(15 ส.ค. 67) หลังจากที่วานนี้ศาลรัฐธรรมอ่านคำวินิจฉัยถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นอกจากกระแสความตกใจในหมู่ประชาชนเนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีสัญญาณว่านายเศรษฐาจะถูกถอดถอนเลย
อีกกระแสที่มีตามมาคือความกังวลเรื่องโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท หรือ ดิจิทัลวอลเล็ต ที่นายเศรษฐาเป็นหัวเรือใหญ่ในการผลักดัน ว่านายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะเดินหน้าทำโครงการต่อ หรือจะยุติโครงการไป
ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์23 ลงพื้นที่สอบถามความเห็นของประชาชนในหลากหลายพื้นที่ถึงเรื่องดังกล่าว ที่ จ.บุรีรัมย์ ประชาชนผู้สูงอายุบอกว่าก่อนหน้านี้มีความหวังว่าจะได้เงินดิจิทัล 10,000 บาท ไปซื้อของเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวในยุคที่ข้าวของแพงได้บ้าง แต่ตอนนี้แทบจะหมดหวังแล้ว เพราะไม่รู้ว่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาลชุดใหม่จะยังสานต่อโครงการหรือไม่ แต่หากยังดำเนินการต่อก็อยากให้แจกเป็นเงินสดมากกว่า จะได้ไม่ต้องยุ่งยากในการใช้งาน และเชื่อว่าการแจกเป็นเงินสดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก หรือพ่อค้าแม่ค้าในชนบทได้มากกว่า และสิ่งที่ประชาชนกังวลคือข้อมูลที่ลงทะเบียนไปแล้ว แต่โครงการหยุดชะงัก ข้อมูลจะรั่วไหลหรือไม่ เพราะการลงแอปทางรัฐมีทั้งให้กรอกเลขบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าด้วย จึงรู้สึกกังวล
ที่ จ.พิษณุโลก ประชาชนหลายคนบอกว่ารู้สึกตกใจและกังวลใจ โดยก่อนหน้านี้ได้ลงทะเบียนกับแอปพลิเคชันทางรัฐเรียบร้อยแล้ว และมีการวางแผนการใช้เงินดิจิทัลแล้วว่าจะนำไปใช้จ่ายในครอบครัว รวมถึงนำไปต่อยอดในการลงทุนประกอบอาชีพต่อไป
นายสมชัย พ่อค้าขายทุเรียน บอกว่า รู้สึกตกใจ ไม่คาดคิดว่า นายกรัฐมนตรีจะสิ้นสภาพเลย หลังคำตัดสิน คิดว่าไม่น่าจะถึงขนาดนี้ และได้พูดคุยกันกับคนในบ้านว่า ในเมื่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าทุกคนจะหวังกันเยอะก็ตาม โดยเฉพาะ พ่อกับแม่ เป็นคนแก่ ที่ไม่มีรายได้แล้ว หวังว่าจะได้เงินดิจิทัลเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ส่วนตัวเองก็อยากจะได้เงินเอาไปลงทุนเพิ่ม ในความคิดเห็นส่วนตัวก็อยากให้ พรรคเพื่อไทยเดินหน้าเรื่อง เงินดิจิทัล 10,000 บาทต่อไป เผื่อว่าการค้าขายจะได้ดีขึ้นมากกว่าในปัจจุบัน เพราะว่าทุกคนก็จะมีเงินใช้จ่าย เหมือนช่วงโครงการคนละครึ่ง
ส่วน น.ส.อรพรรณ แม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล บอกว่า เงินดิจิตอลของครอบครัว รวมแล้วจะได้ 30,000 บาท เธอหวังว่าจะนำเอาใช้เกี่ยวกับการซ่อมแซม ปรับปรุงบ้านโดยตรง และค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะว่าการทำงานเดินขายสลากกินแบ่งรัฐบาล มีรายได้เพียงงวดละ 5,000 บาท เพียงพอให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเท่านั้น แทบไม่เหลือ นำเอาไปใช้ทำอย่างอื่นได้เลย
ที่ จ.นครราชสีมา นายอานนท์ วินจักรยานยนต์รับจ้าง บอกว่า ตนไม่ได้ลงทะเบียนรับเงิน 10,000 บาท เนื่องจากจะรอดูการตัดสินคดีของนายกเศรษฐาก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามที่ตนคาดเอาไว้ว่า นายกเศรษฐาจะพ้นจากตำแหน่ง หลังจากนี้ไปก็ไม่รู้ว่าโครงการนี้จะยังดำเนินการต่อหรือไม่อย่างไร แต่ถ้านายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่จะมีการคัดเลือกกันนั้นอยากดำเนินโครงการนี้ต่อ ตนอยากให้แจกเป็นเงินสดมากกว่า เพราะว่าประชาชนจะได้ใช้เงินจริงๆ นอกจากนี้ ตนสงสารกับประชาชนบางคนที่ลงทุนซื้อโทรศัพท์ใหม่ เพื่อจะมาร่วมลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ตโครงการนี้