เรื่องสั้น

ถังหยวนซีสตรีสองภพ(จบ)

นิยาย Dek-D
อัพเดต 27 ก.ย 2566 เวลา 14.49 น. • เผยแพร่ 27 ก.ย 2566 เวลา 14.49 น. • koyzaa_6398
นับดาวสาวกำพร้าผู้โชคดีมีเศรษฐีรับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมจนเรียนจบ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอยากจะกลับสถานที่ที่เคยอยู่อย่างบ้านเด็กกำพร้า เสียดายที่เธอไม่สามารถทำได้ตามใจปรารถนาต้องมาตายก่อนเวลา

ข้อมูลเบื้องต้น

หลังความตาย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

นับดาว มองร่างตัวเองที่ถูกรถชนระหว่างเดินเข้าบ้านเด็กกำพร้าที่เคยอยู่มาตั้งแต่เด็ก จนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ถึงแม้เธอจะถูกเศรษฐีรับไปเลี้ยง แต่พอเติบโตพอมีเงินไม่มีสักครั้งที่จะนึกถึงที่แห่งนี้ วันนี้เธอกลับมาที่เชียงใหม่เงียบๆด้วยใจที่คิดถึง แต่สุดท้ายก็ต้องมาตายตรงหน้าประตู
"เจ้าจะโศกเศร้าไปไยมนุษย์ย่อมมีวันตายทุกคน"
นับดาวจ้องมองร่างโปร่งแสงสีทองของชายชราผมเงิน ดวงตาสีทอง สวมชุดเหมือนฮ่องเต้สมัยโบราณในซีรีย์ที่เธอชอบดูบ่อยครั้ง
ยังดีที่เธอจบเอกภาษา และชอบเรียนพิเศษเกี่ยวกับการออกแบบ ดนตรี วาดรูป บริหาร ภาษาจีนเธอย่อมเข้าใจ แต่แปลกตรงที่ภาษาจีนโบราณเคยศึกษา แม้กระทั่งวาดรูป เขียนอักษรด้วยพู่กันมาบ้าง แต่ไม่ได้ชำนาญ แปลกตรงที่เธอฟังเข้าใจซะอย่างนั้น
"ฉันยังคงมีสิ่งที่อยากทำอีกมากนี่คะคุณตา"
เธอตอบคุณตาที่ดูเหมือนจะตายในระหว่างแสดงหนังจีน แล้วหลงอยู่ประเทศไทยละมั้ง ใช่แล้วเธอนั้นอายุแค่28 ได้เป็นผู้จัดการสาขาใหญ่บริษัทออกแบบสิ่งก่อสร้างของพ่อบุญธรรม
สิ่งที่เธอต้องการทำนอกจากนี้คือทดแทนบุญคุณ และออกท่องเที่ยวตามที่ต่างๆศึกษาวัฒนธรรมทั่วโลกเมื่อตอนอายุ35ปี มันคงมีความสุขไม่น้อย
เพราะเธอได้บอกพ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้หลายคน เธอเป็นคนที่ห้าที่เขารับเลี้ยง และแน่นอนเด็กทุกคนที่เขาเลี้ยงดูมักจะจบแล้วช่วยเหลือบริษัท
พ่อบุญธรรมนั้นไม่ค่อยว่างนักต้องเดินทางบ่อยๆ สาขาบริษัทก็พูดขึ้นดั่งดอกเห็ด แต่เธอไม่ได้ห่วงอะไรเขาอย่างน้อยก็มีพี่น้องบุญธรรมอีก9คนดูแล
"หึหึ…สิ่งที่เจ้าอยากทำไปโลกใหม่ที่คู่ควรกับเจ้าไม่ดีกว่าเหรอเพราะอย่างไรโลกใบนี้เจ้าเป็นส่วนเกินตั้งแต่แรกแล้ว"
"หมายความว่ายังไงเหรอคะ"
"มานี่เถอะไปที่ของข้าแล้วจะให้ดูอะไร"
นับดาวถูกชายชราจับมือไม่นานภาพทิวทัศน์ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป
"เจ้ามองนางให้ดี"
นับดาวมึนงงแต่ก็ทำตามเห็นเด็กสาววัย13ปี ผู้มีใบหน้าข้างนึงงดงามเหมือนนางฟ้า เทพธิดาจุติ อีกข้างเป็นปานดำดูอัปลักษณ์ดั่งอสูรกลืนกิน รูปร่างของเธอผอม ผิวเหลือง บ่งบอกขาดสารอาหารดีที่สูงตามวัยถ้ามองจากสายตาคงไม่ต่ำกว่า160
ในตอนนี้เธอเห็นเด็กสาวก้มลงตักน้ำใส่ถังไม้ในลำธารกว้างใหญ่ติดกับภูเขา ชุดที่สวมจะว่าเหมือนชุดจีนโบราณก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ได้เหมือนมันอยู่ในช่วงยุคผสมมากกว่า "โครมมม!!!!" ถังไม้ถูกถีบจากเด็กหนุ่มวัยพอกัน พูดขึ้น
"นังปีศาจออกไปเดี๋ยวนี้นะกลับขึ้นไปบนภูเขาของเจ้าเสียอย่าเอาคำสาปมาตกใส่หมู่บ้านเรา!"
"ข้าไม่ใช่ปีศาจเจ้าสิปีศาจ" เด็กสาวพยายามลุกขึ้นเมื่อเธอถูกผลักโดยไม่มีเสียงร้องหรือน้ำตาให้เห็น
"หนอย! เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าตั้งแต่เกิดมาทำให้แม่เจ้าตายยังไม่พอตั้งแต่เจ้าเกิดมาดินแล้ง ฝนแทบไม่ตกพ่อเจ้าซวยถูกหมีฆ่าตายอีก อัปลักษณ์ ตัวซวยเช่นเจ้าจะไม่ใช่ปีศาจได้เช่นไรไปไกลๆเลย"
"ไปเลยๆ!!!!!" เด็กในหมู่บ้านต่างไล่นางขึ้นเขาไปโดยที่เธอไม่มีแรงต่อสู้ ก้มหน้าถือถังไม้เปล่าขึ้นเข้า จนมาถึงกระท่อมร้างเก่าๆพุพัง
"ฮือฮือ!!!!!"
เด็กสาวที่มีชะตาอาภัพร้องไห้อย่างเวทนา เธอนั้นเกิดมาได้ยินย่าบอกว่าแม่ตกใจหน้าตาของเธอจนตาย ส่วนพ่อดีหน่อยคอยเลี้ยงดูจนเธออายุ10ขวบ ท่านก็ถูกหมีป่ากัดจนไส้ทะลักตาย นี่เป็นเหตุผลที่ย่าตัดเธอออกจากตระกูล ให้กลายเป็นเร่ร่อน
เด็กน้อยในวันวานอยู่ไปด้วยความหวาดกลัวไปที่ไหนก็ไม่มีผู้ใดต้อนรับ จำต้องขึ้นเขาไปอยู่กระท่อมร้องโดยอาศัยแอ่งน้ำ และผลไม้จากนกที่จิกกินอย่างเวทนา
วันนี้ลงเขาเพราะฝนแล้งน้ำเริ่มหมด ผลไม้เหี่ยวแห้งล้มตาย เธอหิวเลยลงมาตักน้ำที่มีอยู่ในลำธารของหมู่บ้านเอาไว้กิน สุดท้ายโดนไล่อย่างไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์
"อึก อึก!!!!" "พรึ่บ" นับดาวดูเด็กสาวที่ร้องไห้จนอ้าปากค้าง ตาเหลือก จับหัวใจตัวเองก่อนล้มไป ไม่นานมีร่างวิญญาณของเด็กสาวที่ยังคงร้องไห้อย่างน่าสงสารเฝ้ามองศพตัวเอง
"คุณตา…."
"ไปคุยกับนางเถอะ"
"ฉันไปคุยเธอจะรู้เรื่องเหรอคะ"
"ลืมไปข้ามอบแค่การรู้แจ้งเล็กให้พอฟังภาษาโลกนี้ได้ แต่เอาเถอะเจ้าลองไปคุยกับนางดู" นับดาวเธอไม่รู้หรอกว่าชายชราคนนี้เป็นผีนักแสดงจีน หรือเทพกันแน่ แต่ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าคงเป็นเทพไม่งั้นทำแบบนี้ไม่ได้แน่
"ฮือฮือ…."
"เอ่อ…เจ้า…." นับดาวอ้าปากค้างเธอพูดภาษาไทยแต่ตอนนี้เหมือนจะพูดภาษาโลกนี้ได้แล้ว เธอสงบสติอารมณ์เล็กน้อยสะกิดร่างวิญญาณของเด็กสาวเพื่อปลอบใจ
"ฮึกฮึก! พี่สาวอย่ามาใกล้ข้าเลยเดี๋ยววิญญาณจะแปดเปื้อนตัวซวยต้องสาปอย่างข้าได้" หยวนซีเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วลุกถอยห่างจากนับดาวไปอีกมุม
"เอ่อ….ท่านตา" นับดาวมองหาตัวช่วย แต่ชายชราไม่ได้สนใจเขานั่งลงดึงปานบนใบหน้าของศพออกจนเผยโฉมงดงาม ร่างกายที่ซูบผอม มีเนื้อหนัง ผิวที่เหลืองโทรม ผมหยาบกร้าน เต็มไปด้วยรอยกัดของ มด ยุง แมลง หายไปเผยผิวที่ฉ่ำน้ำ นวลเนียนดั่งผิวเด็ก ขาวกระจ่างเหมือนหิมะแรกแย้มที่ต้องแสงสดใส
ดูอย่างไรก็เหมือนคนนอนหลับถ้าไม่ติดตรงที่ไร้ลมหายใจ แน่นอนว่านับดาว และวิญญาณเจ้าของร่างตกใจ แต่แล้วชายชรามาตรงหน้านับดาว และดวงวิญญาณนั้น
"นี่สำหรับของเจ้าในนี้จะมีชุดที่เหมาะกับรูปร่างของเจ้าทำจากไหมสวรรค์ช่วยให้อบอุ่นเวลาหนาว เย็นสบายเวลาร้อนสิบชุด และผ้าไหมสวรรค์อีกสิบพับ"
"นอกจากนั้นยังมีโอสถต้านพิษพ่าย5เม็ดผู้ใดกินเข้าไปมันจะขับพิษออกมาและช่วยต้านพิษทุกชนิดถาวร แล้วยังมีโอสถฟื้นฟูร่างกายวิญญาณอยู่10เม็ด โอสถทะลวงปราณ10เม็ด โอสถหลอมกระดูก10เม็ด โอสถรักษาทุกโรค10เม็ด โอสถเพิ่มอายุขัย10ปี10เม็ด"
"นอกจากโอสถเจ้ายังได้อ่างน้ำวิญญาณที่ผลิตน้ำวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยรักษา เยียวยา เป็นดั่งโอสถทุกอย่างที่ข้าพูดมามันจะเติมขึ้นวันละหนึ่งหยด แล้วยังมีตำราเกี่ยวกับการฝึกตน วิชาอีกเล็กน้อย หยกวิญญาณ หยกธาตุบางส่วน"
"นอกจากนี้ยังมีครีมบำรุงทำจากน้ำนมสวรรค์ผสมน้ำทิพย์สวรรค์เพียงแค่ทาก็จะมอบความอ่อนโยน ขาวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ถนอมผิวจากแสงแดด สภาพอากาศมีทั้งหมดร้อยชุดพร้อมเครื่องประทินโฉมนอกจากนี้ยังมีซอสสวรรค์อีกร้อยไห ส่วนตำลึงข้ามีเพียงตำลึงทองสิบก้อนให้เจ้าเท่านั้น"
"เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านตาท่านอธิบายให้ข้าเข้าใจหน่อยเหตุใดถึงมอบมันให้ด้วยเจ้าคะ" นับดาวถามขึ้นเธอตายแล้วนะจะใช้พวกมันได้ยังไง
"เจ้าต้องอยู่แทนที่นางแล้วจงมีความสุขให้ได้เพราะมันเป็นโลกที่เจ้าควรอยู่ภารกิจของข้าคือมอบความสุข สมหวังให้แก่เจ้าและชายผู้นั้นที่ข้าไม่อาจบอกได้"
"หืม…แล้วเด็กคนนี้ล่ะคะ"
"นางจะไปอยู่ในโลกที่เหมาะสมของนางโดยแหวนที่ข้าให้จะแตกต่างออกไปให้เหมาะแก่โลกนั้น" นับดาวมองเด็กสาวที่มองแหวนในมือตัวเองหายตกใจ เสียใจแล้วสินะ
"แล้วฉันจะใช้แซ่ไหนล่ะคะในเมื่อครอบครัวไม่มีด้วยมันจำเป็นมากที่ต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่"
"เอาป้ายหยกของข้าไปข้าเคยเป็นมนุษย์อยู่ในโลกนี้มาก่อนข้าไม่มีลูกหลานญาติมิตรตัวคนเดียวเจ้าก็ตั้งตระกูลถังขึ้นมาแทนข้าที่ไม่มีโอกาสได้ทำจะได้หรือไม่" นับดาวมองมือตัวเองที่มีหยกสีขาวคำว่าถัง ส่วนด้านหลังเติงหลุนทำให้เธอพยักหน้า แล้วคุกเข่าลงทำการก้มหัวทำความเคารพแก่เขา
"ต่อไปนี้ข้าคงต้องคำนับท่านเป็นท่านตาแล้ว"
"ฮ่าฮ่า! ตาเหรอก็ดีนี่แล้วนี่โฉนดที่ดินที่ข้ามีตอนเป็นมนุษย์เมื่อสามร้อยปีก่อนไม่รู้ว่าจะยังคงมีอยู่หรือไม่แต่ข้าสร้างค่ายกลไว้นอกจากผู้ที่เก่งปลดมันได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร"
"แล้วมันอยู่ที่ไหนเหรอเจ้าคะ"
"ใต้สุดของเมืองธารา ใกล้หมู่บ้านวารี หุบเขาหมอกทมิฬ แคว้นมังกรฟ้าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปไม่รู้ว่าจะเป็นเส้นทางเดิมที่ข้าวาดไว้หรือเปล่าเจ้าเอาไปอ่านเถอะก่อนข้าจะไปอยู่แคว้นนั้นเคยผ่านแคว้นนี้อยู่" นับดาวเก็บทุกอย่างเข้าแหวนมิติที่ดูจะจดจำจิตวิญญาณเธอได้ จากนั้นเดินไปกอดเด็กสาวที่ตอนนี้ยิ้มให้แก่เธอ
"ต่อไปอย่าได้น้อยใจโชคชะตาอีกนะทำความสุขให้ตัวเองมากๆส่วนชีวิตนี้ของเจ้าพี่สาวขอสานความสุขได้หรือไม่"
"ข้ายินดีเจ้าค่ะขอบคุณท่านมาก"
"เอาล่ะๆเราต้องแยกจากกันได้แล้วเจ้าเข้าไปนอนตรงร่างนางเถอะ" นับดาวทำตามจากนั้นสิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นคือแสงสว่างจ้า พร้อมเสียงเตือนจากท่านตาของตน
"หยดเลือดลงในแหวนด้วยล่ะมันเป็นแหวนคงสภาพ และจดจำเจ้าของขอให้เจ้าโชคดี" นับดาวจดจำเอาไว้ เธอไม่อาจตอบได้เพราะต้องหลอมรวมความทรงจำของเด็กสาวที่ตอนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกใดหลงเหลืออยู่ นอกจากน้อยใจครอบครัวของผู้เป็นพ่อเท่านั้น

ชีวิตใหม่

นับดาวไม่ใช่สิหยวนซี ลืมตาตื่นขึ้นปรับแสงที่แยงตาจากนั้นลุกขึ้นมองหามีดเล่มเก่า ที่แต่เดิมอยู่ในกระท่อมแห่งนี้ที่เคยเป็นที่พักของพวกนายพราน แต่ตอนนี้ร่างนี้ครอบครองโดยไม่มีใครกล้าผ่านเข้ามาได้
เมื่อเจอมีดที่ขึ้นสนิมแต่พอมีความคมอยู่นางก็บาดนิ้วตัวเองเล็กน้อยจนเกิดแผลจากนั้นหยดเลือดลงแหวนทันที 'วูบบ' ทัศนียภาพเปลี่ยนไปเป็นห้องเก็บของขนาดใหญ่ มีหีบสมบัติขนาดใหญ่มากมายแบ่งตามป้ายที่เขียนประกอบด้วย โอสถ ชุดผ้าไหม ครีมบำรุงเครื่องปรุง หยกวิญญาณธาตุ
ส่วนถัดไปมีอ่างขนาดกลางมีน้ำใสประกายทองนับได้มีเพียงหนึ่งหยด และข้างกันนั้นมีตำรา สมุดจดการเดินทาง ตำลึงทองสิบก้อน และป้ายหยกท่านตาเพียงเท่านั้น พออยากออกจากที่ตรงนี้ทัศนียภาพเปลี่ยนไปเป็นกระท่อมร้างเหมือนเดิม
ชุดที่อยู่ในแหวนนางไม่คิดที่จะสวมใส่ในตอนนี้เพราะร่างนี้พอมีชุดหลวมๆเก่าๆใส่บ้าง ยังดีที่ลงไปแอบซักตรงลำธารระหว่างฤดูเก็บเกี่ยวที่ชาวบ้านมักผ้าครอบครัว เด็กๆไปทุ่งนา
นางเปลี่ยนชุดใหม่เป็นชุดที่สะอาดที่สุดสวมใส่เข้าไปพร้อมผ้าไหมหยาบๆปิดบังใบหน้าครึ่งนึงเหลือไว้แค่ดวงตา จากความทรงจำร่างนี้ถูกคำพูดดูถูกจากครอบครัวใหญ่ เช่นย่า ลุง อา แต่ดีที่มีพ่อดีคอยปกป้องอยู่บ้าง
เมื่อพ่อตายนางก็ขาดเสาหลักทำให้ถูกเนรเทศมาอยู่บนเขาช่างเป็นย่าที่ใจดำจริงๆ แต่ดีแล้วที่ยังมีสัญญาตัดขาดทำให้นางยกยิ้มออกมา เมื่อเก็บของเข้าแหวนมิติเสร็จก็ทำการเผากระท่อมทันทีจากนั้นลัดตรงเขาไปเรื่อยๆ จนลงมาทางผ่านของหมู่บ้านที่ไม่มีใครสนใจนางเพราะต้องไปช่วยกันดับไฟ
ยังดีในกระท่อมมีเชื้อเพลิงอยู่ร่างนี้จะใช้จุดไฟครั้ง สองครั้งเท่านั้นในยามหนาวมีหนังสัตว์แห้งให้ความอบอุ่นอยู่บ้าง ยังดีที่แคว้นนี้จะร้อนมากกว่าหนาวทำให้อยู่รอดมาได้ด้วยตัวคนเดียวถึง3ปี
เมื่อเดินออกมาจากหมู่บ้านนางก็เดินไปเรื่อยๆตามทางที่ชาวบ้านมักจะแบกของไปขาย เช่นเดียวกับร่างนี้ที่เอาของป่าไปขายเช่นกัน คนที่ไม่รู้จักก็จะซื้อ พอคนรู้จักมาเห็นก็จะพูดให้นางอับอาย แน่นอนว่าถูกไล่ให้ออกไปไกลๆจากตลาดแห่งนี้
วันนี้นางมาในเมืองอีกครั้งเดินไปในร้านขายชุดโดยไม่ปิดบังใบหน้า ตอนนี้นางอาจคล้ายแบบเดิมอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนมันคงจะงดงามกว่าเดิมเมื่อเห็นสายตาของบุรุษจ้องมองไม่วางตา
ท่านตานั้นแปลงโฉมให้นางใหม่แม้กระทั่งความสูง เหมือนเด็กสาวใกล้ถึงวัย13หนาว ที่สูงถึง170 ถ้าวัดจากสายตา ส่วนใบหน้าที่นางเห็นก่อนหน้างดงามมากยามหลับไม่รู้ว่าดวงตาคู่โตนี้จะงดงามมากเพียงไรเมื่อลืมตาขึ้นมองทุกสรรพสิ่ง
"เถ้าแก่เนี้ยข้าอยากได้ชุดฝ้าฝ้ายสำเร็จที่ดีที่สุดของร้านท่านมีหรือไม่"
"มี…เจ้ามาดูก่อนข้าขายเพียงหนึ่งตำลึงเป็นผ้าฝ้ายอ่อนคล้ายไหมชั้นล่างอยู่บ้าง"
หยวนซียกยิ้มเมื่อมองการเย็บอย่างปราณีตคุ้มค่าแก่การจ่ายเพราะตำลึงในโลกนี้ 1000อีแปะเท่ากับ1ตำลึงเงิน 10ตำลึงเงินเท่ากับ1ตำลึงทอง ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาจะบอกว่าแพงมากแต่มันดีตรงที่เป็นผ้านิ่ม ใส่แล้วสบายในช่วงฤดูร้านแบบนี้
ชุดที่ร้านนี้ออกแบบชุดเดรสกี่เพ้า ชายชุดยาวมีความโบราณอยู่ แต่เหมือนย้อนวัยไปยุค70 ของจีนเช่นกันเป็นดั่งร้านค้า เหลาอาหารเหมือนร่วมสมัยแต่คงความโบราณอย่างมากเพราะมันไม่มีไฟฟ้า หรือรถยนต์มีเพียงเกวียน รถม้าเท่านั้น
"เช่นนั้นข้าขอแบบนี้สามชุดและชุดเอี้ยมเข้าชุดด้วยเจ้าค่ะ" นางเลือกชุดสีชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ขาว
"ข้าคิดเพียงสี่ตำลึงเงินก็พอ" นางหยิบตำลึงทองให้หนึ่งก้อนจากนั้นเถ้าแก่เนี้ยก็มอบชุดให้โดยห่อกระดาษจนนางสงสัย
"คิกคิก! เจ้าสงสัยเหรอถุงกระดาษนี้ทำมาจากเปลือกไม้ชนิดนึงข้าไม่รู้ว่าอะไรหรอกแต่เสนาบดีการทูตไปสร้างไมตรีต่างแคว้นเห็นเขานิยมใช้และแน่นอนว่าเขาศึกษาจนวังหลวงมอบทุนให้ทดลองทำจนได้สิ่งเหล่านี้มา ของพวกนี้มีขายเฉพาะทางการเท่านั้นข้าพอซื้อมาบ้าง"
"แพงหรือไม่เจ้าคะ"
"ไม่เลยของที่หาจากธรรมชาติถึงแม้ฝนไม่ค่อยตกแต่ต้นไม้ล้มตายเยอะย่อมนำมาทำจนเกิดประโยชน์จ้าซื้อได้ร้อยชิ้นหนึ่งตำลึงทองเอง แต่มันจะไม่ผลิตแล้ว"
"เพราะเหตุใดเหรอเจ้าคะ"
"ทางการจะทำกระดาษจากเปลือกไม้ขายให้บัณฑิตร่ำเรียน"
"เป็นแบบนี้เองข้าเข้าใจแล้วขอบคุณมากเจ้าค่ะ"
"ไปแล้วเหรอว่าแต่เจ้าเป็นลูกสาวตระกูลไหนเหรองดงามแต่เด็กเลย"
"ข้ามาจากตระกูลถังอยู่แคว้นมังกรฟ้าเจ้าค่ะ"
"หืม…ไกลกว่าแคว้นมังกรดินของเราอีกเอาล่ะๆเดี๋ยวข้าไปดูลูกค้าคนอื่นก่อน"
หยวนซีก้มหัวเล็กน้อยจากนั้นถือถุงกระดาษออกจากร้านโดยแสร้งเก็บตำลึงเงินที่ทอนใส่ในแขนเสื้อแต่ทีจริงแตะตรงแหวนมิติเหลือเพียงหนึ่งตำลึงเงินเอาไว้ตรงถุงกระเป๋าเสื้อเล็กๆตรงชายเสื้อเท่านั้น
"เถ้าแก่ข้าขอพักสักคืนเท่าไหร่เหรอเจ้าคะ"
"คืนละหนึ่งตำลึงเงิน ห้องครัวให้เช่าวันละสิบอีแปะ มีน้ำมอบให้วันละสามถัง" หยวนซีทำทีแตะแขนเสื้อที่ยาวเลยนิ้วนำออกมาให้เขาหนึ่งตำลึงทองและร้อยอีแปะ
"เช่นนั้นข้าขอพักสิบคืนและทุกวันขอใช้ห้องครัวด้วย"
"เจ้าจะพักด้านหลังโรงเตี๊ยมแบบส่วนตัวหรือไม่"
"ข้าต้องจ่ายเพิ่มอีกเท่าไหร่ล่ะเจ้าคะ" หยวนซีถามขึ้น
"เรือนด้านหลังมีห้องครัวส่วนตัว น้ำเปล่ายกให้สามถังต่อวันเช่นเดิมเจ้าจ่ายมาอีกสองตำลึงเงินก็พอแล้ว"
"นี่เจ้าค่ะข้าขอพักเรือนหลัง"
"อืม…ตามมา" หยวนซีเดินตามจากนั้นเดินผ่านห้องครัวใหญ่ เข้าไปสวนไผ่ด้านหลังมีเรือนขนาดกลางอยู่
"นี่กุญแจของเรือนนี้อย่าทำสกปรกล่ะคุณชายเจ้าของโรงเตี๊ยมเพียงให้เช่าอยู่เท่านั้นถ้าสกปรกเราต้องไล่ออก"
"ข้าเข้าใจแล้วว่าแต่เป็นพื้นที่ส่วนตัวเหรอเจ้าคะ"
"อืม…เป็นเรือนรับรองของคุณชายดีที่เจ้ามาได้จังหวะยามคุณชายกลับเมืองหลวงข้าถึงสามารถเปิดให้เจ้าพักได้"
"อ่าว…แบบนี้ถ้าคุณชายท่านกลับมาล่ะเจ้าคะ"
"คุณชายของข้ากว่าจะมาก็หลายเดือนเจ้าเข้าไปพักเถอะห้องใหญ่เป็นของคุณชายห้ามเข้า"
"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะขอบคุณมาก"
หยวนซีแยกจากเถ้าแก่ดูแลโรงเตี๊ยมไขกุญแจเดินเข้าไปในเรือนที่แสนเรียบง่าย ของตกแต่งมีไม่มากห้องใหม่ถูกปิดไว้อย่างดี นางเดินไปห้องเล็กในนั้นมีเตียงที่นอนได้เพียงคนเดียว ตู้ไม้ใส่ของ โต๊ะน้ำชา เดินออกมาด้านหลังเป็นห้องน้ำที่มีแค่อ่างไม้ให้ แล้วถัดออกไปเป็นห้องครัวที่อุปกรณ์ยังคงอยู่ครบ
ทำให้นางพยักหน้า อย่างน้อยสิบวันนี้ต้องหาตำลึงเผื่อเอาไว้เป็นค่าเดินทางดูแล้วคงไกลน่าดู นางเดินออกมาก็มีเสี่ยวเอ้อร์เอาน้ำมาส่งสามถังทำให้นางปวดหัวเขาไม่เอาไปใส่ในห้องน้ำให้เลย แต่ดีที่นางมีแหวนมิติเก็บใส่แล้วค่อยไปเทในห้องน้ำ จัดการอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่ซื้อมาทันที
เมื่อทาครีมบำรุง ทำมวยผมโดยใช้ชายชุดเก่าสีขาว เหมือนชุดที่ซื้อมาของตัวเองมัดครึ่งศรีษะ จากนั้นเดินออกไปในตลาดอีกครั้งซื้อรองเท้า และชุดนอนจากร้านพี่สาวที่ขายชุดให้อีกครั้ง เมื่อได้แล้วก็เดินไปหาลู่ทางทันที
"เอ่อ…ไม่ทราบว่าท่านคือทหารคุมตลาดนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ"
นางถามคนที่ดูยังไงก็คือทหารนั่งอยู่บนโต๊ะทางฝั่งของหอแลกเงินทางการ มองนางด้วยแววตาตกตะลึง จริงๆแล้วนางพอใจใบหน้านี้มาก รูปโฉมงดงามดั่งดารุณีน้อยของเทพจิ้งจอกจำแลง
ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ มีแก้มไขมันเพิ่มความอ่อนเยาว์ คิ้วสีน้ำตาลเข็มเรียงตัวสวยรับกับดวงตาคู่โต ในตากลมสีน้ำตาลเข้ม ตัดขาวที่สดใสเหมือนอัญมณีอุ้มน้ำ ขนตาดั่งปีกผีเสื้อที่หนา ยาว งอนทั้งบนล่างเสริมให้ดวงตาทรงจิ้งจอกดูหวานเย้ายวนมากขึ้น
จมูกโด่งรั้นเป็นสันบ่งบอกความงามที่เอาแต่ใจ เย่อหยิ่งแต่ละมุนสวยงามเข้ากับองค์ประกอบทุกส่วนบนใบหน้า แม้แต่ปากอวบอิ่ม เป็นกระจับหยักสวยชุ่มช่ำเรียบเนียนสีชมพูพีช เหมือนสีแก้มที่ไม่ได้แต่งเติมแต่ดูดึงดูดสวยงามยิ่งนัก เวลายิ้มเชิญชวนให้บุรุษเพศหลงไหล สตรีอิจฉาเมื่อลักยิ้มทรงเสน่ห์เหมาะแก่ใบหน้าเยาว์สวยทั้งสองข้างนี้ทำให้ใบหน้าดูหวานมากกว่าเดิม
ผมสีนิลประกายน้ำตาล ยาวถึงสะโพกขอดขับให้ใบหน้ามีเสน่ห์ โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ขับผิวผ่องให้ขาวใสนวลเนียนมากยิ่งกว่าเดิม ยิ่งชุดที่สวมใส่เหมาะแก่อายุและบุคลิกที่บอบบาง เสริมสร้างส่วนเว้า ส่วนโค้งที่มีไม่มากแต่บอกเลยว่าไม่มีสตรีรุ่นเดียวกันจะสมบูรณ์แบบทั้งใบหน้า รูปร่างเช่นนี้เลย

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

เริ่มต้นหาเงิน

หยวนซีถามทหารเฝ้าตลาดตรงด้านหน้าหอแลกเงินของทางการ เขาได้สติใบหูแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัดเจนจนหยวนซี ยกยิ้มน้อยๆเพียงเท่านั้น
"เอ่อ…แม่นางไม่สิคุณหนูผู้นี้ต้องการทำการค้าเหรอ"
"ข้าเป็นคนต่างถิ่นอยากจะค้าขายเพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้านเกิดหลังจากศึกษาตำรากับอาจารย์เจ้าค่ะ"
"อะอืม….ตรงที่มีผ้าผูกไว้ยังไม่มีเจ้าของตรงอื่นมีหมดแล้วเหลือแต่ที่ราคาแพงแต่เป็นจุดทางผ่านของตลาดแห่งนี้ท่านอยากได้หรือไม่"
"เท่าไหร่หรือเจ้าคะ"
"วันละร้อยอีแปะ" หยวนซีพอเข้าใจถ้าเป็นคหบดีคงมีร้านสาขาของตัวเอง หรือเช่าหน้าร้านแต่ที่นางเห็นเป็นโต๊ะไม้ยาว มีเก้าอี้หนึ่งอันเพียงเท่านั้น มันเลยแพงสำหรับชาวบ้านทั่วไป
"เช่นนั้นข้าขอที่ตรงนั้นสิบวันเจ้าค่ะ" หยวนซีจ่ายไปหนึ่งตำลึงเงินชี้ตรงแถวที่สามต่อจากร้านขายผัก ผลไม้
"เจ้าเขียนนาม แล้วประทับลายนิ้วมือ"
"ข้าขอประทับลายนิ้วมือได้หรือไม่เจ้าคะ"
"งั้นก็ได้เจ้ามีนามว่าอะไร"
"หยวนซีแซ่ถังเจ้าค่ะ"
"ถังหยวนซีสินะประทับนิ้วมือเถอะข้าจะเริ่มคิดเป็นวันพรุ่งนี้เจ้ายินดีหรือไม่"
"เจ้าค่ะ" หยวนซียกยิ้มเมื่อรับใบสัญญามาจากนั้นเดินไปซื้อแป้ง หมู ผักที่สามารถทำซาลาเปา ขนมจีบ ได้จากนั้นถือของกลับโรงเตี๊ยมไปเจรจายืมชั้นนึ่ง และถาดไปจำต้องจ่ายอีกสิบอีแปะ
"เถ้าแก่ข้าอยากขายซาลาเปาส่วนมากเขาห่อใส่อะไรเหรอเจ้าคะ"
"เหตุใดเจ้าไม่ซื้อถุงกระดาษล่ะ"
"จริงด้วยขอบคุณเจ้าค่ะเถ้าแก่ข้าขอฝากสักครู่" นางคิดได้ก็วิ่งไปหอทางการเพื่อซื้อถุงกระดาษขนาดต่างๆอย่างละร้อยทันที
"เจ้าจะขายอะไรเหรอ" เป็นทหารเฝ้าตลาดคนเดิมถามขึ้น
"ข้าจะขายซาลาเปาเจ้าค่ะ"
"ซาลาเปาตรงนู้นมีขายแล้วเจ้าจะไหวเหรอ"
"ไม่เห็นเป็นไรนี่เจ้าคะทุกอย่างวัดที่ฝีมือ"
"ฮ่าฮ่า! เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะรออุดหนุนเจ้าแล้วกัน"
"เจ้าค่ะรอได้เลย" หยวนซีพูดด้วยรอยยิ้มแต่ไม่รู้เลยว่าผู้สนทนาหัวใจเต้นแรงเฝ้ามองนางด้วยความสุข เมื่อหยวนซีเดินกลับโรงเตี๊ยมจากนั้นไปที่เรือนก็เริ่มทำซาลาเปาไส้หมูซอสสวรรค์ไส้ทะลัก ไม่ต่างจากขนมจีบที่ตอนนี้นางต้องนวดตัดแป้งด้วยตัวเองอย่างทุลักทุเล
"ได้ซาลาเปาสองร้อยลูก ขนมจีบสามร้อยลูกแล้วข้าจะขายยังไงเนี่ย"
หยวนซีคิดหนักร่างนี้ไม่ค่อยเข้าใจการค่าเท่าไหร่นำของมาขายใครให้เท่าไหร่ก็แค่นั้น ซาลาเปาของนางลูกใหญ่ ไส้ทะลัก แป้งบางมีกลิ่นหอมไม่ต่างจากขนมจีบเลย นางนึ่งอยู่สักพักเมื่อสุกก็นำมากินทำให้นางตกตะลึงเพราะเครื่องปรุงที่ใช้คือน้ำซอสที่ได้ในไหใบใหญ่เท่าโอ่งเล็กเท่านั้น
"เนื้อหมักกลมกล่อม ไม่คาวนุ่มลิ้นอร่อยจัง"
เมื่อกินแล้วรู้สึกอยากกินอีกขนาดผสมซอสเล็กน้อยรสชาติขนาดนี้แล้วดูเหมือนร่างกายจะฟื้นฟูความเหนื่อยล้าด้วยทำให้นางเริ่มคิดถึงราคาจนต้องไปปรึกษาเถ้าแก่ โดยนำซาลาเปาและขนมจีบไปให้อย่างละสองลูก
"หืม…เจ้าทำได้อย่างไรกันอร่อยยิ่งนักแล้วนี่เนื้อทำยังไงถึงนุ่มไม่เหม็นได้เพียงนี้"
"ข้าใส่สมุนไพรแห้งที่ซื้อมาด้วยเจ้าค่ะท่านว่าจะขายได้หรือไม่เท่าไหร่ถึงจะดี"
"ลูกใหญ่ไส้เยอะเพียงนี้เจ้าขายลูกละห้าสิบอีแปะเถอะเพราะซาลาเปาไส้ผักธรรมดาขายสิบอีแปะแล้ว ส่วนไส้หมูแข็งๆขายตั้งสามสิบอีแปะ"
"ขายแบบนี้จะมีคนซื้อเหรอเจ้าคะ"
"ข้านี่แหละจะซื้อก่อนว่าแต่เจ้าทำเยอะหรือไม่"
"ตอนนี้ข้าทำเพียงอย่างละห้าลูกเจ้าค่ะ" นางให้เขาไปแล้วอย่างละสองลูกเหลือไว้กินบ้างเถอะส่วนที่เหลือนางได้เก็บใส่ในแหวนมิติแล้ว
"เช่นนั้นเจ้าไปทำเถอะพรุ่งนี้จะได้มีเผื่อขายให้ข้าอย่างละสิบลูกนี่ตำลึง" หยวนซีรับตำลึงเงินมาหนึ่งก้อนทำให้นางยิ้มกว้าง
"ขอบคุณเจ้าค่ะข้าขอไปซื้อแป้งอีกหน่อยก่อน"
"อืม…รีบไปเถอะค่ำมืดแล้ว"
"เจ้าค่ะ" นางวิ่งไปร้านหมู และร้านแป้งที่ตอนนี้ใกล้ปิดแล้วได้มามากพอสมควรนางก็กลับเรือนเริ่มทำซาลาเปา ขนมจีบเพิ่ม โดยอันเก่าไปยืมชั้นนึ่งจากในครัวใหญ่ และนางได้ทำการขอยืมรถเข็นไปด้วยเผื่อวันพรุ่งนี้ กว่าจะได้นอนยามจื่อ(23:30) นับดูแล้วรวมของเก่าได้ทั้งหมดพันกว่าลูกของแต่ละอย่าง นางจะแบ่งขายแค่อย่างละ500ลูกก็พอ ตกตำลึงอยู่ที่10ตำลึงทองถ้าขายหมดล่ะนะ
เช้าวันใหม่นางอาบน้ำ บ้วนปากแต่งตัวตั้งแต่เช้า วันนี้นางสวมชุดสีชมพูอ่อน ทำผมซาลาเปาสองข้าง ผูกด้วยเศษผ้าจากชุดเดิมที่พอมีสีชมพูบ้าง ใบหน้ามาเพียงครีม ตามจริงแล้วในหีบครีมบำรุงมีทั้งทาหน้า ทาตัว ยังมีชุดเครื่องสำอางค์อยู่ด้วย
ซึ่งนางไม่ได้ใส่อันใดนอกจากนวดใสปากแวววาวเคลือบริมฝีปากเท่านั้นทำให้วันนี้นางดูงดงาม สดใสมากกว่าเดิม นางเดินเข็นรถเข็นไปหาเถ้าแก่โรงเตี๊ยมนำซาลาเปา10ลูก ขนมจีบที่มีลูกใหญ่10ลูกให้เขา ที่ตอนนี้ทำได้แต่อ้าปากค้าง
"อะแฮ่ม! เจ้าจะขายหมดนี่เลยเหรอ"
"เจ้าค่ะข้าอยากลองดู"
"ต้องขายได้อยู่แล้วไปเถอะขอขายดีๆนะ"
"เจ้าค่ะ" หยวนซีเข็นรถเข็นที่มีชั้นนึ่งซาลาเปาขนาดใหญ่วางอยู่ไม่นานทหารเฝ้าตลาดที่ตอนนี้มีมากกว่าเดิมจนน่าตกใจ
"น้องสาวขายอะไรเหรอพี่ขอเหมาหมดได้หรือไม่"
"น้อยๆหน่อยเจ้าไปดูแลเขตของเจ้าสิ"
"หึย!อาหานเขตเจ้ามีสาวงามเหตุใดถึงหวงสหายนักเอาล่ะน้องสาวขายอย่างไรเหรอ"
"อย่างละห้าสิบอีแปะเจ้าค่ะพี่ชาย"
หยวนซียิ้มหวานจนสุดท้ายนางขายหมดไปอย่างละร้อยลูกจากพี่ชายทหารที่ตอนนี้คงไม่เรียกนางว่าคุณหนูอีกแล้ว คุณหนูที่ไหนจะมาขายของแบบนี้ล่ะจริงไหม เอ้อหานในตอนนี้ขอโทษที่สหายเสียมารยาททำให้นางหัวเราะออกมา
"ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดดีเสียอีกที่ข้าขายได้ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ชาย"
"อะอืม…เอาล่ะเดี๋ยวข้าช่วยจัดร้าน"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ" หยวนซีพยักหน้ายิ้มหวานให้พี่ชายทหารที่อายุไม่เกิน25 ที่ตอนนี้ทำตัวไม่ถูกช่วยนางเสร็จก็เดินไปทำหน้าที่ของตัวเอง และคอยมองนางอยู่ไม่วางตาจนทำให้หยวนซีขำในใจ
"ซาลาเปาขายยังไงเหรอแม่หนู"
"ลูกละห้าสิบอีแปะเจ้าค่ะท่านยาย"
"เหตุใดถึงแพงนักล่ะ"
"ที่แพงเพราะข้าใส่ไส้เยอะเจ้าค่ะท่านลองชิมดูก่อนก็ได้"
หยวนซีทำทีนำซาลาเปาออกมาแบ่งชิ้นเล็กให้หญิงชราที่ตอนนี้รับไปกินด้วยอย่างตาโต ในระหว่างนั้นนางก็แอบนำซาลาเปามาเติมให้ครบกำหนดเช่นเคยเท่านั้นแหละมหากาฬ แย่งชิงเริ่มขึ้นจนขายทุกอย่างหมดลงในเวลาเพียงครึ่งชั่วยาม(1ชั่วโมง)
"ข้ายังขายอีกเก้าวันเจ้าค่ะ" หยวนซีเก็บเหรียญอีแปะใส่กล่องไม้เล็กๆที่นางเห็นในเรือนหลังนั้นจากนั้นนำเข้าใส่ไว้ในแขนเสื้อแต่ที่จริงนำไว้ในแหวนมิติจากนั้นเดินไปหาพี่ชายเฝ้าหอทางการของตลาดแห่งนี้อีกครั้ง
"พี่ชายข้าอยากแลกตำลึงต้องไปทางไหนเหรอเจ้าคะ"
"เข้าไปด้านในเลยมีขุนนางการคลังอยู่ด้านใน"
"ขอบคุณเจ้าค่ะเช่นนั้นข้าขอฝากรถเข็นจะได้หรือไม่เจ้าคะ"
"ได้เดี๋ยวข้าดูให้" เอ้อหานเขายิ้มกว้างเมื่อนางมาพูดคุยด้วย จากนั้นเดินไปที่แผงขายของนางเก็บทุกอย่างใส่รถเข็นไม่นานเห็นนางเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะพี่ชาย"
"ข้ามีนามว่าเอ้อหานเป็นคนหมู่บ้านป่าไผ่ตรงนั้น"
"เจ้าค่ะเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน" หยวนซีชะงักเพราะนั่นเป็นชื่อหมู่บ้านของหมู่บ้านใจดำที่นางจากมา ถึงว่าดูหน้าคุ้นๆที่ไหนได้เป็นลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านแซ่เอ้อที่น้องชายเขารังแกร่างนี้ตรงลำธารนั่นเอง
"อืม…พรุ่งนี้มาใหม่ข้าขอเหมาเยอะหน่อยนะ"
"ได้เจ้าค่ะขอบคุณมาก" หยวนซียิ้มไม่ถึงดวงตาแต่การค้าขายจำต้องเก็บความแค้นนี้ไว้ในตอนนี้นางจากมาแล้ว เขาไม่ได้รังแกนางคอยช่วยเหลือนางก็ถือว่าแล้วต่อกันเถอะ
"

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
ดูข่าวต้นฉบับ