บันเทิง

คุยกับ “อารี แอสเตอร์” ผู้กำกับสายสยองมือหนึ่ง กับผลงานสั่นประสาทเรื่องใหม่ “Beau is Afraid”

TOJO NEWS
อัพเดต 15 พ.ค. 2566 เวลา 22.15 น. • เผยแพร่ 16 พ.ค. 2566 เวลา 03.05 น. • Admin TOJO_YS

คุยกับ “อารี แอสเตอร์” ผู้กำกับสายสยองมือหนึ่งของวงการ
กับผลงานสั่นประสาทเรื่องใหม่ที่มีความเป็นตัวเองที่สุดใน “Beau is Afraid”

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

จากจินตนาการของ “อารี แอสเตอร์” (Hereditary, Midsommar) ผู้กำกับสายหลอนที่มาแรงที่สุดแห่งทศวรรษ สู่ภาพยนตร์ระดับเอลิสต์จากสตูดิโอ A24 ที่คอหนังทั่วโลกจับตามองกับ “Beau Is Afraid โบอย่าไปกลัว” ภาพยนตร์เขย่าขวัญสั่นประสาทกระแสแรงที่ได้นักแสดงมากฝีมือผู้ชนะรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Joker (2019) อย่าง “วาคีน ฟีนิกซ์” มาร่วมถ่ายทอดทุกมิติความกลัวของ “โบ” ที่จะทำให้คุณ ‘คาดไม่ถึง’

นอกจากนำแสดงโดย วาคีน ฟีนิกซ์ แล้ว Beau Is Afraid ยังได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง “แพตตี้ ลูโพน” (Evita, Les Miserables) มารับบทเป็นแม่ของโบ รวมถึงได้ “นาธาน เลน” (The Birdcage, Mouse Hunt), “เอมี ไรอัน” (Gone Baby Gone, Birdman), “สตีเฟน แม็กคินลีย์ เฮนเดอร์สัน” (Dune) และ “อาร์เมน นาฮาเพเชียน” นักแสดงเด็กหน้าใหม่น่าจับตามองผู้รับบท โบ ในช่วงวัยเด็ก มาร่วมถ่ายทอดความ “กลัว” ภายใต้อารมณ์ขันสุดดาร์กในแบบฉบับของ “อารี แอสเตอร์” หากใครยังคิดถึงความ สยองแบบ Hereditary และ Midsommar อย่าพลาดที่จะไปท้าพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยตาคุณเอง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ช่วยกล่าวถึงที่มาของโปรเจคต์ Beau is Afraid หน่อย

แอสเตอร์: ที่มาของหนังเรื่องนี้คือผมอยากเขียนอะไรที่ทำให้ผมหัวเราะได้ เมื่อสิบปีก่อนผมอยู่ที่แอลเอ สัญญาเช่า ห้องของผม กำลังจะสิ้นสุด ผมต้องหาที่อยู่ใหม่ ผมนึกภาพของชายคนหนึ่งอาศัยอยู่ในห้องพักของตัวเอง ทุกข์ทรมานจากโรคเครียด กลัวทุกสิ่งอย่าง เขาเตรียมตัวไปเยี่ยมแม่ แต่มันอาจจะเป็นไปไม่ได้

ผมใช้เวลาหลายปีปั้นมันขึ้นมา ผมอยากทำหนังเรื่องนี้ก่อน Hereditary เสียอีก พอเริ่มเขียนไอเดียก็ค่อยๆ พรั่งพรู ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้ผมอินกับหนังเรื่องนี้ ผมสร้างสิ่งทีมีความเป็นการ์ตูน ใส่ความเป็นตัวเองลงไป ซึ่งเป็นอะไรที่ต้อง ใช้การประติดประต่อ แถมยังฮามากๆ อีกด้วย อย่างน้อยก็ในความคิดผมนะ ผมอยากให้มันเป็นหนังเรื่องแรกของผม แม้ว่าดราฟต์แรกมันจะมีความเป็นการ์ตูนมากกว่า และไม่ค่อยลึกซึ้งเท่าไหร่นัก แต่มันค่อยๆพัฒนาจนกลายเป็นอย่างที่เห็น มันมีความเป็นหนังผจญภัย คือการฝ่านรกแห่งฝันร้ายที่คุณจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

การทำงานกับ วาคีน ฟีนิกซ์ เป็นยังไงบ้าง

แอสเตอร์: ผมแปลกใจเพราะฟีนิกซ์ต้องการบทนี้ถึงขนาดเล่าแผนเตรียมตัวเพื่อรับบทเป็นโบ วาสเซอร์แมนน์ ให้ผมฟังด้วย ก่อนที่เราได้ร่วมงานกัน ผมรู้สึกว่าวาคีนเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุดในโลก แต่ผมคิดว่าเขาคงยุ่ง เขาเพิ่งได้ออสการ์ แถมยังต้องเตรียมรับ บทเป็นนโปเลียนอีก ผมไม่เคยทำงานกับนักแสดงคนไหนที่สนุกขนาดนี้ วาคีนถามทุกคำถามเท่าที่นักแสดงคนหนึ่งจะนึกออก เขาใส่ใจทุกรายละเอียดในบท เขาเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ขั้นเตรียมงานจนถึงปิดกล้อง

เรียกได้ว่าถ้าไม่มี วาคีน ก็ไม่มี โบ

แอสเตอร์: ใช่ ความทุ่มเทของวาคีนคือสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดดเด่น เขาจัดเต็มให้ทุกซีน ฟีนิกซ์ทุ่มเทถวายจิตวิญญาณให้กับการเป็นโบ เขาแปลงโฉมตัวเอง เล่นฉากสตันท์ด้วยตัวเองเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกระโดดทะลุกระจก, หล่นจากห้องใต้หลังคา, กลิ้งในอ่างน้ำทั้งวัน ในฐานะนักแสดงเขาต้องการซึมซับอารมณ์ตัว ละครให้ มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ วาคีนไม่วางฟอร์มดาราใหญ่ เขาทุ่มเทเกินร้อย

โบ คือใคร และเขากลัวอะไร ทำไมคุณถึงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดผ่านตัวละครนี้

แอสเตอร์: ผมว่าโบคือตัวอย่างชั้นเยี่ยมในการแสดงให้เห็นว่าพ่อแม่มีส่วนทำให้ลูกมีอาการวิตกจริตได้อย่างไร ความกลัว และความคาดหวังที่โมนา (แม่) ยัดใส่หัวโบตั้งแต่ลืมตาดูโลก มันเกินจะจินตนาการ มันชัดเจนว่าสิ่งที่โบกลัวที่สุด คือการทำให้แม่ของ เขาผิดหวัง เขาคิดอยู่เสมอถ้าสิ่งที่เขาเลือกมันผิดล่ะ?

จิตใจของโบหยุดการพัฒนาไปนานแล้ว มันมีหลายอย่างในตัวเขา ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจ ปมในใจ ของเขาไม่เคยได้รับการคลี่คลาย เขาโดนความเครียดตัดขา และติดกับดักในหัวของเขาเอง เขาเหมือนวัยรุ่นที่ ติดอยู่ใน ร่างชายวัยกลางคน

เราพาผู้ชมไปอยู่ในหัวของเขา อยู่ในความคิดและความรู้สึกของเขา ผมอยากให้ผู้ชมเหมือนเป็นเซลล์หนึ่งในตัวเขา เหมือนคุณเดินตามรอยเขา เดินทางไปกับเขา แต่มันไม่ได้เน้นไปที่การติดตามว่าเขากำลังไปไหน แต่เน้นไปที่ประสบการณ์ และความทรงจำของเขา จินตนาการและความกลัว หนังเรื่องนี้คือประสบการณ์ชีวิตของโบ

หลายคนคาดการณ์ว่า ผลงานทุกเรื่องมันเหมือนถอดมาจากเศษเสี้ยวของชีวิตคุณ

แอสเตอร์: ผมว่ามันมีตัวตนของเราอยู่ในผลงานที่คุณสร้างเสมอนั่นแหละ ไม่ว่าคุณจะจงใจหรือไม่ก็ตาม สำหรับผม หนังเรื่องนี้มีความเป็นตัวผมมากกว่าทุกเรื่องที่ผ่านมา มันมีอารมณ์ขันสไตล์ของผมในทุกอณูของหนัง ใช่ผมตั้งใจให้มันตลก เหมือนผมตั้งใจทำ Midsommar เป็นหนังตลก ผมจำได้ว่าผมอ่านบทวิจารณ์ คนเขียนบอกว่าไม่รู้จะขำดีไหมตรงฉากเซ็กซ์ซีน ผมรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าเข้าอย่างจัง ให้ตายสิตรงนั้นนี่ผมกะให้ขำกรามค้างเลยนะ

ได้ยินมาว่าคุณได้แรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่องนี้มาจากวรรณกรรม

แอสเตอร์: ดราฟต์แรกมาจากการลองเขียนไปเรื่อย ไม่นานผมพบว่าสิ่งที่เขียนได้อิทธิพลจากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น ตำนานกรีก, งานของบอร์เฆส, เวอร์จิล, คาฟกา, เสติร์น, เซอร์บันเตส และ เทนเนสซี วิลเลียมส์ ผมไม่อยากใช้โครงสร้างเล่าเรื่องแบบหนังทั่วไป ผมอยากให้มันเหมือนงานเขียน ไม่ประติดประต่อ หรือ เป็นอะไรที่ผู้ชมสามารถจับต้นชนปลายได้ง่ายเกินไป

คุณสนุกกับขั้นตอนไหนใน Beau is Afraid ที่สุด

แอสเตอร์: งานออกแบบนี่ทำผมเสียสมาธิมาก เพราะผมเอาแต่นั่งออกแบบรายละเอียดต่างๆ ในโลกของโบ จนลืมเตรียม งานด้านอื่นไปเลย มันไม่มีคำว่าจบ จนทีมออกแบบเกือบเป็นบ้า ทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าคงไม่มีปรับอะไรแล้ว ผมเอาของ มาเติมตลอด ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์, หนังสือ, ป้าย, ใบปลิว ผมสนุกกับการเนรมิตรโลกนี่มาก ทุกสิ่งที่คุณเห็นในทุก เฟรมของเรื่องผ่านการออกแบบมาหมด

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่คุณได้ร่วมงานกับค่ายหนังที่มาแรงที่สุดแห่งยุคอย่าง A24

แอสเตอร์: โชคดีที่ผมและ ลาร์ส คนุดเซน โปรดิวเซอร์ มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ A24 พวกเขาสนับสนุนโปรเจกต์นี้ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหนังเรื่องนี้เสร็จออกมาได้ เราแซวกันเสมอว่าใครกันที่บ้าให้ไฟเขียวโปรเจกต์นี้

เตรียมพบกับภาพยนตร์ที่คอหนังตัวจริงห้ามพลาด ผลงานเรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ Midsommar ใน Beau Is Afraid โบอย่าไปกลัว” 25พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

สกู๊ปพิเศษ:

https://www.youtube.com/watch?v=jsKxlGWLtyQ

ตัวอย่างซับไทย:

https://www.youtube.com/watch?v=h52V_Qr2PGU

ดูข่าวต้นฉบับ