั้งแต่พิจารณางบประมาณรายจ่ายซึ่งเต็มไปด้วยเงื่อนไขต่างๆจนกระทั่ง ตัดสินใจยึดอำนาจตัวเอง แต่กรณีที่เกิดขึ้นปัจจุบันนั้นไม่ง่ายต่อการต่อสู้กับนักเลือกตั้ง/ เพราะนักเลือกตั้งเวลาที่ถูกยึดอำนาจก็จะตัวลีบแต่เมื่อเปิดโอกาสทางเมืองก็จะตัวพองยิ่งกว่ายักษ์ ดังนั้น แรงกระเพื่อมในพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ก็มีปัญหา / โดยเฉพาะ พรรคพลังประชารัฐที่ชัดเจนว่า ซีกของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณคุมโครงสร้างทั้งหมดไว้ และไม่ต้องไปคิดว่า 3 ป. จะมีความขัดแย้งกันเพราะเขาอยู่กันมานานเกินกว่าที่จะขัดแย้งกัน ดังนั้นเวลาอ่านกระดานทางการเมืองนั้นเเม้ว่า การไปยึดโครงสร้างของพรรคพลังประชารัฐ แม้จะไม่ยึดก็มีสภาพเหมือนการยึดอยู่แล้ว แต่ในทางการเมืองไม่มีนักการเมืองคนใดหรือพรรคการเมืองใดที่จะไปสนองความต้องการของนักการเมืองได้ครบ /
การปรับคณะรัฐมนตรีซึ่งจะไปพร้อมกับการปรับโครงสร้างพรรคนั้นก็จะมีปัญหาขึ้นมาใหม่ / คนที่อยู่ก็ไม่อยากจะไป/คนที่ยังไม่ได้เข้าไปก็อยากจะเข้า / เมื่อคนที่อยู่มีอันต้องเป็นไป / คนที่เข้าจะมีจำนวนมากกว่า /ปัญหาไม่มีวันจบ /ซีกของประชาธิปัตย์นั้นดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาแต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ซีกของที่ไม่เอาด้วยกับซีกรัฐมนตรีก็ทำเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาลจนบางเรื่องพูดได้ดีกว่าพรรคฝ่ายค้านเสียอีก / เหล่านี้ยังไม่นับปัญหาระหว่างพรรค พลังประชารัฐกับพรรคภูมิใจไทย / และพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์/ ประชาธิปัตย์กับพรรคพลังประชารัฐ เป็นงูกินหางกันมา แต่จำเป็นต้องรวมกัน เพราะต้องการจะอยู่ซึ่งอำนาจ ดังนั้นเราต้องยอมรับความเป็นจริงว่าในช่วง 6 ปีนี้ นักการเมืองต่างก็อยู่ในสถานการณ์ที่มีความยากลำบาก ดังนั้นหากใครคิดว่าหากเกิดเหตุการณ์แล้วมีการยุบสภานั้นคงเป็นเพียงความฝันเพราะเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ตนมองว่าภายใต้สถานการณ์ที่จำกัดแบบนี้ต้องดูการเมืองนอกกระดาน / เพราะหมากในกระดานในทางการเมืองของประเทศไทยเป็นเพียงภาพลวงตา แต่ของจริงอยู่นอกกระดานทั้งสิ้น
นายจตุพร กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ตนอยากบอกประชาชนในท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้ว่า ให้พี่น้องคิดอ่านเผื่อในชีวิตกันเพราะเราจะไปฝากความคาดหวังกันเอาไว้ว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่ต้องคิดเผื่อไว้ว่าในระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน 1 ปีนี้จะต้องวางแผนชีวิตกันอย่างไร เพราะสถานการณ์ของประเทศไทยไม่ง่ายต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตราบใดที่ยังหาความเชื่อมั่นไม่ได้
Nutto ナット พูดเก่งจัง แต่หนีคนแรก
25 พ.ค. 2563 เวลา 03.19 น.
wan อ้ายพวกคางคก อึ่งอ่าง หน้าฝน
มีแรงออกมาร้องแหกปาก อีกแล้ว
พวกเห้..นี่เมื่อไหร่ จะตายให้หมด
ซะที แต่ทำใจเถอะ ตายไป ก็มี
ตัวใหม่ มาแทน ยิ่ง เหี้ย หนัก
25 พ.ค. 2563 เวลา 02.46 น.
Sm.1 Thanagon หนึ่งในนั้นที่ ยุยงพี่น้อง เผาเมือง มี เมิงด้วย
25 พ.ค. 2563 เวลา 02.46 น.
P a n d o r a อย่างน้อยก็ยังดีกว่า ยุคแดง เผาเมือง ช่วงปี 2553 มากนะ หยุดเห่าเถอะ พวกนายยังโกงกันเอง จบได้แล้ว วาทะกรรมแย่ๆ
25 พ.ค. 2563 เวลา 02.42 น.
oah คนหาอะไรดีๆ ไม่เจอ มักจะมอง พูดกับคนอื่นๆ เหมือนอย่างที่ตัวเองกระทำเลย
25 พ.ค. 2563 เวลา 02.37 น.
ดูทั้งหมด