เปิดปมเสี่ยเต็นท์รถตายยกครัว 5 ศพ เครียดกู้ 10 ล้าน ดอกเดือนละแสน หมุนไม่ทันยืมเพื่อน 2 คน (คลิป)

วันที่ 21 ก.พ. 63 ร.ต.อ.นพดล ไม้งาม รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุ มีคนกินยาฆ่าตัวตายแล้วรมควันเสียชีวิตหลายราย ที่เต็นท์รถยนต์มือสองกัณตภณ หมู่ 1 ต.จอมทอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก จึงรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุเป็นเต็นท์รถเนื้อที่กว่า 3 ไร่ ด้านหลังปลูกเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพหรู ภายในห้องนอนบนบ้าน พบศพผู้เสียชีวิต 5 ราย ประกอบด้วยนายกัณตภณ แป้นวงศ์ หรือ เฮียตี๋ อายุ 40 ปี, นางสุนิสา แป้นวงศ์ อายุ 60 ปี แม่, น.ส.สุธิพร แป้นวงศ์ อายุ 45 ปี พี่สาว, นางยอดขวัญ แป้นวงศ์ อายุ 41 ปี ภรรยา และเด็กชายรชฏ อายุ 13 ปี ลูกชาย พร้อมสุนัขอีก 6 ตัว พันธุ์บีเกิล 2 ตัว ชิชุ 3 ตัว ปอมปอม 1 ตัว

สภาพศพนอนเรียงอยู่บนที่นอน ข้างเตียงศพเริ่มขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็น มีเลือดไหลออกจากทางปากและจมูก ไม่มีบาดแผลการถูกทำร้าย พบยานอนหลับชนิดกล่อมประสาทวางอยู่ในห้อง และมีเตาใช้จุดรมควัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 วัน (อ่าน : เสี่ยเต็นท์รถทิ้งข้อความลา “ขอจากไปพร้อมกัน 11 ชีวิต” กินยา-รมควันดับยกบ้าน 5 คน พร้อมหมา 6 ตัว)

โดยญาติของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า สาเหตุการเสียชีวิตน่าจะเป็นเรื่องปัญหาหนี้สิน เนื่องจากเฮียตี๋กู้เงินนอกระบบกับเพื่อนกว่า 10 ล้านบาท และกู้นอกระบบจากคนรู้จักอีกรายละนับล้านบาท เพื่อทำธุรกิจเต็นท์รถ ร้านกาแฟ และธุรกิจโรงน้ำแข็ง ต้องส่งดอกไม่ต่ำกว่าเดือนละ 1 แสนบาท

เพื่อนสนิทของเฮียตี๋ ประกอบธุรกิจเต็นท์รถยนต์มือสอง เดินทางมาที่บ้านเกิดเหตุ อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ พร้อมเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ธุรกิจเต็นท์รถยนต์มือสองของเฮียตี๋ถือว่าเข้าขั้นขายดีมาก เพราะแต่ก่อนเดือนหนึ่งจะขายได้ถึง 10-20 คัน แต่ระยะหลังเศรษฐกิจไม่ค่อยดี เริ่มขายยากขึ้น เฮียตี๋ก็พยายามที่จะขายรถในเต็นท์ของตัวเองให้กับเต็นท์รถของเพื่อนฝูง ซึ่งขายในราคาถูก เพราะต้องการที่จะดันรถยนต์ออกจากเต็นท์ให้ได้ไว เพื่อที่จะเอาเงินไปหมุนจ่ายส่วนที่กู้ยืมมา ที่ผ่านมาไม่เคยสังเกตเห็นความเครียดจากเพื่อน ส่วนนิสัยใจคอ เป็นคนชอบช่วยเหลือคนรอบข้างเสมอ ร่าเริง ไม่คิดว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตายยกครัวแบบนี้

เพื่อนสนิทที่ให้เฮียตี๋กู้ยืมเงิน เปิดเผยว่า เฮียตี๋กู้ยืมเงินตนกว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่เพียงพอหมุนเงินในการทำธุรกิจ จึงขอกู้ยืมเงินไปอีกจำนวน 180,000 บาท ตนเองก็ยินยอมให้กู้ เพราะเฮียตี๋เครดิตดี มักจะส่งดอกเบี้ยตรงเวลา แต่ระยะหลังอาจจะหมุนเงินไม่ทัน จึงทำให้เกิดความเครียด หาทางออกไม่ได้ จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย

นอกจากนี้ พบบันทึกข้อความในโทรศัพท์ ลงวันที่ 12 ก.พ. 63 มีข้อความว่า “เกือบแล้วสินะชีวิตเกือบได้ไปอยู่พร้อมพร้อมกัน 11 ชีวิตในที่สงบ ไม่รู้จะต้องสู้ไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าสู้ได้ถึงวันไหน หมดหนทางแล้วจริงๆสินะ อุปกรณ์พร้อมทุกๆคนในครอบครัว ยกเว้นลูกชายที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ก่อนจะเป็นไรไปฉุดคิดถึงพี่สาว เขาจะมาหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างเพราะเราไม่ได้ ต้องหาเงินสักก้อนให้เขาได้เดินต่อได้ พรุ่งนี้เริ่มดิ้นรนใหม่ แต่ไม่รู้ว่าจะดิ้นได้ถึงวันไหนนะ”

อีกข้อความลงวันที่ 16 ก.พ. 63 ใจความว่า “เขาคงไม่อยากให้เรา11ชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจริงๆ หมดทุกหนทางแล้วสินะ เมื่อมันอยู่ต่อไม่ได้ เราก็ขอจากไปพร้อมกันเลยละกัน ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่ออยู่รอดแต่ทุกอย่างมันตันไปหมดแล้ว ริบหรี่ทุกวันแล้วนะชีวิต”

นายภิชาติ อมรรุ่งรัศมี ญาติของผู้เสียชีวิต  เล่าว่า ติดต่อกับครอบครัวผู้เสียชีวิตครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 ก.พ. 63 ช่วงเวลา 23.00 น. หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งวันนี้มาที่บ้านที่เกิดเหตุ ก็พบว่าประตูบ้านปิด จึงให้หลานชายปีนหน้าต่างเข้าไปปลดล็อกประตูหน้าบ้าน พบผู้เสียชีวิตทั้ง 5 ราย และมีหมาอีก 6 ตัวที่ตาย

ทั้งนี้ ตนไม่เคยคิดว่าเฮียตี๋จะคิดสั้น ไม่มีลางบอกเหตุล่วงหน้า ซึ่งเขาเป็นนักกีฬาฟุตบอล และเคยเป็นอดีตตำรวจซึ่งมียศร้อยตำรวจตรี แต่ลาออกราชการมาทำธุรกิจส่วนตัวได้นานแล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือทำร้ายร่างกาย สาเหตุมาจากการกินยานอนหลับ และรมควันฆ่าตัวตาย ซึ่งต้องสอบสวนญาติพี่น้องใกล้ชิดอีกครั้งถึงแรงจูงใจ เบื้องต้น คาดว่าน่าจะหนีปัญหาหนี้สินจำนวนมาก

ที่เมรุสัตว์เลี้ยงแสนรัก วัดเขื่อนขันธ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก น.ส.อัจฉรา พานนาค พี่สาวภรรยาเฮียตี๋ ผู้เสียชีวิต นำศพสุนัข 6 ตัว ขอให้ทำพิธีเผาร่าง โดยใช้เวลา 2 ชั่วโมง

นายนพกัญจน์ ใจอารีย์ กู้ภัยหมาแมวบางแก้วเมตราธรรม เปิดเผยว่า ญาติผู้เสียชีวิตก็เบลอหลังเกิดเหตุ ตำรวจและกู้ภัยเห็นว่าตนทำจิตอาสากู้ภัยหมาแมวจึงขอให้ช่วยเหลือ ญาติก็บอกให้ฝัง เพราะเจ้าของเสียชีวิตแล้ว ตนจึงแนะนำให้เผา และประสานกับเจ้าอาวาสวัดเขื่อนขันธ์ ขอนำสุนัขมาเผาที่วัด ทางวัดเขื่อนขันธ์ยินดีเผาให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย