แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเป็นดีเอสไอ โทรป่วนหมอ อ้างถูกซัดทอดคดีฟอกเงิน ให้มารายงานตัว

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกเป็น ตร.เชียงใหม่ โทรรีดเงิน อ้างส่งพัสดุผิด กม. เหยื่อเสียรู้โอน 7 พัน

บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ้างเป็นตร. ตุ๋นคนไทย คาดสูญ 300 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 65 บางช่วงบางตอน ของบันทึกการสนทนาที่นายแพทย์ชลภิวัฒน์ ตรีพงษ์  นายแพทย์ชำนาญการ สถาบันประสาทวิทยา สามารถบันทึกไว้ขณะคุยกับหญิงคนหนึ่งที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยได้โทรมาหา พร้อมอ้างว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ให้เขาเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ หลังถูกผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินซัดทอด ว่า เขาเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารให้

แก๊งคอลเซนเตอร์ : แจ้งหมายเลขคดี รบกวนเอากระดาษ ปากกามาจดนะคะ

หมอ : ครับ หมายเลขคดีอะไรครับ

แก๊งคอลเซนเตอร์ : หมายเลขคดี จ 939/2564 เป็นคดีแดงนะคะ

หมอ : คดีแดงคืออะไรครับ

แก๊งคอลเซนเตอร์ : เป็นคดีแดงที่ให้ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษค่ะ

หมอ : หมายถึงว่า ผมทำผิดอะไรครับ ถึงโดนคดีแดง

แก๊งคอลเซนเตอร์ : ตรงนี้คุณไม่ได้ทำผิดอะไรนะคะ แต่คุณโดนนายสุเมธ ขวัญแก้ว กล่าวอ้างมานะคะ

หมอ : นายอะไรนะครับ คนที่แจ้งหาหาผมชื่ออะไร

แก๊งคอลเซนเตอร์ : สุเมธ ขวัญแก้ว ผู้ต้องหานะคะ

นายแพทย์ชลภิวัฒน์ เล่าว่า แก๊งคอลเซนเตอร์โทรมาหา 2 ครั้ง ครั้งแรกวันที่ 10 มกราคม แต่เพราะดูแลผู้ป่วยจึงไม่ได้รับสาย ต่อมาจึงโทรมาใหม่วันที่ 12 มกราคม ช่วงเวลา 10 โมง โดยเบอร์โทรที่โทรเข้ามาแตกต่างกัน แต่ขึ้นต้นด้วย 093 เมื่อรับสายแล้ว ปลายสายอ้างว่า เป็นร้อยตำรวจเอกหญิง สังกัดดีเอสไอ แล้วแจ้งว่า ตนเองถูกผู้ต้องหาชื่อ นายสุเมธ ขวัญแก้ว ผู้ต้องหาในคดีฟอกเงิน ซัดทอดว่า เป็นผู้เปิดบัญชีธนาคารให้ จึงให้มารายงานตัวที่ดีเอสไอ หรือหากไม่สะดวกให้ไปที่สน.พญาไท 

โดยระหว่างสนทนานายแพทย์ชลภิวัฒน์ พยายามจะสอบข้อมูลต่างๆ เช่น ถามเลขบัญชีธนาคาร แต่ปลายสายก็พยายามบ่ายเบี่ยง บอกเพียงเลขบัญชี 4 ตัวหลัง 4863 ย้ำไปย้ำมา และบางคำถามที่ถามกลับไป ปลายสายตอบไม่ได้ ได้ยินเสียงเหมือนมีคนอื่นบอกสคริปต์อยู่ข้างๆ ลักษณะเหมือนไม่ได้เป็นมืออาชีพ  หรือแพทย์บางคนที่โดนแก๊งนี้ป่วนเหมือนกัน พยายามจะด่ากลับไป ปลายสายก็จะด่าสวนกลับมา อ้างว่าที่ต้องทำแบบนี้ เพราะไม่มีจะกิน

“เขายังไม่ได้เป็นมืออาชีพมากนัก เพราะว่าบางครั้ง เรารู้สึกว่าเขาอ่าน หรือบางครั้งยังมีติด ๆ ขัด ๆ สิ่งที่เขาพูด ถ้าสมมุติเราไปแทรก เขาจะมีความรู้สึกหงุดหงิด หรือโมโห แต่ว่า เท่าที่ดูเพื่อนหลาย ๆ คน ก็จะมีคนที่เขาอัดเอาไว้บางครั้ง คนที่เขาไม่อยากคุย พอเขาด่าตอบกลับ ไปทำงานอื่น ทำไมจะต้องมาเป็นมิจฉาชีพด้วย เขาก็จะบอกว่า ก็เขาไม่มีจะกินแล้ว โดยใช้ที่อาจจะหยาบคายกว่านี้ ไม่มีจะกินแล้ว โควิด ก็ต้องทำแบบนี้แหละ” นพ.ชลภิวัฒน์ กล่าว

ขณะที่จำนวนแพทย์ที่โดนแก๊งคอลเซนเตอร์โทรป่วน นายแพทย์ชลภิวัฒน์ ระบุว่า  เฉพาะที่สถาบันประสาทมีประมาณ 10 คน และยังมีที่อื่น เช่น โรงเรียนแพทย์ โรงพยาบาลต่างจังหวัด และโรงพยาบาลเอกชน  ทั้งหมดเป็นแพทย์ด้านอายุรกรรม มีอายุระหว่าง 20 ปลายๆ – 40 ปี  จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า ชุดข้อมูลที่แก๊งคอลเซนเตอร์นี้ได้ไป น่าจะเป็นข้อมูลของอายุรแพทย์อย่างเดียว  แต่เบื้องต้นราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ประเทศไทย ได้ชี้แจงแล้วว่า มีระบบในการตรวจสอบ และเชื่อว่า ข้อมูลน่าจะไม่ได้หลุดออกไป จึงยังไม่ทราบว่า ข้อมูลส่วนตัวที่แก๊งคอลเซนเตอร์ได้ไปหลุดมาจากไหน

ทั้งนี้สิ่งที่กลุ่มแพทย์ที่ตกเป็นผู้เสียหายต้องการมากที่สุดคือ อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งหาตัวแก๊งดังกล่าว มาดำเนินดคี เพราะช่วงนี้หลังจากที่แพทย์เริ่มรู้ตัวว่า เป็นมิจฉาชีพแล้ว ก็ไม่ยอมหยุด แต่เปลี่ยนเป็นโทรมาป่วนแทน เช่น โทรซ้ำๆย้ำๆในเวลางานจนเกิดความรำคาญ โทรมาแจ้งว่าแพทย์บางคนว่า สามีถูกจับกุมข้อหาพรากผู้เยาว์ทั้งที่แพทย์คนดังกล่าว ยังไม่มีสามี หรือหนักสุดโทรมาแจ้งว่า พ่อ และแม่ของแพทย์ โดนรถชนให้มารับศพ

ขณะดียวกัน  พลอากาศตรี นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภาได้เข้ามายื่นหนังสือร้องเรียนพร้อมเอกสารและพยานหลักฐานพฤติกรรมให้ กสทช. เร่งแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการโทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงสมาชิกแพทยสภาหลายราย โดยกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ แอบอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจต่างๆ หรือเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ  โทรฯ มาหลอกลวงขอเอกสารสำคัญและให้โอนเงิน ซึ่งมีผู้เสียหายหลายราย

ขณะที่ พลโทดอกเตอร์ พีระพงษ์มานะกิจ กรรมการ กสทช.บอก กล่าวว่า  กสทช. ตระหนักถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กำลังระบาด สร้างความเดือดร้อนให้แพทย์ และประชาชนอยู่ในขณะนี้ จึงได้เร่งให้สำนักงาน ดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ซึ่งข้อมูลและหลักฐานที่ได้รับจากทางแพทยสภาในวันนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยทำให้การจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้