ทั่วไป

ครูสาวโชว์ "เปิบพิสดารต้มยำค้างคาว" สำนึกผิดขอโทษ รับขาดสติ คิดน้อยเกินไป

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์
อัพเดต 10 พ.ย. 2565 เวลา 05.39 น. • เผยแพร่ 10 พ.ย. 2565 เวลา 05.16 น.

ครูสาวโชว์ "เปิบพิสดารต้มยำค้างคาว" ไลฟ์สดขอโทษสังคม ขาดสติ คิดน้อยเกินไป ต่อไปจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอโทษ

กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังว่อนคลิปครูสาวรายหนึ่ง ทำคอนเทนต์โชว์กินเมนูเปิบพิสดาร "ต้มยำค้างคาว" เนื่องจากค้างคาวเป็นสัตว์ที่สะสมเชื้อโรคเยอะมากมีเชื้อไวรัสที่ทำให้เสี่ยงโรคระบาดอีกด้วย ซึ่งต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร จับกุมดำเนินคดีครูสาวกินค้างคาว ในความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ และตามพรบ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ฐานครอบครองซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โทษจำคุก 5 ปี ปรับ 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เบื้องต้นครูสาวยังให้การปฏิเสธ

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ครูสาวโชว์ เปิบพิสดารต้มยำค้างคาว สำนึกผิดขอโทษ รับขาดสติ คิดน้อยเกินไป

ล่าสุดเมื่อคืนนี้ (9 พ.ย. 2565) ที่ผ่านมาครูสาวโชว์ "เปิบพิสดารต้มยำค้างคาว" ไลฟ์สดขอโทษสังคม ผ่านเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ขอโทษกับการกระทำดังกล่าว ขอโทษที่คิดน้อยและขาดสติ และจะไม่ทำคลิปลักษณะดังกล่าวอีก ซึ่งครูสาวได้กล่าวว่า

"สวัสดีค่ะดิฉันครู…. ขอโทษทุกๆ หน่วยงาน ขอโทษสังคม ขอโทษคุณหมอ นักข่าว เอฟซี เพื่อนร่วมงาน ครอบครัว ที่การกระทำของดิฉันที่ทำลงไปก็คือเราไม่เจตนาที่จะให้เป็นอย่างนั้น ขอโทษกับการขาดสติของตัวเอง ที่คิดน้อยขอโทษมากๆที่ทำแบบนั้น ต่อไปจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วในคลิปแบบนั้น และจะไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอโทษ ขอโทษมากๆค่ะ ขอโทษที่ทำให้ผิดหวังและเสียความรู้สึกในตัวฉัน ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอโทษ"

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ครูสาวโชว์ เปิบพิสดารต้มยำค้างคาว สำนึกผิดขอโทษ รับขาดสติ คิดน้อยเกินไป

นอกจากนี้ ครูสาวยังได้พิมพ์ข้อความอีกว่า "ฉันขอโทษนะเธอ ที่ฉันคิดน้อยมากเกินไป ทำอะไรแบบขาดสติ ฉันขอโทษที่ทำให้เธอผิดหวังและเสียความรู้สึกในตัวฉัน สิ่งที่ฉันทำลงไปมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ และฉันก็เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ขอโทษมากๆค่ะ"

ครูสาวโชว์ เปิบพิสดารต้มยำค้างคาว สำนึกผิดขอโทษ รับขาดสติ คิดน้อยเกินไป
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมที่ Tnews

ดูข่าวต้นฉบับ