เรื่องสั้น

This My Turn! ถึงเวลาเซียนเกมข้ามมิติออนไลน์แล้ว [BL]

นิยาย Dek-D
อัพเดต 03 มี.ค. เวลา 05.45 น. • เผยแพร่ 03 มี.ค. เวลา 05.45 น. • ชิวเฟิงหลินเหอ
จากสตรีมเมอร์ชื่อดังที่ปกปิดตัวตนเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง สู่เซียนเกมที่ต่างมิติ สุดยอดผู้เล่น ลัคกี้เพลเยอร์.. แล้วแต่ใครจะเรียกก็แล้วกัน..

ข้อมูลเบื้องต้น

หานอวี้ สตรีมเมอร์ชื่อดังที่มีผู้ติดตามบนช่องมากกว่าห้าล้านคนในชื่ออ้ายอวี้ซิงซิง ด้วยฝีมือการเล่นเกมที่ไม่ต่างกับมืออาชีพ แต่กลับไม่เคยเปิดเผยตัวตนและปิดบังใบหน้าของตัวเองมาตลอด แต่จู่ๆวันหนึ่งสตรีมเมอร์อ้ายอวี้ซิงซิงก็หายไปจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

แต่อีกด้านหนึ่งหานอวี้ที่จำได้ว่าเผลอวูบหลับ กลับพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง อุปกรณ์ล้ำสมัยที่ไม่เคยเห็น ค่าเงินประหลาด แม้แต่การนับปีก็ยังแปลกไป ตั้งสติอยู่เกือบเดือนจนถึงวันที่ต้องออกจากโรงพยาบาลหานอวี้ก็ได้รู้ว่านอกจากดวงตาที่เปลี่ยนจากสีดำเป็นสีทอง เส้นผมจากสีดำเป็นสีกรมและไว้ยาวจนถึงอกก็ไม่อะไรเปลี่ยนไปเลย

อายุสิบเก้าเหมือนเดิม อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวเหมือนเดิม แต่ที่ต่างออกไปและสำคัญคือหานอวี้คนนี้จนมาก!! เหลือเงินติดตัวอยู่แค่ 10,000 ควอตซ์ (ประมาณ 2,000 หยวน)

ชีวิตใหม่ เพื่อนใหม่ โลกใบใหม่ และแม้จะเป็นโลกต่างมิติแต่ไอดีอ้ายอวี้ซิงซิงจะกลับมาเฉิดฉายบนโลกออนไลน์อีกครั้ง

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

-------------------------------------------------------

⚠️นิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของนามปากาชิวเฟิงหลินเหอเท่านั้น

⚠️ ไม่อนุญาตให้นำชื่อตัวละครและชื่อในเกมของเรื่อง This My Turn ถึงเวลาเซียนเกมข้ามมิติออนไลน์แล้ว ไปใช้ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม

โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

#เทพเกมข้ามมิติมาแล้ว

Twitter : @QFLH_Y

☕ can give a coffee to support me at > https://buymeacoffee.com/yyllin199u

แนะนำตัวละคร

⚠️ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม และไม่อนุญาตให้แคปหน้ารายชื่อตัวละครออกไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต

ชื่อ

ชื่อในเกม

กิลด์

คลาส

สังกัดกลุ่มดาว

หานอวี้อ้ายอวี้ซิงซิงเย่เสินผู้อัญเชิญว่างเปล่ากู้ไหลเอินสิงโตร่ำรวยเย่เสินเทมเมอร์นายพรานจูซีฮ่าวยมทูตจูซีเย่เสินหมอผีไฮดราอวี่หมิงเจ๋อเหล่าหมิง (ซีฮ่าวตั้งให้)เย่เสินนักเวทฟีนิกซ์หลี่อวี่หลิงเสี่ยวหลิงไม่สนเย่เสินนักธนูคนยิงธนูเซียงเฟยหลงเซียนหลงเล่อเทียนเย่เสินมือสังหารแมงป่องรั่วซิงกู่รั่วซิงเซียน/รั่วเซียนเย่เสินนักเวท***แคสซิโอเปียซูมู่เจินหมอเทวดาเจินเจินเย่เสินฮีลเลอร์หญิงสาวสวี่จื้อสิงสิงม๋อจ้านสือหลานหลงนักรบ**มังกรเฟิ่งหยานกุนซือหยานหลานหลงนักเวทฟีนิกซ์เจียงอวี่เฉินสตาร์อวี่อวี่หลานหลงมือสังหารปูหลานอวี่หลานเซ่อเทียนถังหลานหลงหมอผีปูต้วนเซวี่ยนเสี่ยวต้วนจะชนะพี่อวี่อี๋นั่วมือสังหารจิ้งจอกชิงสือเยวียนพี่เยวียนน้องเยวียนอี๋นั่วนักธนูคนคู่ผานโอวซือเหล่าผานต้าโอวอี๋นั่วนักรบสิงโตหวงเจี่ยนหงตั้งชื่อให้เหมือนคนหน่อยอี๋นั่วนักเวทฟีนิกซ์จิ้นหลี่เฟยประธานจิ้นหยางหวังนักรบเฮอคิวลิสกงเยว่ฉายฮัสกี้ของคุณหยางหวังนักธนูคนคู่หยางชุยเซินเสี่ยวเซินที่หนึ่งหยางหวังมือสังหารปูเฮ่อฉีมิสเตอร์ฉีเรดิโอฝูเฉวียนนักรบเพอร์ซิอัสหลินมู่ผลิดอกออกผลฝูเฉวียนมือสังหารปูเยี่ยชิวอวี๋เสี่ยวชิวชิล *เล่นเสียงฝูเฉวียนนักเวทฟีนิกซ์ฉินเฟยอวี่อวี่ที่หมายถึงปลาเล่อขานมือสังหาร***แมงป่องฉินเฟยฮุ่ยพี่อวี่ไม่ว่างไม่ต้องทักเล่อขานหมอผีแมงป่องฮ่าวอี้ผมมาจากต่างดาวเล่อขาน**ฮีลเลอร์ซิฟิอัสเฟิงหนิงเซียนพี่สาวของเทียนเทียนเล่อขาน**นักธนูหญิงสาวเฟิงหนิงเทียนไม่ใช่น้องชายของเซียนเซียนเล่อขาน**นักรบเฮอคิวลิสฉีจิ้งจิ้งเป่าอันจิ้งจิ้ง-นักเวทหญิงสาวปั๋วเหลียนนักรบแซ่เหลียน-นักรบเฮอคิวลิสจางข่ายเหวินเทพข่ายสองบี-นักรบสิงโต

ขออนุญาตแนบเป็นภาพตารางเพราะใส่ตารางไม่ได้จริงๆค่ะ..

ตัวละครหญิงคือชื่อที่มีสีชมพู

⚠️ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม และไม่อนุญาตให้แคปหน้ารายชื่อตัวละครออกไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต

#เทพเกมข้ามมิติมาแล้ว

เกมที่ 0

วันเสาร์สี่ทุ่มครึ่งตามเวลาของกวางโจว ควรเป็นเวลาที่ผู้คนตามท้องถนนจะเดินทางกลับบ้าน หลังออกไปสังสรรค์กับเพื่อนฝูงตามประสาที่มนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่ยกเว้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่พึ่งจะพ้นมัธยมปลายมาไม่ถึงสามเดือน ร่างที่สูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรกำลังนั่งชันเข่าสองข้างบนเก้าอี้เกมมิ่งของตัวเอง ภายในห้องปิดไฟหมดทุกดวงมีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟเล็กๆ และแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์

บนใบหน้าของเด็กหนุ่มสวมผ้าปิดปากปิดบังใบหน้าครึ่งล่างอย่างมิดชิด รวมถึงยังสวมแว่นตาที่ใหญ่อย่างกับดวงตาของตั๊กแตน เจ้าของเส้นผมสีดำสนิทกำลังใช้สมาธิกับการเล่นเกมพลางกวาดสายตามองซับกระสุนที่เลื่อนผ่านบนหน้าจอ โปรแกรมช่วยสตรีมกำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับซับกระสุนจำนวนมากที่ไหลผ่านตาไปไม่หยุด

[อีรอสของแม่ ชนะอีกแล้ว!!]

[อ้ายอวี้นายไม่คิดจะลงเล่นมืออาชีพมาเหรอ]

[อีรอสสุดยอด!!]

[ป่าของฝ่ายนู้น เหมือนจะเป็นป่าสำรองของทีม TS ใช่ไหมๆๆๆ]

[อีรอส อ้ายอวี้ เสี่ยวอวี้อวี้นายไม่คิดจะเล่นมืออาชีพจริงๆ เหรอ แม่จะรอซัพพอร์ตนาย!]

“ขอโทษครับ ผมไม่มีความคิดจะเข้าวงการมืออาชีพจริงๆ” หน้าจอขึ้นว่าฝ่ายตัวเองชนะแล้ว ดวงตาใต้แว่นกลมโตไล่อ่านซับกระสุนอีกครั้ง พลางไล่ตอบข้อความที่พอจะอ่านทันอย่างใจเย็น

หานอวี้ไล่ตอบซับกระสุนของแฟนคลับอย่างไม่รู้จักเหนื่อย เพราะยังไงเจ้าของซับกระสุนเหล่านี้ก็มอบรายได้ให้แต่ละเดือนสูงพอสมควร ข้อความส่วนใหญ่ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ นอกจากถามว่าไม่คิดจะเล่นอาชีพหน่อยเหรอก็มีข้อความทักทายทั่วไป มือขาวซีดเพราะไม่ค่อยได้ออกแดดยกขึ้นขยับฮู้ดเล็กน้อยพลางเหลือบมองนาฬิกาที่วางอยู่ข้างหน้าจอ หานอวี้สตรีมมาเกือบสี่ชั่วโมงแล้วจะเล่นอีกสักเกมสองเกมก็คงจะไม่เป็นไร

ไอดีอ้ายอวี้ซิงซิงกดเข้าหน้าค้นหาห้องเกมอีกครั้ง ระหว่างรอหานอวี้ก็คุยกับซับกระสุนด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามประสา ช่องของหานอวี้มีผู้ติดตามมากกว่าห้าล้านคนแล้ว ด้วยฝีมือการเล่นเกมที่ไม่ต่างจากผู้เล่นมืออาชีพ นอกจากฝีมือแล้วตัวตนของหานอวี้ก็ดึงดูดแฟนคลับทั้งหญิงทั้งชายให้มาติดตามได้ไม่ยาก น้ำเสียงนุ่มนวลฟังเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ผิวส่วนที่ไม่ถูกบดบังขาวจนแสบตาเพราะอยู่ในห้องที่มืดสนิท บางครั้งเวลาพักจากเกมมักจะหยิบกีตาร์โปร่งมาเล่นพลางร้องเพลงคอลไปด้วย

ไม่ใช่ว่าไม่มีช่องอื่นที่มีสไตล์แบบเดียวกับช่องอ้ายอวี้ซิงซิง แต่ส่วนใหญ่ไม่มีช่องไหนอยู่ได้นานเท่ากับหานอวี้ ในวันที่เริ่มสตรีมสำหรับหานอวี้ในวัยสิบห้าค่อนข้างจะทุลักทุเล ด้วยความที่ไม่คุยกับคนอื่นโดยเฉพาะคนแปลกหน้าช่วงแรกซับกระสุนจึงมีแต่พวกเกรียนมาป่วน ใช้เวลากว่าสี่เดือนหานอวี้ถึงได้ปรับตัวและเริ่มพูดโต้ตอบกับข้อความเชิงบวกที่วิ่งผ่านสายตา ยังมีพี่สาวพี่ชายใจดีหลายคนช่วยแนะนำวิธีการแบนพวกเกรียน รวมถึงวิธีใช้งานแพลตฟอร์มจนช่องของหานอวี้เติบโตมาจนถึงวันนี้

[เสี่ยวอวี้อวี้ของแม่ ได้กินข้าวบ้างหรือเปล่า มือนายเห็นกระดูกหมดแล้ว]

“ผมกินมื้อเที่ยงไปตอนสามโมงครับ มือผมไม่ได้ดูเหมือนปกติเหรอ” ของขวัญกล่องใหญ่ที่มาพร้อมข้อความของพี่สาวใจดีที่เห็นมาตั้งแต่เปิดช่องทำให้หานอวี้ยกมือขึ้นมาหน้ากล้อง ซับกระสุนนับร้อยไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว เท่าที่อ่านทันเหมือนจะบอกว่าหานอวี้ผอมเกินไปแล้ว

[เทพอวี้ อีรอส นายกินข้าวบ้างเถอะแม่ปวดใจมาก]

[วันหลังนายต้องไลฟ์กินข้าวให้พวกแม่ดูแล้วล่ะ]

[พ่อนายปวดใจมาก ส่งของขวัญให้นายสักสิบกล่อง]

“อย่าส่งมากเกินไปนะครับ เดือนก่อนพวกคุณส่งมาให้เยอะมาก ช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ควรประหยัดนะ” หานอวี้รีบห้ามเอาไว้ไม่ให้แฟนคลับที่เรียกตัวเองว่าพ่อส่งของขวัญมาให้มากเกินไป ก่อนจะรีบกดเลือกตัวเกมตำแหน่งแครี่ทันทีที่ห้องจับคู่เรียบร้อย

เกมรอบใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้งหานอวี้ใช้สมาธิจดจ่อกับเกมตรงหน้า มีบ้างที่สายตาไล่อ่านซับกระสุนที่วิ่งผ่านพลางเอ่ยตอบคำถามที่พอจะตอบได้ กว่าสี่สิบห้านาทีที่หานอวี้ใช้สายตาเพ่งกับเกมตานี้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ วินาทีถัดมาบนหน้าจอก็ปรากฏผู้ชนะ หานอวี้ปล่อยมือจากเมาส์และคีย์บอร์ดมานวดข้อมือของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มปิดเกมเพราะกินเวลามาถึงห้าทุ่มกว่าแล้ว

“ต้องไปแล้วครับ พรุ่งนี้สตรีมประมาณสามทุ่ม ผมจะดูเวลาอีกที” เสียงของหานอวี้เบามากคล้ายคนใกล้จะหลับเต็มที ข้อความของพี่ชายพี่สาวส่วนใหญ่จึงบอกให้เด็กหนุ่มไปนอนได้แล้ว มือซีดขาวโบกให้กล้องเพื่อบอกลาแฟนคลับที่ดูสตรีมของตัวเอง ดวงตาใต้แว่นขนาดใหญ่หรี่ลงเล็กน้อยเพราะหานอวี้กำลังยิ้ม ทำเอาซับกระสุนนับร้อยวิ่งล้นหน้าจออีกรอบ

[เทวดาของแม่ยิ้ม!! ฉันจะแจกซองแดงลง[1]

ของเสี่ยวอวี้อวี้!!]

[++++ ถึงจะไม่เห็นหน้าของเทพอวี้ แต่ดวงตาของนายกำลังยิ้มให้ฉัน!!]

[แอคเธอแอคไหน ฉันจะไปชิงซองแดงมาสนับสนุนอีรอส!]

[รอยยิ้มของอีรอส = ศรรักของอีกรอส เอื้อกกกกก]

[ทุกคนโอเวอร์เกินไปแล้ว แต่อ้ายอวี้ซิงซิงนายช่วยยิ้มอีกทีสิ ฉันจะแคป!!]

“เมื่อกี้ไม่ได้บอกผมว่าจะให้ไปนอนเหรอครับ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ดีกว่านะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่หานอวี้ก็ยิ้มออกมาเพราะข้อความของซับกระสุนที่เห็นอยู่ดี

ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายมาหานอวี้ก็ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนายังไงรวมถึงกังวลกับสายตาที่มองมา จึงเริ่มเก็บตัวเงียบไม่คุยกับคนอื่นแม้แต่อาจารย์ก็เปิดปากพูดด้วยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ดีแค่ไหนที่ไม่ถูกกลั่นแกล้งจากพวกเด็กเกเรในชั้นเรียน ไม่อย่างนั้นชีวิตของหานอวี้ก็คงจะลำบากยิ่งกว่านี้

รอจนซับกระสุนเริ่มสงบแล้วหานอวี้เลยบอกลาอีกรอบแล้วกดปิดแพลตฟอร์มสตรีมลง ยังไงเที่ยงคืนก็ไม่ใช่เวลานอนของหานอวี้เพราะพึ่งตื่นมาตอนสิบเอ็ดโมงกว่า แต่เลื่อนหน้าเว็บไซต์มาสักพักก็ยังไม่มีอะไรให้ทำ สำหรับมนุษย์ถ้ำอย่างหานอวี้เวลากลางคืนแบบนี้เป็นเวลาที่ควรจะมีอะไรให้ทำมากที่สุด แต่อาการเบื่อที่ไม่ค่อยเป็นบ่อยนักกลับกำลังเล่นงานเข้าให้แล้ว

“จะมีอะไรน่าสนุกให้ทำบ้างไหม” แว่นดวงตาตั๊กแตนถอดออกวางไว้ด้านข้างพร้อมกับผ้าปิดปาก ใบหน้าขาวซีดดูอ่อนกว่าอายุเล็กน้อยและหากจะบอกว่าสวยก็คงไม่แปลก

หานอวี้เปิดคลิปโคฟเวอร์ของช่องหนึ่งทิ้งเอาไว้ก่อนจะนั่งอ่านข่าวเรื่อยเปื่อยบนเว็บไซต์ เวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่แต่เปลือกตาสองข้างนั้นเริ่มหนักขึ้น จนหานอวี้ทนฝืนลืมตาไม่ไหวจึงหลับตาลงแล้วฟุบลงหน้าจอคอมพิวเตอร์ บนเทียปาที่ก่อนหน้ากำลังอ่านที่แฟนคลับของตัวเองพูดคุยกันถูกเปิดทิ้งเอาไว้ โพสต์ล่าสุดจากพี่สาวที่ชิงซองแดงมาได้สิบหยวนเลยมาอวดอย่างสนุกสนานก็เด้งขึ้นมา

ฉันคือแม่นายนะเสี่ยวอวี้อวี้ : ฉันแย่งชิงมาได้สิบหยวน!! พรุ่งนี้จะส่งเนื้อแกะเสียบไม้ให้เสี่ยวอวี้ห้าสิบไม้!!

ใต้โพสต์นั้นคึกคักมาก มีพ่อทิพย์แม่ทิพย์ของอ้ายอวี้ซิงซิงมากมายกำลังแข่งกันอย่างหนักว่าตัวเองจะส่งของกินอะไรให้ลูกชาย ถึงจะสั่งมาส่งให้จริงๆ ไม่ได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะส่งของขวัญให้ในแพลตฟอร์มสตรีมไม่ได้ ยังไงเงินก็เข้าบัญชีของหานอวี้ถึงเวลานั้นให้ลูกชายไปซื้อกินเองแล้วเอามาบอกในไลฟ์ก็ได้ แต่ตัวหานอวี้ในเวลานี้ไม่ได้รู้เรื่องแม้แต่นิดเดียวและคงไม่มีทางได้รู้เช่นกัน

.

.

ตี๊ด! ตี๊ด!

เสียงอะไร..

ไม่ใช่เสียงนาฬิกาปลุกของฉันไม่ใช่เหรอ

“คุณหมอคะ!! คนไข้มีอาการตอบสนองแล้วค่ะ!!” เสียงของผู้หญิงที่ไม่ควรจะมาอยู่ในห้องทำให้หานอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย มือควานหาโทรศัพท์มือถือที่จำได้ว่าตั้งเอาไว้ข้างคีย์บอร์ดแต่ก็หาไม่เจอ

ไม่ใช่แค่หาโทรศัพท์มือถือไม่เจอ แต่หานอวี้รู้สึกว่าตัวเองกำลังนอนราบอยู่บนบางอย่างที่น่าจะเป็นเตียง เพียงแต่เตียงที่อยู่ในห้องไม่ได้นิ่งเท่าเตียงที่นอนอยู่ตอนนี้ เสียงของผู้หญิงเมื่อครู่ก็ตะโกนเรียกหมอแต่หานอวี้ที่พึ่งตื่นนั้นยังตามสถานการณ์ไม่ทัน ดวงตาที่ปิดสนิทลืมขึ้นมาครั้งหนึ่งแต่ก็ต้องหลับตาลงอีกครั้งเพราะแสงสว่างที่แยงตา

ห้องฉันไม่ได้สว่างขนาดนี้นะ..

“คนไข้หานอวี้ฟื้นแล้วใช่ไหมครับ พอจะขยับร่างกายได้หรือเปล่า ร่างกายคุณหายดีแล้วแต่กลับไม่ยอมฟื้นขึ้นมาสักที เมื่อเช้าสัญญาณชีพก็หยุดไปทีทำเอาพวกเราตกใจแทบตาย”

“ครับ?” หานอวี้หันไปมองหน้าชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ไม่คล้ายกับชุดกาวน์ของหมอเท่าไหร่ แต่ป้ายที่ติดอยู่ที่กระเป๋าเสื้อบอกว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นหมอแน่นอน

ความทรงจำล่าสุดของหานอวี้คือตอนที่กำลังนอนฟุบอยู่กับโต๊ะคอมพิวเตอร์ในห้อง ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมาอยู่ที่โรงพยาบาลแบบนี้ ยิ่งฟังคุณหมอตรงหน้าที่สอบถามอาการระหว่างรออุปกรณ์ในการตรวจร่างกายก็ยิ่งงุนงง อีกฝ่ายบอกว่าหานอวี้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมากว่าสามเดือนแล้ว เพราะประสบอุบัติเหตุพลัดตกจากสะพานลอยฟ้าจากการช่วยเด็กคนหนึ่งที่ปีนไปเก็บลูกโป่ง แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเมื่อคืนหานอวี้พึ่งจะสตรีมเกมไปเอง

“สมองของคุณได้รับการกระทบกระเทือนไม่น้อยความทรงจำอาจมีบางส่วนหายไปก็ได้ ผมจะต้องตรวจร่างกายคุณให้ละเอียดอีกครั้ง”

ไม่.. ความทรงจำของฉันมันปกตินี่ทุกอย่าง..

หานอวี้เอ่ยแย้งในใจโดยไม่ได้พูดอะไรออกไปสักคำ เพราะกลัวจะถูกบอกว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือนจะสติไม่ดี ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเห็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งเดินเข้ามาภายในห้อง เดิน.. หานอวี้ต้องย้ำว่าเดินเพราะหุ่นยนต์ตัวนั้นกำลังเดินมาด้วยสองขาจริงๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งจนเกือบถอยไปชิดกำแพงเพราะหุ่นตัวนั้นเปิดช่องตรงอกออกแล้วมีที่ครอบศีรษะยื่นออกมา เป็นไปได้ด้วยเหรอที่หุ่นยนต์ในสมัยนี้ทำได้ถึงขนาดนี้..

“คุณหลับตาระหว่างตรวจคลื่นสมองได้เลยนะครับ ใช้เวลาไม่ได้แล้วผมจะทำเรื่องทำกายภาพบำบัดให้” นี่มันไม่ปกติแล้ว.. หานอวี้ถูกจับสวมเครื่องตรวจวัดคลื่นสมองสีขาวโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ก็ไม่การขยับเพราะกลัวจะทำให้เครื่องพัง อีกอย่างก็เพราะเส้นผมสีกรมท่าตกลงมาด้านหน้าตอนที่สวมเครื่องตรวจวัดคลื่นสมอง

“ผม.. ขอกระจกหน่อยได้หรือเปล่าครับ..” เส้นผมสีกรมท่าแบบนี้ไม่ใช่ของหานอวี้แน่นอน และผมที่ยาวถึงกลางหลังแบบนี้ก็ยาวเกินไปด้วย คุณหมอถามหากระจกจากนางพยาบาลที่จดค่าวัดที่ด้านหลังให้อย่างใจดี นางพยาบาลที่ก่อนหน้านี้เป็นคนตะโกนเรียกหมอก็ล้วงหยิบกระจกพับจากกระเป๋าเสื้อมาให้

ภาพที่ปรากฏอยู่บนกระจกทำให้หานอวี้เกือบจะหงายหลังเป็นลมไปทั้งอย่างนั้น ใบหน้านั้นยังซีดขาวและเหมือนเดิมทุกระเบียบนิ้ว แต่เส้นผมที่เดิมเป็นสีดำสนิทกลายเป็นสีกรมท่าที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาจากสีดำก็กลายเป็นสีทองจนกลัวภาพของตัวเองที่อยู่บนกระจกขึ้นมา หานอวี้รู้สักสับสนมากว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ด้วยนิสัยจึงไม่ได้โวยวายออกมาแม้ในใจจะกำลังร้องตะโกนอยู่ก็ตาม

นี่มันเกิดอะไรขึ้น.. เกิดอะไรกับฉันเนี่ย…

“คุณคงจะตกใจน่าดู เป็นผมก็คงจะเหมือนกันนั่นแหละ แล้วนั่นทำหน้าอะไรของเธอ” คุณหมอพูดกับหานอวี้อย่างใจดี แต่สีหน้าของนางพยาบาลที่กำลังจดค่าตรวจวัดของหานอวี้คล้ายกับเห็นผีเลยถามออกไปด้วยความสงสัย

“คุณหมอคะ.. ค่าพลังจิตสูงสุดที่มีคนวัดได้ล่าสุดคือเท่าไหร่คะ”

“เจ็ดร้อยเก้าสิบแปดไง เธอถามทำไม” นางพยาบาลไม่ตอบแต่หันรายละเอียดที่จดเมื่อครู่มาให้ดูแทน

คนไข้หานอวี้ คลื่นสมองปกติ ค่าพลังจิตแปดร้อยเก้าสิบเจ็ด.. แปดร้อยเก้าสิบเจ็ด!! คุณหมอหันมองหน้าหานอวี้ที่เหม่อลอยอยู่ด้วยความตกใจ พลางคิดในใจว่าเด็กหนุ่มที่อายุแค่นี้จะต้องมีสมาธิสูงขนาดไหนถึงได้มีค่าพลังจิตสูงขนาดนี้ อย่าว่าแต่งานวิชาการระดับสูงเลย หากเรียนจบแล้วจะเป็นนักบินอวกาศหรือนักวิชาการที่ออกไปประจำสถานีบนดาวอื่นก็ง่ายนิดเดียว

“เธอแน่ใจนะว่าไม่ได้วัดผิด” คุณหมอเริ่มสงสัยในเครื่องมือของตัวเองขึ้นมาแต่นางพยาบาลคนเดิมก็เอ่ยแย้ง

“ไม่ผิดแน่นอนค่ะ.. ฉันจำได้ว่าบนบัตรประจำตัวของคนไข้หานอวี้บอกว่าค่าพลังจิตที่วัดได้แค่ห้าร้อยสิบสองเองนะคะ”

“อาจจะเพราะประสบอุบัติเหตุก็เลยเกิดความผิดปกติหรือเปล่า ไม่ได้แล้วคนไข้หานอวี้ คุณรู้สึกผิดปกติตรงไหนบ้างไหมครับ” หานอวี้ก่อนหน้านี้ไม่ได้สนใจบทสนทนาของคุณหมอกับนางพยาบาลแม้แต่นิดเดียว เพราะกำลังตกใจและสับสนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง พอถูกเรียกก็หันไปมองเล็กน้อยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม

ผมดูเหมือนมีตรงไหนไม่ผิดปกติบ้างครับ สีผม สีตา แม้แต่หุ่นยนต์ล้ำสมัยนี่มันก็ผิดปกติสำหรับผมหมดนั่นแหละ

“ไม่ครับ ผมปกติดี..” แม้จะมีคำพูดอยู่ในใจเป็นหมื่นเป็นแสนคำแต่หานอวี้ก็ทำได้แค่บอกว่าตัวเองนั้นปกติดี

คุณหมอและนางพยาบาลยังคงไม่วางใจจึงขออนุญาตทำการตรวจซ้ำอีกครั้งซึ่งผลก็ยังเหมือนเดิม แต่เพราะยังไงหานอวี้ก็ต้องทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล เพราะนอนหลับมานานร่างกายจึงเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก รวมถึงรอดูอาการแทรกซ้อนว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ สำหรับคนที่นอนหลับเป็นเจ้าชายนิทรามากว่าสามเดือนแค่ฟื้นขึ้นมาได้ก็นับว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว

หานอวี้ต้องการหาคำตอบว่ามันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกับตัวเอง แต่คนที่พอจะคุยด้วยได้อย่างคุณหมอเจ้าของไข้กับพยาบาลคนเมื่อครู่ก็วุ่นกับค่าที่ได้จากการตรวจร่างกายของหานอวี้ หลังจากถูกประคองให้นั่งพิงหัวเตียงนางพยาบาลก็นำโทรศัพท์มือถือที่เหมือนจะไม่ได้แตกต่างกับสมาร์ตโฟนทั่วไปมาให้ พร้อมกับกระเป๋าสตางค์ที่บอกว่าเป็นของหานอวี้และของด้านในยังอยู่ครบทั้งหมด

รอจนนางพยาบาลเอาถาดผ้าเช็ดตัวไปเก็บ หานอวี้จึงเปิดกระเป๋าแล้วดึงบัตรใบหนึ่งออกมาดู ด้านบนของบัตรเขียนว่าเป็นบัตรประจำตัวคงจะเหมือนกับบัตรประชาชน บนบัตรบอกชื่อและวันเกิดเอาไว้อย่างชัดเจนว่าเจ้าของบัตรชื่อหานอวี้ วันเกิดและตัวเลขสิบเก้าที่เขียนบอกว่าเป็นอายุบนมุมขวาก็ตรงกับตัวหานอวี้ทุกอย่าง แม้แต่รูปบนบัตรที่นอกจากสีผมกับสีตาแล้วก็เหมือนกับอย่างกับแกะ ที่ต่างออกไปคือปีที่อยู่บนบัตร

ปีเกิดปีเบริลที่ 618?

ปีเบริลคืออะไร.. บนปฏิทินนั่นก็เป็นปีเบริลที่ 637

ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย..

------------------------------------------------------------------------------------------------

ฝากน้องอวี้อวี้ด้วยนะคะ!!

ป.ล.เดี๋ยวมาเพิ่มให้ เบริล อ่านว่า เบ-ริล (Beryl) มาจากคำว่าเบริลเลียม เป็นสารประกอบ Berylium Aluminium Silicate ของแร่กลุ่มหนึ่ง อัญมณีที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้คือพวกมรกต อะความารีน มอร์แกไนท์เป็นต้นค่ะ

#เทพเกมข้ามมิติมาแล้ว

เชิงอรรถ

^ เทียปา เป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายสนทนาออนไลน์ยอดนิยมของจีน มีลักษณะเป็นกระทู้ถามตอบสำหรับพูดคุยกัน

เกมที่ 1

“เสี่ยวอวี้ พรุ่งนี้ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนะดีใจไหม” เสียงของลู่เซี่ยนทำให้หานอวี้ที่นั่งก้มหน้าอ่านข่าวสารในโทรศัพท์เงยขึ้นมองเล็กน้อย

“ผม.. อยู่ที่ไหนก็ไม่ต่างกันนะครับ” หลังจากเอ่ยตอบหานอวี้ก็ดึงผ้าปิดปากปิดบังใบหน้าเอาไว้ตามความเคยชินทันที

ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่หานอวี้กินนอนอยู่ที่โรงพยาบาลถึงขั้นสนิทกับนางพยาบาลคนเดิมที่มาดูแล รวมถึงคุณหมอเจ้าของไข้ที่แทนตัวเองว่าอาเป็นคุยด้วยแล้ว หลังจากใช้เวลาอยู่นานกว่าจะตั้งสติและยอมรับความจริงที่ตัวเองได้มาอยู่ในโลกแปลกพิลึกใบนี้ได้ แต่ถึงหลายๆ อย่างจะแปลกไปแต่ดูเหมือนตัวตนของหานอวี้จะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่

อายุสิบเก้าเหมือนเดิม อยู่ตัวคนเดียวกับห้องห้องหนึ่งเหมือนเดิม ไม่มีเพื่อนแม้แต่คนเดียวเหมือนเดิม เรื่องเหล่านี้หานอวี้ไม่มีปัญหาเพราะถึงยังไงก็ไม่เคยชินกับการเข้าสังคมอยู่แล้ว หากหานอวี้คนนี้มีเพื่อนขึ้นมาต่างหากที่จะเป็นปัญหาใหญ่ แต่เรื่องสำคัญที่ทำให้หานอวี้เครียดอยู่ตอนนี้คือร่างนี้จนมาก เหลือเงินติดตัวอยู่แค่ไม่เท่าไหร่เพราะเอาไปจ่ายค่าเทอมล่วงหน้าหนึ่งปีหมดแล้ว เห็นอย่างนี้เจ้าของร่างก็สอบเข้าได้คะแนนลำดับต้นๆ เหมือนกัน

แต่นั่นไม่สำคัญเพราะเรื่องจำเป็นที่สุดสำหรับหานอวี้ตอนนี้คือจะต้องหาเงินแต่จะหาได้ด้วยวิธีไหนกันล่ะ ดีแค่ไหนที่ก่อนจะประสบอุบัติเหตุเจ้าของร่างนี้ได้ทำประกันเอาไว้ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาล ยิ่งคิดหานอวี้ก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาเงินจากตรงไหน พวกงานที่จะต้องพบปะผู้คนน่ะลืมมันไปได้เลยไม่มีทางทำได้แน่นอน ทำไมที่นี่ถึงไม่มีพวกสตรีมเมอร์บ้างนะ..

“พี่เซี่ยนครับ คือว่า.. งานพิเศษสำหรับนักศึกษา..” หานอวี้พยายามเรียบเรียงคำพูดให้เข้าใจง่ายที่สุด แต่ไม่รู้จะอธิบายยังไงเพื่อบอกว่างานพิเศษที่ได้เงินดีสำหรับนักศึกษาในโลกนี้มีอะไรบ้าง ลู่เซี่ยนที่ได้ยินเด็กหนุ่มเรียกกอดแฟ้มรายงานเอาไว้แล้วเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างพร้อมเอ่ยอย่างใจดี

“เสี่ยวอวี้จะหางานทำใช่ไหม ถ้าด้วยเหตุผลส่วนตัวเรื่องนั้นของเสี่ยวอวี้พี่ไม่รู้ว่าจะแนะนำยังไง แต่ก่อนหน้านี้มีคนไข้คนหนึ่งบอกว่าอาชีพรับฟาร์มของในเกมก็ได้รายได้ดีเหมือนกันนะ ไม่ต้องเจอกับลูกค้าโดยตรงด้วย”

“รับฟาร์มของในเกม? มีแบบนี้อยู่ด้วย..” ไม่คิดเลยว่าจะมีอาชีพที่รับฟาร์มของในเกมอยู่ที่โลกใบนี้ด้วย หานอวี้เห็นคนที่ทำอาชีพรับเล่นเกมแทนเป็นอาชีพเสริมมานานแล้วแต่ไม่เคยคิดจะใช้บริการ ถ้ามันทำเงินให้ได้มันก็ดีอยู่หรอกแต่ว่าจะเป็นเกมอะไรล่ะ

“แต่เริ่มต้นพี่คิดว่าน่าจะหาลูกค้ายากนะเพราะคนคงมีร้านที่ใช้บริการเป็นประจำอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ เสี่ยวอวี้ลองหาที่เขาประกาศรับสมัครดูไหม แต่ต้องดูข้อตกลงและสัญญาให้ดีอย่าให้ใครเอาเปรียบเชียวนะ”

“เดี๋ยวผมจะลองหาดู ขอบคุณนะครับพี่เซี่ยน” หากไม่นับที่โต้ตอบกับแฟนคลับที่ติดตามช่อง หานอวี้คิดว่าตัวเองคุยกับลู่เซี่ยนและคุณหมอค่วงจือเฉิงมากกว่าคุยกับคนอื่นตลอดสามสี่ปีที่ผ่านมาอีก แต่ถึงจะคุยยังไงก็ไม่ได้มองหน้าสักเท่าไหร่ เอาแต่หลุบตาต่ำไม่ก็มองตามมารยาทที่ควรจะกระทำเท่านั้น

ลู่เซี่ยนเดินออกจากห้องพักไปแล้วหานอวี้ที่ไม่มีของอะไรให้เก็บเพิ่ม จึงเอนหลังนอนลงอีกครั้งพลางทบทวนชีวิตต่อจากนี้ของร่างนี้อีกครั้งหนึ่ง เพราะเจ้าของร่างเดิมสอบเข้าคณะวิทยาการเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัย A ได้ ทั้งยังจ่ายค่าเทอมไปหมดแล้วยังไงหานอวี้ก็ต้องไปเรียน และที่ทำให้หนักใจยิ่งกว่าไปนั่งอยู่ในห้องเรียนคือจะต้องไปอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย

อาจจะดีหน่อยที่มหาวิทยาลัยของโลกนี้นักศึกษาใหม่ไม่มีการฝึกทหารเหมือนกับโลกเดิม แต่เมื่อลองคิดว่าจะต้องไปอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าอีกสามคนภายในหอพักหานอวี้ก็หน้าซีดแล้ว ต้องไปเรียน ต้องไปอยู่หอ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่หานอวี้ไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ ถึงเวลานั้นอาจจะเลี่ยงได้บ้างแค่ทำตัวอย่างปกติให้ตัวเองจืดจางมากที่สุดก็พอ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินเพิ่ม

“ลองหาดูหน่อยก็แล้วกัน..” หานอวี้หยิบโทรศัพท์ที่พึ่งวางลงด้านข้างขึ้นมาค้นหาเกี่ยวกับงานที่ลู่เซี่ยนบอก

ในโลกนี้ไม่ได้มีเกมมากมายเท่าไหร่นักแต่เท่าที่ไล่ดูนั้นเหมือนจะมีอยู่แค่ไม่กี่เกมเท่านั้น และเกมที่โดดเด่นที่สุดและมีผู้เล่นมากที่สุดในเวลานี้คือเกม Lord of Star Online หรือเกมลอร์ดแห่งดวงดาว เป็นเกมที่พึ่งเปิดตัวได้ไม่นานแต่ด้วยกราฟิกและเรื่องราวจากนิทานและเทพนิยายที่ถูกนำมาสร้างเป็นเกมทำให้มีผู้คนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก เมื่อมีผู้ให้ความสนใจและเล่นเป็นจำนวนมากสิ่งที่ตามมาคือคนที่รับปั่นระดับและฟาร์มของที่จำเป็นต้องใช้

หานอวี้สนใจเกมลอร์ดแห่งดวงดาวนี่อยู่เล็กน้อยจึงเปิดหน้าเว็บไซต์เพิ่มอีกหน้าหนึ่งเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าเป็นเกมแนว MMORPG[1]

ที่ไม่ต่างกับเกมที่มีอยู่ในโลกก่อน หานอวี้เคยเล่นเกมแนวนี้มาไม่รู้กี่ครั้งตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม เพียงแต่เกมในโลกนี้นั้นแตกต่างออกไปด้วยการเคลื่อนต่อเข้าเกมด้วยอุปกรณ์สวมใส่เป็นเครื่องเล่นเกมที่มีรูปร่างคล้ายกับหมวก เพื่อเชื่อมต่อกับคลื่นสมองแล้วเข้าสู่เกมด้วยระบบเสมือนจริง หมายความว่าผู้เล่นจะสัมผัสประสบการณ์ในเกมได้ราวกับเป็นโลกอีกใบหนึ่งเลยทีเดียว

“เกม..” แม้ใบหน้าจะซ่อนอยู่ใต้ผ้าปิดปากแต่หานอวี้ฉายความตื่นเต้นออกมาผ่านแววตาอย่างปิดไม่มิด ชีวิตของหานอวี้มีเกมเป็นเพื่อนมาตลอด เกมเสมือนจริงแบบนี้ที่ไม่ใช่ VR[2]

ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ใฝ่ฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะได้ลองสัมผัส เพียงแต่..

“เครื่องเกม แพง..”

ราคาของเครื่องเล่นเกมที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หานอวี้ท้อใจขึ้นมา แม้จะเป็นเครื่องมือสองแต่เงินที่มีอยู่ตอนนี้ก็ยังไม่พอที่จะซื้อ ยังไงปากท้องก็สำคัญหางานหาเงินแล้วค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังก็คงไม่สาย โดยไม่รู้ตัวแววตาของหานอวี้เปลี่ยนไปมาอยู่หลายครั้ง คุณหมอค่วงที่อยู่นอกห้องเดินผ่านมาเห็นแล้วตั้งใจจะเข้ามาทักทายจึงได้แต่แอบมองอยู่ที่ด้านนอก

“เสี่ยวอวี้กำลังทำอะไรน่ะ” เสียงของคุณหมอค่วงทำให้ลู่เซี่ยนที่เข็นถาดอาหารเย็นเดินมาหยุดมองเล็กน้อย

“น่าจะกำลังดูงานอยู่หรือเปล่าคะคุณหมอ เสี่ยวอวี้บอกว่าจะหางานพิเศษทำ”

“เขาพึ่งจะหายดีก็คิดจะทำงานพิเศษแล้วเนี่ยนะ? แล้วจะทำงานอะไรแค่มองฉันกับเธอยังมองตรงๆ ไม่ได้เลย แล้วสัญญากับผลตอบแทนจะยุติธรรมกับเขาหรือเปล่า” คุณหมอค่วงเป็นห่วงเด็กหนุ่มที่ดูจะไม่ยอมเข้าสังคมง่ายๆ หากทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรมขึ้นมาละก็จะมีปัญหาตามมาทีหลังมากมายเลยน่ะสิ!

“คุณหมอลืมไปหรือเปล่าคะว่าเสี่ยวอวี้สอบเข้ามหาวิทยาลัย A ได้ลำดับต้นๆ อีกอย่างเขามีความระแวงคนแปลกหน้าสูงมากคงจะไม่ซื่อขนาดเชื่อคนอื่นง่ายๆ หรอกค่ะ”

จะจริงเหรอ.. อดเป็นห่วงไม่ได้เลยจริงๆ แฮะ

.

.

“ผมไปแล้วนะครับ ขอบคุณที่ช่วยดูแล” หานอวี้ถือกระเป๋าเอ่ยลาลู่เซี่ยนที่กำลังเก็บเครื่องมือที่อยู่ข้างเตียง ความจริงลู่เซี่ยนก็อยากไปส่งอีกฝ่ายกลับบ้านแต่ติดที่เธอยังไม่ออกเวรจึงต้องแยกกันที่นี่

“ไม่เป็นไรเลยเสี่ยวอวี้ มีเรื่องอะไรเดือดร้อนหรือต้องการคำปรึกษาโทร.มาหาพี่ได้ตลอดเลยนะ ถ้าไม่รับก็ทิ้งข้อความเอาไว้แล้วจะรีบติดต่อกลับทันที”

“เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากเลยนะครับพี่เซี่ยน” บุคลิกของหานอวี้ในสายตาของพี่สาวช่างน่ารักน่าเอ็นดู หลังจากโค้งศีรษะให้อีกรอบหนึ่งหานอวี้ก็หิ้วกระเป๋าเดินโซเซออกจากห้องไป โดยมีสายตาที่เป็นกังวลว่าจะล้มหรือเปล่ามองตามหลังไป

ตั้งแต่วันนี้ไปนับว่าเป็นวันแรกที่หานอวี้จะได้ใช้ชีวิตบนโลกใบนี้อย่างจริงจัง เริ่มจากเดินทางจากโรงพยาบาลกลับไปที่ห้องของเจ้าของร่าง มหาวิทยาลัย A อยู่ไม่ไกลจากที่พักสักเท่าไหร่สามารถเดินทางด้วยรถไฟได้ แต่หลังจากนี้จะต้องไปอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยดังนั้นหานอวี้จึงเลือกหางานที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเอาไว้สองสามที่ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนั่นเป็นร้านรับเล่นเกมที่มีคะแนนดีพอสมควร

เมื่อคืนหลังจากอ่านรายละเอียดดูอยู่สักพักหานอวี้จึงตัดสินใจจะลองไปดูสักหน่อย เรื่องเงินอย่างน้อยขอให้ไม่น้อยจนน่าเกลียดขอแค่ปลอดภัยหน่อยก็พอ เพราะประสบการณ์การเล่นเกมในโลกเดินไม่สามารถนำมาใช้กับที่นี่ได้ หานอวี้จึงคือว่าเป็นมือใหม่ของเกมบนโลกนี้อย่างแท้จริง เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะนำกระเป๋าไปเก็บที่ห้องแล้วค่อยไปดูลาดเลาหานอวี้จึงกระชับผ้าปิดปากแล้วดึงดูดมาคลุมศีรษะเตรียมออกไปเรียกรถ

ปรี๊ด!

“เสี่ยวอวี้ อาออกเวรแล้วเดี๋ยวไปส่ง ขึ้นมาเร็ว” หานอวี้ยังไม่ทันจะก้าวขาพ้นออกจากหน้าโรงพยาบาล เสียงแตรรถก็ดังมาจากด้านข้างพร้อมคุณหมอค่วงที่ชะโงกหน้าออกมากวักมือเรียก ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินไปโค้งศีรษะให้แล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ

“ขอบคุณครับอาหมอ” อย่างน้อยก็ประหยัดค่ารถที่ไม่รู้ว่าจะราคาเท่าไหร่ไปได้

คุณหมอค่วงมองท่าทางเกรงอกเกรงใจอย่างนึกเอ็นดู หากเทียบกับลูกชายวัยสิบสี่ปีของตนที่บ้านแล้วหานอวี้กิริยาเรียบร้อยกว่ามาก ถึงขนาดอยากต่อสายตรงหาภรรยาให้มาดูความน่าเอ็นดูของหลานชายที่ทึกทักเอาเองไปเรียบร้อยคนนี้มาก เมื่อหานอวี้ไม่พูดคุณหมอค่วงก็ไม่ได้เอ่ยปากอะไรเพราะรู้ว่านิสัยของหานอวี้เป็นแบบไหน ตลอดทางมีเพียงความเงียบยกเว้นตอนที่เด็กหนุ่มเอ่ยปากบอกจุดหมายตามความทรงจำของร่างเดิม

“เสี่ยวอวี้ ลู่เซี่ยนบอกว่าเธอจะหางานพิเศษทำใช่ไหม เธอใกล้จะเปิดเรียนแล้วหาที่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเอาไว้หน่อยก็ดี เรื่องสัญญางานอย่าลืมอ่านให้รอบคอบหรือจะโทร.มาปรึกษาฉันก่อนก็ได้” คุณหมอค่วงสุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเป็นงานที่เกี่ยวกับเกมออนไลน์ที่กำลังโด่งดังยิ่งมีคนจ้องจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่มาก

“ครับอาหมอ ผม เอ่อ.. ว่าจะดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอยู่แล้ว” เสียงของหานอวี้เบาลงเรื่อยๆ คุณหมอค่วงจึงไม่ได้พูดอะไรให้เด็กหนุ่มต้องเกิดอาการวิตกกังวลขึ้นมา

ในฐานะหมอคนหนึ่งอาการหวาดกลัวการเข้าสังคมของหานอวี้ไม่ได้หนักถึงขึ้นสนทนากับใครไม่ได้ แต่เจ้าตัวแค่มีอาการคล้ายกับทำตัวไม่ถูกและหวาดระแวงสายตาของคนรอบข้างเท่านั้น รวมถึงมีความไม่มั่นใจเวลาจะเอ่ยอะไรสักอย่างออกไป หากให้ไปเจอเพื่อนมหาวิทยาลัยก็พอจะบรรเทาอาการเหล่านี้ไปได้ เพราะหากมีอาการต่อต้านการเข้าสังคมจริงๆ ก็ไม่คงสนทนากับใคร และไม่มีแววตาอยากรู้อย่างเห็นที่มองออกไปนอกหน้าต่างแบบนี้อยู่แล้ว

“เมื่อวานอาสะใภ้ทำอาหารมาให้เธอจำนวนหนึ่ง เดี๋ยวเอาไปด้วยล่ะ แช่ตู้เย็นก็เก็บเอาไว้ได้หลายวันอยู่” หากเลี้ยวที่แยกหน้าก็จะถึงตึกที่เป็นที่อยู่ของหานอวี้แล้วคุณหมอค่วงจึงชี้ไปด้านหลังรถที่มีถุงสองสามใบวางอยู่ หานอวี้มีท่าทางลังเลเล็กน้อยคุณหมอค่วงจึงต้องพยักพเยิดให้เอาไปเลยจึงยอมหันกลับไปหยิบถุงทั้งหมดมาถือเอาไว้

“ขอบคุณมากนะครับอาหมอ..”

“ไม่ต้องขอบคุณแล้ว เธออยู่คนเดียวเรื่องบางเรื่องอาจจะลำบาก ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนไม่ต้องเกรงใจให้มาบอกอากับอาสะใภ้เธอได้เลย” หานอวี้คิดว่าตัวเองได้รับสิ่งเหล่านี้มามากเกินไปจึงควานหากระดาษกับปากกาในกระเป๋าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเจอก็หยิบขึ้นมาเขียนแล้ววางเอาไว้บนช่องใบบัตรหน้ารถ

“ถ้า.. ม่อจื่อต้องการคำแนะนำเรื่องเรียน ให้น้องติดต่อผมได้ครับ อาจจะตอบช้าถ้าเป็นไปได้ให้ทักมาล่วงหน้าประมาณหนึ่งชั่วโมง”

พูดจบหานอวี้ก็ก้มหน้าไปเลยไม่เงยขึ้นมาอีกจนคุณหมอค่วงไม่รู้จะพูดยังไง จริงอยู่ที่ค่วงม่อจื่อลูกชายของเขานั้นต้องการคนช่วยแนะนำในวิชาคณิตศาสตร์ แต่เจ้าเด็กพูดมากนั่นหากมาเจอกับหานอวี้มีหวังทำให้คนช่างกังวลวิ่งหนีแน่ๆ ผ่านไปราวสิบนาทีรถของคุณหมอค่วงก็มาจอดหน้าตึกหลังหนึ่ง ตึกนี้มีความสูงประมาณสิบเก้าชั้นและห้องของหานอวี้อยู่ที่ชั้นสิบ ข้าวของที่หานอวี้ถือมามีมากจนคุณหมอค่วงตั้งใจจะลงไปช่วยแต่หานอวี้กลับปฏิเสธเพราะรบกวนมากเกินไปแล้ว

“ผมขึ้นไปคนเดียวได้จริงๆ ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” หานอวี้โค้งศีรษะให้อีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินโซเซเข้าไปด้านใน คุณหมอค่วงรอจนเด็กหนุ่มเข้าลิฟต์ไปแล้วจึงขึ้นรถขับออกไปพลางต่อสายหาภรรยาทันที รอไม่นานปลายสายก็รับพร้อมเสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ดังผ่านลำโพงออกมา

‘โทรมาตอนนี้คุณมีเรื่องด่วนหรือเปล่าคะ’

“ที่รัก วันหลังหากเสี่ยวอวี้ไปกินข้าวที่บ้านเราคุณทำอาหารที่มีโปรตีนเยอะๆ หน่อยนะ เขาผอมจนเป็นกิ่งไผ่แล้ว..” คุณหมอค่วงปวดใจกับเรื่องนี้มากจริงๆ

เดิมรูปร่างของหานอวี้ก็ผอมอยู่แล้วแต่ร่างนี้กลับผอมยิ่งกว่าเดิมไปอีก หานอวี้แบกร่างที่มีเรี่ยวแรงน้อยนิดและข้าวของเต็มสองมือมาถึงหน้าห้องอย่างยากลำบาก ถึงขนาดต้องถึงผ้าปิดปากออกเพื่อที่จะได้หายใจได้สะดวกขึ้น เส้นผมที่ยาวและหนายังไม่ได้ถูกตัดทำให้หานอวี้รู้สึกว่ามันเกะกะจึงรวบมัดขึ้นไปด้านบน ก่อนจะเปิดประตูยกข้าวของเข้าไปภายในห้องที่มีขนาดพอดีสำหรับคนที่อยู่คนเดียว

“กว้างจัง..” ห้องของเจ้าของร่างนี้นอกจากเตียง โต๊ะหนังสือ ชั้นหนังสือที่กินพื้นที่ด้านหนึ่งของห้องไปทั้งหมด และส่วนของครัวเล็กๆ แล้วก็ไม่มีอะไรเลย

เริ่มแรกต้องเอาของกินแช่ตู้เย็นเอาไว้ก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาดห้องที่มีฝุ่นจับ อาจจะโชคดีหน่อยที่ของใช้ในห้องมีไม่เยอะนอกจากปัดฝุ่นถูพื้นแล้ว มีแค่นำผ้าห่มกับผ้าปูเตียงไปใส่เครื่องซักผ้าแล้วก็รอให้ปั่นแห้งเสร็จเท่านั้น เวลาที่เหลืออยู่หานอวี้จึงทิ้งร่างที่หมดเรี่ยวแรงลงบนเตียง นอนหารายละเอียดของเกมลอร์ดแห่งดวงดาวมาอ่านเพิ่มเติม

อย่างที่บอกไปว่าเกม Lord of Star Online หรือเกมลอร์ดแห่งดวงดาว เป็นเกมที่นำเรื่องราวจากนิทานและเทพนิยายที่ถูกนำมาสร้างเป็นเกม แต่รายละเอียดของเกมจำพวกตัวละครต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้หานอวี้ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ทั้งหมดที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์หลักของเกมลอร์ดแห่งดวงดาวล้วนเป็นตำนานที่คนจีนนั้นรู้จักดีแต่กลับเป็นแค่นิทานและเทพนิยายของโลกนี้เท่านั้น

ไม่ว่าจะเป็นกิเลน มังกร ปี่เซี๊ยะ ชิงหลง จูเชว่ ไป๋หู่ เสวียนอู่ หรือสัตว์ในตำนานอื่นๆเหล่านี้กลายเป็นเพียงบอสในเกมลอร์ดแห่งดวงดาวไปแล้ว แต่นั่นคือในช่วงแรกที่เกมนี้ได้เปิดตัวขึ้นมา ปัจจุบันเกมลอร์ดแห่งดวงดาวได้อัปเดตแพทช์ใหม่และมีการเพิ่มตำนานของเทพเจ้าที่อยู่ในตำนานกรีกเข้าไปด้วย สำหรับหานอวี้รู้สึกว่าการอัปเดตแพทช์มันดูมั่วซั่วยังไงชอบกล ตำนานจีนกับกรีกโบราณมารวมกันอยู่ในเกมเดียวเนี่ยนะ..

“ไม่ใช่อัปเดตแพทช์ครั้งหน้าใส่เทพของญี่ปุ่นหรืออียิปต์เข้ามาด้วยนะ” หานอวี้ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ ถึงตัวเทพเจ้าและสัตว์เทพเหล่านี้จะเป็นเพียง NPC[3]

หรือบอสในเกมเท่านั้น และยังมีการแบ่งครึ่งทวีปออกไปก็ตามที ความรู้สึกที่เหมือนกับเสือสองตัวอยู่ภายในถ้ำเดียวกันนี่มันอันตรายมาก

หานอวี้กวาดสายตาไล่อ่านต่ออีกครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วอีกรอบ เพราะตำนานที่อยู่บนหน้าเว็บไซต์ไม่มีสี่สัตว์ร้ายบรรพกาลหรืออะไรก็ตามที่เป็นฝ่ายสัตว์ร้ายเลย แม้แต่รายละเอียดของแพทช์ล่าสุดก็ไม่มีเจ้านรกอย่างฮาเดสทั้งที่เป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัสเหมือนกัน แม้แต่ไนกี้หรือเฮสเทียยังมีแต่กลับไม่มีฮาเดสนี่เป็นไปได้ยังไงกัน

หรือว่าจะเป็นตัวละครลับที่ยังไม่ปรากฏออกมา?

“ต้องลองเข้าเกมดูก่อนถึงจะรู้ ตากผ้าเสร็จแล้วค่อยไปก็แล้วกัน เฮ้อ..” แค่คิดว่าตัวเองจะต้องออกไปข้างนอกหานอวี้ก็ท้อตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้ว กลิ้งไปมาอยู่สักพักถึงจับปลายผมที่ยาวถึงอกของตัวเองขึ้นมาอย่างครุ่นคิด

“ฉันต้องตัดผมไหม แต่ดูเหมือนจะไว้มานานแล้วถ้าตัดออกฉันจะใจร้ายหรือเปล่า” ผมตอนนี้มันยาวและหนาเกินไปจริงๆ แต่กว่าจะไว้ยาวขนาดนี้เจ้าของร่างเดิมคงจะใช้เวลานานมาก สุดท้ายจึงคิดว่าแค่ทำให้มันบางลงไปนิดหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร เอาไว้ค่อยหาร้านตัดผมหลังจากนี้ก็แล้วกัน

รอจนเครื่องซักผ้าทำงานเสร็จหานอวี้ก็ได้เวลาลุกจากเตียงไปตากผ้าปูที่นอนและผ้าห่มที่ซักเอาไว้ มื้อเที่ยงหานอวี้ตัดสินใจว่าจะยังไม่กินจึงหยิบขนมปังแค่หนึ่งแผ่นที่ได้มาจากลู่เซี่ยนแล้วเตรียมตัวออกจากห้องทันที เสื้อฮู้ดแขนยาวสีดำถูกดึงซิปขึ้นปิดจนสุด ผ้าปิดปากสีดำอันเดิมถูกหยิบมาสวมอย่างเร่งรีบพร้อมกับแว่นกรองแสงที่ไม่มีค่าสายตา ฮู้ดด้านหลังถูกดึงมาปิดศีรษะจนแทบมองไม่เห็นหน้าคนสวม หลังสำรวจตัวเองว่าไม่ลืมคีย์การ์ด โทรศัพท์ และกระเป๋าใส่บัตรก็ได้เวลาออกจากห้องแล้ว

“มะ.. ไม่ไปแล้วได้ไหม” หานอวี้เดินมากว่ายี่สิบนาทีจนถึงสถานีรถไฟที่ดูเหมือนกับสนามบินมากกว่าก็มีความคิดอยากวิ่งกลับบ้านแล้ว

สถานีนี้เป็นสถานีเดียวที่อยู่ใกล้บ้านมากที่สุด นั่งจากสถานีนี้ไปสี่สถานีก็จะถึงหน้ามหาวิทยาลัย A และนั่นคือจุดหมายที่หานอวี้จะต้องไป แต่ถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาที่ทุกคนต้องทำงานคนที่มาใช้บริการสถานีรถไฟก็มีมากเกินไปอยู่ดี หานอวี้ยืนลังเลอยู่ด้านหน้าเล็กน้อยพลางมองแผนที่บนหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะทำการตัดสินใจครั้งใหญ่

“ฉันเดินไปดีกว่า..”

เพื่อหลีกเลี่ยงการเจอคนโดยไม่จำเป็นหานอวี้จึงตัดสินใจที่จะเดินจากสถานีอู่ถงไปยังสถานีมหาวิทยาลัย A แทน ถึงหลังจากวันนี้จะต้องเจอคนมากมายในมหาวิทยาลัยแต่ตอนนี้ขอเวลาตั้งตัวก่อนดีกว่า ระยะทางแม้จะไกลอยู่บ้างแต่เดินให้ร่างกายผอมบางนี้ได้ออกกำลังสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร หานอวี้กระชับกระเป๋าสะพายมากอดเอาไว้แล้วเดินตรงไปด้านหน้าอย่างไม่รีบร้อน มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์พลางก้มมองเพื่อหาทิศทางที่ถูกต้องไปด้วย

“เดินตรงไปอีกสักพักเลยสินะ อืม..”

โครม!!

ระหว่างที่กำลังเดิมพึมพำกับตนเองหลังผ่านเดินผ่านสถานีที่สองมา เสียงของวัตถุบางอย่างหนักๆ กระแทกกับถังขยะที่อยู่ด้านในซอยที่กำลังเดินผ่านทำเอาหานอวี้สะดุ้งโหยง เส้นผมสีม่วงเข้มเด่นมากเมื่ออยู่บนกำแพงสีขาว หานอวี้ที่กำลังลังเลว่าจะเข้าไปช่วยดีหรือเปล่าสบตาเข้ากับดวงตาสีทองที่มองมาพอดี อีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วโบกมือไล่ก่อนจะขยับลุกขึ้นหันหลังใช้ร่างที่น่าจะสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบบังราวกับไม่ให้หานอวี้เห็นด้านใน

“เฮ้ย ทำไมมันอึดแบบนี้วะ” เสียงนั่นดังออกมาจากด้านในหานอวี้จึงรู้แล้วว่าคนคนนี้ไม่ได้จะบังไม่ให้ตัวเองเห็น แต่บังไม่ให้ใครสักคนที่อยู่ด้านในเห็นด้านนอกต่างหาก

“เข้าไปจับมันมา! วันนี้ถ้าจูซีฮ่าวมันไม่ตายคามือฉันอย่าเรียกฉันว่าลูกพี่ซ่ง!”

คนตีกันเหรอ!

หานอวี้ที่ปิดหน้าปิดตามิดชิดเริ่มออกอาการแตกตื่นลนลานอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร คนตรงหน้าเริ่มออกหมัดต่อยตีคนแล้ว และยังโดนต่อยสวนกลับมาไม่ใช่น้อย จะให้วิ่งหนีไปก็รู้สึกไม่ดีและทำแบบนั้นไม่ลง แต่จะให้ไปช่วยแค่โดนเหวี่ยงก็น่าจะกระดูกหักแล้ว หานอวี้ล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายเพื่อหาอะไรที่พอจะใช้ได้จึงพบว่ามีขวดแป้งฝุ่นที่เหลืออยู่เกือบเต็มขวด ปาขวดถูกดึงออกอย่างรีบร้อนก่อนหานอวี้จะปิดปากขวดเขย่าแล้วโยนข้ามศีรษะของคนผมม่วงไปกระแทกลงบนศีรษะของคนที่เรียกตัวเองว่าลูกพี่ซ่ง

“หนีเร็วครับ” นี่เป็นเสียงที่กระตือรือร้นมากที่สุดของหานอวี้แล้ว มือที่เล็กข้อกระดูกชัดเจนคว้านิ้วชี้กับนิ้วกลางของคนผมม่วงเอาไว้แล้วลากให้วิ่ง หลังจากหายใจเอาแป้งฝุ่นที่ฟุ้งกระจายบดบังสายตาจนไอยกใหญ่คนผมม่วงที่ถูกช่วยเอาไว้ก็ได้สติกลับมา

“โอ้! ขอบใจนายมากสหาย พวกนั้นมันตามไม่เลิกจริงๆ!”

อย่าพึ่งพูดได้ไหม วิ่งก่อน..

หานอวี้ที่เดินตามเส้นทางของสถานีรถมาจากสถานีอู่ถงมาถึงสองสถานีขาก็เริ่มล้าแล้ว พอออกแรงวิ่งร่างกายที่เดิมปวกเปียกหลังจากพึ่งออกจากโรงพยาบาลยิ่งหมดแรงจนไม่มีแรงแม้แต่จะยกขาด้วยซ้ำ คนผมม่วงหันมองด้านหลังเห็นว่าหานอวี้ห่างออกไปเรื่อยๆ ทั้งหอบหายใจคล้ายจะเป็นลมล้มลงบนถนนก็รีบวิ่งเข้าไปจับตัวยกพาดบนบ่าราวกับแบกกระสอบข้าวสารแล้วออกวิ่งอีกครั้ง หานอวี้ถูกแบกกะทันหันจะห้ามก็ไม่มีแรงแม้แต่จะส่งเสียงออกมาแล้ว

“แฮ่ก.. เหนื่อยเป็นบ้า แล้วนายเป็นปีศาจต้นไผ่เหรอทำไมตัวเบาหวิวขนาดนั้น” ทำไมเป็นคนอยู่ดีๆ ฉันถึงกลายเป็นปีศาจต้นไผ่ได้ล่ะ.. หานอวี้มองคนผมม่วงที่ทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม คนถูกมองไม่เข้าใจสายตาของหานอวี้แต่กลับเอ่ยตอบพลางหัวเราะชอบใจ

“ปีศาจต้นไผ่ไง เป็นนิทานเด็กที่ดังจะตายนายไม่รู้จักเหรอ” ฉันจะไปรู้จักได้ยังไงกัน นิสัยของคนคนนี้เป็นประเภทที่รับมือได้ยากมากสำหรับหานอวี้ เดิมตั้งใจจะสลัดอีกฝ่ายทิ้งแต่กลับไม่มีจังหวะสักนิดเดียว

“นี่ๆ ฉันจูซีฮ่าว นายชื่ออะไรแล้วทำไมถึงได้เดินผ่านไปแถวนั้นล่ะ” หานอวี้เผลอสะดุ้งเพราะถูกถามซื้อ สองมือดึงฮู้ดให้ปิดใบหน้าของตัวเองมากกว่าเดิมแล้วตอบกลับไปเสียงเบา

“หานอวี้ กำลังจะไปแถวหน้ามหาวิทยาลัย A ครับ..”

“หา? เดินไป?” จูซีฮ่าวไม่รู้ว่าตัวว่าทำสีหน้าแบบไหนออกไปแต่รู้แค่ตัวเองกำลังตกใจกับคำตอบที่ได้ยิน ถึงจะไม่แน่ใจว่าหานอวี้เดินมาจากไหนแต่จากที่นี่จะไปมหาวิทยาลัย A ก็ไม่ได้ใกล้เลยสักนิด

หานอวี้ไม่ตอบแล้วเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่เงียบๆ จูซีฮ่าวนั่งมองอยู่สักพักจึงลุกไปที่ตู้ขายเครื่องดื่มที่อยู่ไม่ไกลแล้วซื้อน้ำเปล่ามาสองขวด เพราะเคยเจอคนมาหลากหลายรูปแบบแค่เห็นจูซีฮ่าวก็รู้แล้วว่าหานอวี้ไม่ถูกกับการพูดคุยกับคนแปลกหน้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังยอมช่วยเขาที่ถูกฉวยโอกาสรุมทำร้ายออกมาจะตอบแทนสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้ง

“ดื่มน้ำหน่อย นายปิดหน้าปิดตามิดขนาดนั้นหายใจออกเหรอ วิ่งมาตั้งไกลเป็นลมขึ้นมาจะแย่เอา” น้ำเปล่าไม่เย็นขวดหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้า หานอวี้ลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะรับมาพร้อมเอ่ยขอบคุณเสียงเบาแล้วดึงฮู้ดกับผ้าปิดปากออก

“เฮ้อ.. ค่อยยังชั่วหน่อย” เกือบจะเป็นลมไปแล้วจริงๆ พอถอดผ้าปิดปากออกถึงได้หายใจได้คล่องขึ้นมาบ้าง ใบหน้าของหานอวี้ที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าปิดปากทำเอาจูซีฮ่าวถึงกับพูดไม่ออก ดวงตาสีทองจ้องมองดวงตาสีใกล้เคียงกันอย่างสนอกสนใจจนหานอวี้ที่ถูกมองทำตัวไม่ถูก

“มี.. มีอะไรหรือเปล่า.. ครับ”

“โอ๊ะ! ขอโทษทีฉันไม่ได้ตั้งใจจะจ้องหน้านายนะ เอ่อ.. นายจะไปทำอะไรแถวมหาวิทยาลัย A ล่ะ” หานอวี้ตอบออกไปตามตรงว่าจะไปหางานพิเศษแถวนั้นตามที่ดูมาล่วงหน้า จูซีฮ่าวจึงมีท่าทีสนใจเล็กน้อยแล้วชะโงกมาดูรายละเอียดบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างระมัดระวัง

“ลอร์ดแห่งดวงดาวเหรอ? นายจะรับจ้างเล่นเกมแบบนี้แสดงว่าเล่นเกมเก่งน่ะสิ”

“ไม่รู้ว่าแบบไหนถึงจะเรียกว่าเก่ง แต่เคยเล่นเกมแบบนี้มาก่อนแล้วครับ” นายจะสุภาพเกินไปแล้ว นั่นคือความคิดของจูซีฮ่าวที่ทำตัวไม่ถูกแปลกๆ กับความสุภาพของหานอวี้ อย่าว่าแต่คำพูดเลยหากคนอื่นมองคงคิดว่าจูซีฮ่าวเป็นนักเลงที่มาไถเงินเด็กหนุ่มท่าทางไม่สู้คนแน่ๆ

“งานรับจ้างเล่นเกมสินะ จะรับคนจำกัดหรือเปล่าฉันกำลังจะไม่มีเงินด้วยสิ” หานอวี้เงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยหลังจากได้ยิน จูซีฮ่าวแต่งตัวดีมากแม้จะมีท่าทางเหมือนนักเลงไปหน่อยก็ตาม แต่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่เหมือนคนไม่มีเงินสักนิด คราวนี้จูซีฮ่าวอ่านสายตาของหานอวี้ออกจึงล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดหน้าต่างแชทหนึ่งยื่นให้ดู

“ฉันถูกพ่อไล่ออกจากบ้านเมื่อเช้าน่ะ ดีนะที่ข้าวของส่งไปที่หอของมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ตอนนี้บัตรฉันถูกยึดแล้วยังไม่มีที่ไปเพราะหอยังไม่เปิดให้เข้าพักจนกว่าจะเปิดเทอม”

“อ่อ คุณก็เป็นนักศึกษาเหมือนกันนี่เอง” แต่โลกนี้ทุกคนจะมีเอกลักษณ์กันเกินไปหรือเปล่า สีผมแบบนี้เข้าไปเรียนปีแรกคงจะโดดเด่นหน้าดู

โลกใบใหม่เปิดทัศนคติของคนติดบ้านอย่างหานอวี้มาก ไม่ว่ามองยังไงสีผมกับสีตาที่เป็นสีตามธรรมชาติเหล่านี้ก็น่าสนใจจริงๆ หลังจากนั่งพักต่ออีกครู่หนึ่งหานอวี้ก็ตกลงเดินทางต่อไปกับจูซีฮ่าว เส้นผมสีกรมยาวถูกมัดรวบขึ้นไปและหานอวี้ไม่สวมฮู้ดแล้ว มีแค่ผ้าปิดปากที่ยังสวมเอาไว้เหมือนเดิมและมีจูซีฮ่าวเดินเป็นองครักษ์อยู่ด้านข้าง ทั้งสองคนต่างกันมาก ในขณะที่จูซีฮ่าวพูดไม่หยุดหานอวี้นอกจากส่งเสียงอืมตอบรับแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเลย

ไหนจะถูกคนที่เดินผ่านไปมาจ้องมองอยู่หลายครั้งเพราะใบหน้าและส่วนสูงที่โดดเด่นทั้งคู่ หานอวี้สูงหนึ่งร้อยแปดสิบแบบปัดเศษขึ้นมาห้ามิลลิเมตร ส่วนจูซีฮ่าวนั้นสูงมากหลังจากมองด้วยตาเปล่าอยู่หลายครั้งจึงมั่นใจว่าน่าจะถึงหนึ่งร้อยแปดเก้า รูปร่างยิ่งไม่ต้องพูดถึงหานอวี้ผอมจนมือเห็นข้อกระดูกชัดเจน ส่วนจูซีฮ่าวมีกล้ามเนื้อตามประสาเด็กหนุ่มที่ออกกำลังกาย พอมาเดินอยู่ข้างกันน่ากลัวว่าหากจูซีฮ่าวออกแรงดึงกระดูกของหานอวี้ก็อาจจะแตกหักได้ทันที

“ฉันพึ่งถูกมองด้วยสายตาที่ไม่ใช่สายตาเหมือนกลัวเป็นครั้งแรกเลยแฮะ” จูซีฮ่าวอดพูดขึ้นมาไม่ได้หลังจากตกเป็นเป้าสายตาอยู่สักพักใหญ่ ต่างกับหานอวี้ที่เงียบอย่างคนที่ไม่รู้จะพูดอะไร

สำหรับฉันไม่ถูกมองจะดีกว่า..

“เฮ้! หานอวี้ถึงสถานีมหาวิทยาลัย A แล้ว นายจะไปร้านไหนก่อน”ใจหนึ่งหานอวี้ก็อยากจะถามออกไปว่าเราสนิทกันแล้วเหรอแต่คิดอีกทีเงียบเอาไว้ดีกว่า

ร้านแรกที่เลือกมาเป็นร้านขนาดกลางที่มีสมาชิกอยู่แล้วสามสี่คน ข้อเสนอจากเจ้าของฟังแล้วน่าสนใจแต่รายละเอียดบางอย่างที่จูซีฮ่าวถามอีกฝ่ายกลับอ้ำอึ้งบอกได้ไม่ชัดเจน อย่างรายได้ต่อชั่วโมงในกรณีที่เกินเวลา ระเบียบการทำงานในแต่ละวัน จำนวนชั่วโมงการรับงานต่อวัน เมื่อไม่ได้คำตอบจูซีฮ่าวก็หิ้วตัวหานอวี้ออกมาจากร้านนั้นทันที สถานการณ์ตอนนี้งุนงงมากหานอวี้ถูกจูซีฮ่าวที่ดูฮึกเหิมผิดปกติจับหิ้วเป็นลูกแมวออกมาด้านนอก อีกฝ่ายยังเอาแต่บ่นร้านรับเล่นเกมเมื่อครู่นี้ไม่หยุดอีกด้วย

“แม่ง! ฉันว่านะหานอวี้ที่นั่นจะต้องเป็นโรงงานนรกแน่ๆ รายได้ต่อวันห้าร้อยควอตซ์ ระยะเวลาทำงานเจ็ดชั่วโมงต่อวัน แต่ถ้างานมันรวมแล้วเกินชั่วโมงล่ะเงินจะให้เท่าไหร่แค่นี้ทำไมต้องอ้ำอึ้ง นายว่างั้นไหม”

“ก็คงแบบนั้น” หานอวี้พยักหน้าเห็นด้วยหลังจากฟังจูซีฮ่าวพร่ำบ่นเสียยกใหญ่ บางทีคนตรงหน้านี้อาจจะเข้ากับคนอื่นได้ง่ายมาก ขนาดเขาเป็นคนแปลกหน้าที่ช่วยเหลือกันเล็กน้อยยังสามารถทำตัวสนิทสนมได้ทันทีแบบนี้

“ฉันจะจำชื่อร้านนี้เอาไว้แล้วจะให้คนมาตรวจสอบคอยดูสิ พวกเราไปร้านต่อไปกันดีกว่า ร้านไหนๆๆ”

ร้านถัดมาแม้จะแค่ยืนอยู่ด้านนอกตึกก็รู้สึกแปลกๆ คล้ายกับจะมีสิ่งที่มองไม่เห็นปรากฏตัวออกมา หานอวี้กับจูซีฮ่าวก้มมองหน้าจอโทรศัพท์สลับกับมองตึกที่คล้ายกับตึกร้างตรงหน้าอยู่สักพักหนึ่ง จู่ๆ เสียงประตูเหล็กที่ไม่มีที่มาที่ไปจะดังขึ้นทำให้ทั้งสองสะดุ้งพร้อมกัน ก่อนจูซีฮ่าวที่ไม่ได้กลัวสิ่งที่มองไม่เห็นแต่กลัวจะเจอพวกนักเลงเจ้าถิ่นคว้าตัวหานอวี้วิ่งหนีอีกรอบ พลางสบถในใจว่าใครมันปล่อยตึกร้างเอาไว้ในซอยเปลี่ยวแบบนี้คิดจะเปิดแหล่งซ่องสุมใกล้มหาวิทยาลัยหรือไง!

“นี่เป็นร้านสุดท้ายแล้วใช่ไหม..” จูซีฮ่าวหมดแรงแล้วหลังจากแบกคนวิ่งหนีมาจนเกือบถึงร้านที่สามที่หานอวี้ดูเอาไว้ เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อหานอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะหยิบกระดาษทิชชูส่งไปให้พร้อมเอ่ยตอบ

“อือ ที่นี่ร้านสุดท้ายแล้ว” ถ้าไม่ได้พรุ่งนี้ค่อยลองหาดูใหม่.. หานอวี้ก็เริ่มเหนื่อยแล้วพึ่งออกจากโรงพยาบาลมายังไม่ทันพักก็ต้องมาออกแรงแบบนี้ ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่เป็นลมให้คนอื่นตกใจ

ร้านสุดท้ายนี้มองจากภายนอกคล้ายกับอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ในโลกก่อนมาก แต่ด้านหนึ่งก็คล้ายกับร้านหนังสือเก่าที่ภายนอกตกแต่งด้วยไม้เลื้อยขึ้นไปจนถึงหลังคา ร้านนี้เป็นตัวบ้านสามชั้นที่ชั้นล่างมองจากหน้าต่างเข้าไปจะเห็นเครื่องเล่นเกมวางอยู่แปดเครื่อง ที่นี่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาเท่าไหร่และอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัย A ไปหนึ่งซอย จูซีฮ่าวหันมองหานอวี้เล็กน้อยก่อนจะเป็นคนเปิดประตูเข้าไปด้านในเป็นคนแรก

กริ๊งง

“ยินดีต้อนรับครับ” เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้นพร้อมเสียงทุ้มของผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ อีกฝ่ายสวมแว่นตาและน่าจะสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบต้นๆ เพราะตัวเล็กกว่าหานอวี้เล็กน้อย เส้นผมสีดำและดวงตาสีม่วงอ่อนทำให้คนตรงหน้าดูอ่อนโยนขัดน้ำเสียงของตัวเจ้า

“สวัสดีครับผมจูซีฮ่าวส่วนนี่หานอวี้ พอดีผมกับเพื่อนเห็นว่าร้านของคุณรับสมัครพนักงานรับเล่นเกมเลยมาสมัครน่ะครับ” จูซีฮ่าวรับหน้าที่พูดคุยแทนหานอวี้ที่ถ้าให้เป็นคนพูดเองไม่รู้ว่าวันนี้จะคุยจบหรือเปล่า หานอวี้ไม่ได้ค้านเรื่องนี้แต่ที่คนด้านข้างบอกว่าเป็นเพื่อนนี่.. เราไปตกลงกันตอนไหน..

“พอดีเลย ฉันรั่วซิง พวกนายเล่นคลาสอะไร เมื่อสองวันก่อนมีคลาสนักธนูกับฮีลเลอร์มาแล้วฉันไม่อยากได้คลาสซ้ำน่ะ” รั่วซิงเป็นเจ้าของร้านที่ท่าทางใจดีหลังจากบอกว่าไม่อยากรับคลาสนักธนูกับฮีลเลอร์ซ้ำก็ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

“แล้วก็มือสังหารฉันมีคนอยู่แล้วน่ะ ถ้าได้เพิ่มก็ไม่มีปัญหา”

“ผมเล่นคลาสมือสังหารแต่ไอดีถูกพ่อลบทิ้งไปแล้วครับ..” จูซีฮ่าวบอกตามความจริงพร้อมเปิดหน้าจอโทรศัพท์ยื่นอดีตไอดีของตัวเองให้ดูเพื่อยืนยัน รั่วซิงไม่ได้ว่าอะไรเพราะถึงจะเริ่มใหม่การเพิ่มระดับตัวละครก็ไม่ได้มีปัญหาสักเท่าไหร่

“ผมเล่นเกมลอร์ดแห่งดวงดาวเป็นครั้งแรกครับ.. แต่ผมมีประสบการณ์เล่นเกมมามากกว่าเจ็ดปี” หานอวี้ไม่มีหลักฐานจึงทำได้แค่พูดปากเปล่าเท่านั้น แน่นอนว่ามันไม่มีความน่าเชื่อถือจึงพยายามไม่ให้ตัวเองพูดติดขัด

“คุณสามารถประเมินผมก่อนจ่ายเงินค่าจ้างได้.. หมายถึงให้ทดลองงานก่อน หากคุณยอมรับถึงเวลาผมรับรองว่าถึงจะเปิดไอดีใหม่ระดับของผมจะไม่เป็นปัญหาและกระทบกับงานครับ”

“ฉันไม่ได้ว่าอะไรนายไม่ต้องจริงจังขนาดนั้น พวกนายสองคนมีเวลาทดลองหนึ่งอาทิตย์เดี๋ยวฉันจะเปิดไอดีใหม่ให้ แต่ค่าพลังจิตของพวกนายเกินห้าร้อยตามที่ฉันกำหนดเอาไว้ใช่ไหม” หานอวี้กับจูซีฮ่าวมองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะหันไปพยักหน้าแทนคำตอบ ยังไงบนบัตรประจำตัวก็มีค่าพลังจิตที่วัดล่าสุดจากโรงพยาบาลระบุเอาไว้อยู่แล้วแน่นอนว่าจะโกหกไม่ได้

ทั้งคู่ยื่นบัตรประจำตัวของตัวเองให้รั่วซิงเอาไปทำการลงทะเบียนไอดีให้ ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นค่าพลังจิตของจูซีฮ่าวนั้นสูงถึงหกร้อยยี่สิบแปดพอๆ กับตัวเอง ก่อนจะเกือบบีบเครื่องเสียบบัตรทิ้งเมื่อเห็นตัวเลขค่าพลังจิตของหานอวี้ รั่วซิงมองตัวเล็กที่ปรากฏอยู่บนบัตรก่อนจะหันมองหานอวี้ที่กำลังสำรวจเครื่องเล่นเกมด้วยความสนใจ ค่าพลังจิตแปดร้อยเก้าสิบเจ็ด ถึงขั้นขึ้นแถบสีแดง เรื่องแบบนี้มองแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ ..

“เอาไปสิฉันลงทะเบียนให้พวกนายเสร็จแล้ว แต่มานั่งคุยกันก่อนว่าคิดจะเล่นคลาสอะไรกัน” รั่วซิงชี้เก้าอี้ที่ว่างสองตัวให้ลากมานั่ง หานอวี้ไม่ต้องขยับตัวจูซีฮ่าวก็เป็นคนไปยกมาให้ทั้งสองตัวแล้วเริ่มถามก่อน

“ผมคิดว่าจะเล่นมือสังหารเหมือนเดิมครับ แต่ว่าดูหานอวี้ก่อนผมอยากสนับสนุนเพื่อนมากกว่า” หานอวี้ที่ถูกดึงเข้าบทสนทนาด้วยเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะดึงผ้าปิดปากเล็กน้อยพร้อมพึมพำตอบ

“ผม.. สนใจคลาสผู้อัญเชิญครับ เหมือนจะมีคนเล่นน้อยมาก..”

“ใช่แล้วล่ะ คนที่เล่นนับด้วยมือเดียวยังพอเลย” เมื่อได้ยินว่าหานอวี้จะเล่นคลาสผู้อัญเชิญรั่วซิงก็ลุกขึ้นมานั่งหลังตรงทันที

“หานอวี้ นายกับจูซีฮ่าวรู้ไหมว่าทำไมคนถึงไม่เล่นคลาสนี้ทั้งที่มันพึ่งเปิดตัวพร้อมกับแพทช์ล่าสุด ซึ่งความจริงควรมีคนให้ความสนใจมากกว่านี้” ทั้งสองส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าคลาสผู้อัญเชิญถึงไม่เป็นที่นิยม รั่วซิงมองเด็กทั้งสองคนแล้วถอนหายใจก่อนจะอธิบายให้ฟัง

“เพราะคลาสนี้เงื่อนไขสูงมากแม้นายจะเลือกเปลี่ยนคลาสเมื่อระดับถึงสิบห้า หรือสามสิบห้าแล้วก็ตาม กว่าจะอัญเชิญสิ่งหนึ่งออกมาได้มันไม่ง่าย บางครั้งนายได้ตายระดับลดก่อนจะทำพันธสัญญาด้วยซ้ำ แล้วหากสัตว์อัญเชิญของนายตายนายก็จะหมดสิทธิ์ต่อสู้ทันที ไหนจะเงื่อนไขทำสัญญาอีก เรื่องจุกจิกเยอะมากคนถึงได้ไม่เล่นกัน ที่เห็นมีคนเล่นอยู่นี่ก็คงจะเป็นไอดีรองกันนั่นแหละ”

“ทำไมมันดูยุ่งยากจัง.. นายจะเล่นคลาสผู้อัญเชิญจริงๆ เหรอหานอวี้” แค่ฟังจูซีฮ่าวก็เหงื่อตกแล้ว แต่หานอวี้ยังคงยืนยันคำตอบเดิมของตน

“อือ ฉันจะเล่นคลาสนี้” หานอวี้นิ่งไปครู่หนึ่งหลังเอ่ยจบก่อนจะพูดต่อเสียงเบา

“เป็นผู้อัญเชิญไม่ได้หมายความว่าจะต้องพึ่งสัตว์อัญเชิญอย่างเดียวครับ ผมมั่นใจในประสาทสัมผัสของตัวเอง ธนูหรืออาวุธอื่นผมก็สามารถใช้ได้” ความหมายของหานอวี้คือร่วมสู้ไปพร้อมกับสัตว์อัญเชิญไม่ว่าจะเป็นชนิดไหนก็ตาม รั่วซิงพึ่งเคยเจอเด็กที่มั่นใจในฝีมือของตัวเองทั้งที่ดูจะกลัวการคุยกับคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรกจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพอใจ

“ดีๆ พวกนายลองปรึกษากันก่อนแล้วใช้เครื่องเบอร์สี่กับห้าได้เลย เบอร์หนึ่งนั่นเครื่องของฉันส่วนเบอร์สองมีเจ้าของแล้ว เบอร์หกกับเจ็ดเป็นของสองคนก่อนหน้านี้”

“ขอบคุณครับ..” หานอวี้ไม่รู้ว่าจะเรียกอีกฝ่ายว่ายังไงดีจึงมองด้วยความสับสนอยู่ครู่หนึ่ง รั่วซิงที่กำลังจะหยิบหนังสือมาอ่านเห็นสายตานั้นเข้าจึงพูดด้วยน้ำเสียงใจดี

“เรียกพี่ซิงก็ได้ฉันไม่ถือ พวกนายพึ่งจะเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหมล่ะ ฉันก็พึ่งเรียนจบมาที่มหาวิทยาลัย A เนี่ยแหละ”

“พี่ก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย A เหรอครับ!” จูซีฮ่าวหันกลับมาถามอย่างกระตือรือร้นพลางเปิดหน้าเอกสารรับรองให้ดูไปด้วย

“ผมพึ่งเข้าเรียนปีนี้คณะวิทยาการเทคโนโลยีครับ!” คราวนี้คนที่ชะงักคือหานอวี้ที่กำลังไล่อ่านรายละเอียดคลาสในเกมลอร์ดแห่งดวงดาว บางครั้งโชคชะตาก็ประหลาดนำพาให้สองคนมาพบกันแล้วยังเรียนอยู่คณะเดียวกันอีก..

“ฉันก็เรียนคณะวิทยาการเทคโนโลยีเหมือนกัน..”

“นายด้วยเหรอ! ไหนขอฉันดูรายชื่อในประกาศผลสอบเข้าหน่อย.. หานอวี้ๆๆ .. เจอแล้วนายอยู่ลำดับที่.. นาย..” คะแนนและลำดับของหานอวี้ทำให้จูซีฮ่าวพูดไม่ออก แม้แต่รั่วซิงยังสนใจจนต้องลุกมาดูบนหน้าจอโทรศัพท์ด้วยอีกคน

ลำดับที่หนึ่ง หานอวี้ หกร้อยแปดสิบสองคะแนน

“ฉันจบจากคณะนี้.. แต่คะแนนเข้าสอบปีนี้เต็มเท่าไหร่นะ” รั่วซิงถึงกับดันแว่นแล้วถามเพราะไม่แน่ใจกับตัวเลขที่เห็น จูซีฮ่าวนั้นสติหลุดลอยไปแล้วแต่ยังสามารถเอ่ยตอบได้แม้เสียงจะเบาหวิวก็ตาม

“เต็มเจ็ดร้อยเหมือนทุกปีเลยครับรุ่นพี่..”

“นี่มันเด็กเทพนี่.. น่ากลัวเกินไปแล้ว” คะแนนนั้นเจ้าของร่างคนเก่าเป็นคนทำต่างหาก.. หานอวี้อยากเอ่ยแย้งแต่ไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาอ้างกับคำพูดของตนจึงได้แต่ปิดปากเงียบ เมื่อนึกถึงชั้นหนังสือที่กินพื้นที่ห้องด้านหนึ่งไปการที่หานอวี้คนเก่าจะได้คะแนนมากขนาดนี้ก็ไม่แปลก อีกอย่างคำนี้ก็ได้ยินมาจนเบื่อแล้วเหมือนกัน คำว่าหานอวี้เป็นเด็กเทพนี่เองน่ะ

“คะแนนหกร้อยยี่สิบในตำนานของฉันถูกโค่นแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ ดีมากๆๆ อย่าให้คะแนนถูกโค่นได้ง่ายๆล่ะ” รั่วซิงทั้งตกใจทั้งพอใจจนคล้ายจะไม่สติอยู่เล็กน้อย หลังตบบ่าหานอวี้ไปสองสามทีก็เดินกลับไปนั่งพึมพำกับตัวเองคล้ายกับได้รับผลกระทบทางใจอย่างใหญ่หลวง

“นายน่ากลัวมาก.. ฉันยังสอบเข้าได้ที่ห้าสิบแปดจากหนึ่งร้อยยี่สิบคนเอง” เรียบได้ว่าคะแนนของจูซีฮ่าวนั้นอยู่ตรงกลางพอดี

“คะแนนจริงคือตอนเรียนต่างหาก.. จูซีฮ่าว จะเลือกคลาสไหนเหรอ” หานอวี้รีบเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากคุยเรื่องคะแนนมากเกินไป คำพูดที่ค่อนข้างเป็นทางการถูกห้ามไม่ให้พูดเด็ดขาดหานอวี้จึงใช้คำพูดที่เป็นกันเองขึ้นกว่าเก่า หลังจากจ้องระหว่างคลาสมือสังหารกับอีกคลาสหนึ่งบนหน้าจอโทรศัพท์ยื่นมาอยู่สักพักจูซีฮ่าวก็ตัดสินใจเลือกอย่างหลัง

“ฉันตัดสินใจแล้วฉันจะเป็นหมอผี หากสัตว์อัญเชิญของนายตายฉันก็จะปลุกชีพมันในการต่อสู้ได้ ส่วนเรื่อง PvP[4]

.. นายคงจะมีวิธีรับมือถูกไหม”

“อือฉันมีวิธี จะลองเข้าเกมก่อนไหม ฉันเห็นว่าระบบจะปรับหน้าตาของเราประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันคงจะเปลี่ยนแค่สีตากับทรงผม” หานอวี้อยากลองเข้าเกมใจจะขาดแล้วจึงมองคล้ายจะเอ่ยเร่ง จูซีฮ่าวที่ถูกลบไอดีไปเองก็คันไม้คันมือไม่ต่างกันจึงไม่รอให้เสียเวลา

“ฉันก็เหมือนกัน มัวแต่ปรับตัวละครกว่าจะเสร็จไม่ต้องเล่นกันพอดี เดี๋ยวเจอกันในเกมล่ะหานอวี้ คิดชื่อเจ๋งๆ ไว้ด้วยล่ะ” จูซีฮ่าวนั่งลงสวมเครื่องเล่นเกมก่อนแล้วยื่นกำปั้นมาให้ หานอวี้พึ่งสวมเครื่องเล่นเกมเสร็จลังเลเล็กน้อยก่อนจะยื่นหมัดที่มีแต่กระดูกไปชนเบาๆ

“อืมเจอกันในเกม” ส่วนไอดีของฉันมีชื่ออยู่แล้วล่ะ

[หานอวี้ล็อกอินแล้ว]

[โปรดตั้งชื่อตัวละครของท่าน]

“อ้ายอวี้ซิงซิง”

อ้ายอวี้ซิงซิง ออนไลน์แล้ว

-------------------------------------------------------------------------------------------------

#เทพเกมข้ามมิติมาแล้ว

เชิงอรรถ

เกมที่ผู้เล่นหลายคนเข้ามาเล่นในเวลาเดียวกัน และเสมือนอยู่ในโลกเดียวกัน โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ และผู้เล่นแต่ละคนจะสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวหนึ่งในโลกนั้น เช่นเกม World of Warcraft, Ragnorok Online, Mu Online เป็นต้น รวมถึงเกมที่อยู่ในสมาร์ทโฟนด้วย การจำลองสภาพแวดล้อมจริงเข้าไปให้เสมือนจริง โดยผ่านการรับรู้จากการมองเห็น เสียง สัมผัส แม้กระทั้งกลิ่น โดยจะตัดขาดเราออกจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันเพื่อเข้าไปสู่ภาพที่จำลองขึ้นมา ตัวละครใด ๆ ที่ไม่ได้ถูกควบคุมโดยผู้เล่น โดยปกติในวิดีโอเกมจะหมายถึง ตัวละครที่ถูกควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ผ่านปัญญาประดิษฐ์ Player vs Player เป็นการท้าดวลระหว่างผู้เล่นกัน (ในสนามท้าประลอง)

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ